บทที่ 158 อับอาย
1/
บทที่ 158 อับอาย
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 158 อับอาย
บทที่ 158 อับอาย ยักไหล่ เพ็ญนีติ์รู้สึกอับอาย ทำไมถึงได้เอาเรื่องสำคัญมาโยนไปไว้ข้างหลังได้นะ ซองจดหมายถูกยื่นมาตรงหน้าของเธอ “ในนั้นมีของผม มีของคุณ ทั้งหมดสี่ฉบับ คุณลองตรวจดู” ส่งให้เธออย่างไม่ลังเล ดวงตาของเขาฉายแววอย่างคมชัด เขาได้ปล่อยเธอไปแล้วจริงๆ หรืออาจแค่เคารพการตัดสินใจของเธอเท่านั้น เธอรับมันมาอย่างช้าๆ แต่ไม่ได้ฉีกซองของซองจดหมาย “ขอบคุณค่ะ” เพียงเอ่ยแผ่วเบา แต่เดิมคิดไว้ว่าเมื่อได้มาแล้วคงจะต้องผ่อนคลายลง แต่นาทีนี้ใจของเธอกลับหนักอึ้ง กดเธอไว้จนเหมือนจะหายใจไม่ออก “พรุ่งนี้แปดโมงเช้า ผมจะรออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลศาสตร์พงษ์รอคุณกับอ้อยและส้ม ไม่เจอก็ไม่ไป” เรียบร้อยอย่างเรียบง่าย เขาวางมือง่ายๆโดยที่ไม่มีการแก้ไขอะไรอีกแล้ว นั่นทำให้เธอเบิกตาโต ปุริมที่เป็นแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นขึ้นมา “ค่ะ” รู้สึกสับสนในใจ เธอเลยตอบกลับแผ่วเบา หันหลังกลับแล้วเดิน ไม่อยากอยู่ในห้องเดียวกับเขาอีกแล้ว มิฉะนั้นความรู้สึกกดดันนั้นจะทำให้เธอหยุดหายไปจริงๆ “เพ็ญนีติ์ ทำไมถึงไม่อ่าน” เธอรีบเดินอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ตะโกนตามหลังมา เธอไม่รู้ เธอแค่อยากออกไป โดยเร็ว รีบไปจากปุริมทันที เธอเป็นอิสระแล้ว แต่ว่าหากมีเขาอยู่ด้วยมันเหมือนว่าอิสระนั้นไม่ใช่ของจริง ไม่อยากอ่าน เขาบอกว่าให้เธอแล้วนี่ อย่างนั้นก็คงจะเป็นจริง เมื่อเธอไม่ตอบกลับ เขาก็กล่าวต่อ: “เพ็ญนีติ์ ลงตึกไป ขึ้นรถไป หากคุณว่าผิดปรกติอะไรคุณยังกลับมาหาผมได้นะ แต่ถ้าคุณออกไปจากวิลล่าแล้วมาบอกว่ามันไม่ถูกต้อง แบบนั้นผมก็จะไม่สนใจมัน พรุ่งนี้ต้องไปอุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟด้วยนะครับ” ข้างหลังนั้นยังได้ยินเสียงใสของเขาดังมา มันเหมือนกับเสียงนาฬิกาตอนเที่ยงที่ทำให้เธอรู้สึกรำคาญ หรือว่าของทั้งสี่ในซองจดหมายนี่จะเป็นของปลอมกัน ไม่ใช่หรอก สัมผัสที่หกของเธอบอกเธอว่ามันไม่ใช่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เปิดอ่านมัน รีบวิ่งลงตึกมาราวกับบิน เสียงฝีเท้าในวิลล่าที่เงียบขนาดนี้ย่อมได้ยินอย่างชัดเจน ข้างหลังนั้นชายหนุ่มไม่ได้ตามลงมา แต่ตอนที่เธอหายใจหอบอยู่บนรถ เขาก็ส่งข้อความมา: คุณไม่เป็นอะไรนะ หากขับรถไม่ได้ ผมจะไปส่งคุณ ฉันรีบตอบกลับอย่างไว: ฉันสบายดี ฝันดีค่ะ แล้วเพ็ญนีติ์ก็รีบสตาร์ทรถทันที มาเร็ว และกลับอย่างรวดเร็ว บนพวงมาลัยคือจดหมายฉบับนั้น จดจ้องมัน ยังคงไม่อยากเชื่อว่าเขาคืนสัญญานี่ให้เธอจริงๆ บนรถ รีบออกไปจากวิลล่าด้วยความไวราวกับบิน เธอไม่กล้าหันหลังกลับ ไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไรอยู่เหมือนกัน แต่เธอรู้สึกได้ถึงสายตาสีนิลคู่หนึ่งที่จ้องมายังรถของเธอจากบนระเบียง จนกระทั่งมองไม่เห็นอีก เขาให้รถเต่านี้แก่เธอ ความจริงมันสวยมาก เขาคืนอิสระของเธอมาแล้ว รถที่ทันสมัยแบบนี้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอแล้วจริงๆ ตลอดทางนั้นคือความรู้สึกของอิสระ เธอเหมือนกับนกตัวน้อยที่ออกมาอาละวาดยามค่ำคืน ดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ลังเลมากเช่นกัน ไม่รู้ว่าลังเลอะไรเหมือนกัน แต่เธอรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เขาบอกไว้แล้ว หากเธอได้ออกจากวิลล่าไปแล้ว แล้วได้เปิดอ่านอีกครั้งแล้วมาบอกว่ามันไม่ถูกต้องเขาก็จะไม่สนใจ แต่ในตอนที่อยู่ในวิลล่า เธอก็ไม่ได้อ่านมันเลย ไม่รู้ว่านั่นคือความเชื่อใจหรืออะไร แต่เธอก็ไม่ได้เปิดมันอ่านเลย รถขับมายังตระกูลศาสตร์พงษ์ด้วยระดับปรกติ อย่างช้าๆ ใจของเธอนั้นในที่สุดก็สงบลง ขับเข้ามาในโรงรถของตระกูลศาสตร์พงษ์ มองเวลาอีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่สองโมงแล้ว เมื่อนึกถึงสัญญาขอพรุ่งนี้เช้า เธอก็รีบขึ้นไปบนห้องทันที ได้นอนมากขึ้นสักนิดก็ยังดี ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้จะไม่มีแรงได้ บริเวณบ้านของตระกูลศาสตร์พงษ์นั้นเงียบมาก ไฟตามทางเดินตั้งแต่ห้องโถงไปจนถึงบนตึกสว่างอยู่ไม่กี่ดวงเท่านั้น มันสะท้อนเงาของเธอกับสียามค่ำคืนไปเสียยาว ในมือ คือกระดาษจดหมายแผ่นนั้น ตั้งแต่เริ่มจนจบมันยังคงอยู่ในกำมือของเธอ เหมือนว่าข้างในนั้นไม่ได้มีแค่สัญญาแต่ยังมีของอย่างอื่นอยู่ด้วย นูนนูน แต่ก็ไม่ได้สัมผัส และไม่ได้เปิดออก รีบอาบน้ำและล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ข้อความของปุริมมาอีกแล้ว: ที่รัก ฝันดีนะ เจอกันพรุ่งนี้ครับ อบอุ่นเหลือเกิน แต่เธอไม่ใช่ที่รักของเขา เธอตอบกลับไป: เพ็ญนีติ์ตอบกลับคุณปุริม ฝันดีค่ะ แต่ข้อความของเธอเพิ่งจะส่งไปเท่านั้น เขาก็จงใจส่งกลับมาอีกครั้ง: ที่รักครับ ฝันดี ยังคงเป็นที่รัก ไอ้คนบื้อนี่ ช่างมัน นอนเถอะ ผู้หญิงที่ดีจะไม่ทะเลาะกับผู้ชาย เพียงไม่กี่คำดวงตาของเธอก็แย่แล้ว เธอต้องนอนแล้ว เธอไม่อยากจะตื่นขึ้นมาตาเป็นหมีแพนด้าหรอก เธอยังไม่ทันได้นอนเต็มอิ่ม ตอนเช้าก็ต้องไปปลุกพวกเด็กๆแล้ว และยังต้องไปทักทายปัทมาและชนรพ รวมทั้งนภนต์ด้วย สวรรค์ ทำไมเรื่องมันถึงเยอะขนาดนี้ ไม่คิดแล้ว เรื่องของวันพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ค่อยๆหลับตาลง โดยเร็วเพ็ญนีติ์ก็จมลงไปในความฝัน ในมือยังคงกำจดหมายนั้นไว้ เหมือนกับว่าถ้าคลายมือออกอิสระของเธอก็จะบินหายไป แต่ว่าความจริง สิ่งที่เธอกุมไว้นั้นคือสัญญาและหน้าที่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดฉบับหนึ่ง แต่จิตใต้สำนึกของเธอกลับเชื่อเขา... เช้าตรู่ คิดว่านั้นคือเสียงของนาฬิกาปลุก แต่เมื่อยื่นมือไปอย่างสะเปะสะปะ เธอก็ได้รู้ว่านั้นคือเสียงโทรศัพท์มีสายเข้า รับสายทั้งๆที่ตายังปิดอยู่ “ใครคะ เช้าขนาดนี้” เกลียดจนอยากฆ่า ฆ่าสักพันครั้ง “คุณมาที่หน้าต่าง” “อะไรคะ” เธอกล่าวถาม แต่เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง เป็นปุริม เท้าเปล่ากระโดลงบนพรมก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง นอกหน้าต่างแสงสว่างของยามเช้ากำลังส่องขึ้น BMWคันคุ้นเคยสีดำนั้นกำลังอาบน้ำภายใต้แสงแดดอ่อนๆ เหมือนกับโบกมือให้เธอ เวลานั้นเองเธอถึงได้รู้ว่านี่แปดโมงเช้าแล้ว สวรรค์ เธอสายแล้ว “อ้อย ส้ม...” มือเท้าพันกันเพื่อจัดการตัวเองให้ดีแล้วรีบเปิดประตูตะโกนเรียกอ้อยและส้ม แต่ก็มาเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองที่มาอยู่ข้างหน้าเธอนั้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว “หม่ามี๊ ออกไปข้างนอกกันได้แล้วหรือคะ” “พวก... พวกหนู...” เมื่อคืนวานเธอไม่ได้ฝันนะ เธอยังไม่ได้บอกเด็กๆเรื่องจะไปอุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟเลย “ไปเร็วค่ะ แด๊ดดี๊รอพวกเราอยู่ข้างนอกแล้ว หม่ามี๊ หนูเอาปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ที่หม่ามี๊ชอบมาด้วย ยังร้อนอยู่เลยค่ะ ไปทานบนรถนะคะ” ส้มลากชายเสื้อของเธอให้รีบเดิน “คุยกับคุณยายกับคุณปู่ชนรพแล้วหรือยัง” “อื้อ คุยแล้วค่ะ คุณยายกับคุณปู่ชนรพออกไปวิ่งแล้ว พวกเราไปกันเถอะค่ะ” “แล้วพ่อเลี้ยงล่ะ” “พ่อเลี้ยงก็ไปข้างนอกเหมือนกันค่ะ พ่อเลี้ยงบอกต้องทำงาน” ทำไมมันกลายเป็นว่าเธอรู้เป็นคนสุดท้ายไปได้ ไม่รู้ว่าขึ้นมานั่งบนรถของปุริมได้อย่างไร แต่ภายในหูนั้นยังคงมีเสียงของเด็กน้อยทั้งสองดังไม่หยุด สักพักแด๊ดดี๊สักพักหม่ามี๊ดังไปมาไม่หยุด เขาไดคืนอิสระให้เธอแล้ว แต่เวลานี้ตอนที่นั่งอยู่บนรถของเขา แต่เธอดูเหมือนไม่มีอิสระเลยสักนิด เหมือนกับว่า เธอยังคงตกเป็นรองเขา แต่เธอไม่ใช่แล้วนี่ เธอเป็นอิสระแล้ว นึกถึงวันนั้นในร้านอาหารกินสุขที่ปุริมเคยกระทำเธออย่างโหดร้ายต่อหน้าพวกเด็กๆ แต่ตอนนี้เด็กๆต่างโดนเขาหลอกล่อจนในสายตามีแค่เขาเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไรเหมือนกัน แต่ว่าทักษะและความสามารถของเขานั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกชื่นชมแม้แต่น้อย นั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร เหมือนดอกบัวที่อยู่ที่มุมมุมหนึ่ง แต่ถูกเงาของต้นไม้ปกคลุมตัวเธอไป เขาเป็นแด๊ดดี๊ของเด็กๆ ดังนั้นในโลกของพวกเธอเขาก็สำคัญเช่นกัน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเข้าใจผิดมาโดยตลอด คิดมาตลอดว่าในสายตาของเด็กๆนั้นเธอคือที่หนึ่งเสมอ แต่ตอนนี้ ทั้งหมดมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว “แด๊ดดี๊ ครั้งนี้พวกเราจะว่ายน้ำได้ไหมคะ” “ได้สิครับ” เขาพูดอย่างมั่นใจพร้อมหักพวงมาลัยเพียงเล็กน้อย “ทำทะเลจะไม่เย็นหรือคะ” “เย็นครับ แต่แด๊ดดี๊มีวิธีทำให้พวกหนูว่ายน้ำได้” “จริงหรือคะ” ส้มลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น สำหรับเธอนั้นการว่ายน้ำคือเรื่องใหญ่มาก เด็กน้อยอยากว่ายน้ำ เธอไม่ซ่อนความต้องการของเธอแม้แต่น้อย “จริงครับ” “โอ้เย้... แด๊ดดี๊ดีมากๆ” ไม่ได้สนว่าปุริมกำลังขับรถหรือไม่ เด็กน้อยที่นั่งอยู่เบาะหลังลอดศีรษะมาทางช่องใหญ่ แล้วจุ๊บปุริมเสียงดังหนึ่งที อันตรายมา เพ็ญนีติ์คิ้วขมวด “ส้ม นั่งลง” น้ำเสียงของเธอดูจริงจังมาก ไม่ได้พูดมาครึ่งวันแล้ว เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันเลยทำให้ส้มสะดุ้งตกใจ รีบนั่งลงอย่างรวดเร็ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ: “หม่ามี๊ เป็นอะไรหรือคะ” “ที่หนูทำเมื่อครู่มันอันตรายมาก ทีหลังตอนที่ขับรถอยู่ห้ามยืนขึ้นมาอย่างนั้นอีก” ส้มดูอึกอัก ใบหน้าเล็กก้มลง ท่าทางเล็กๆนั่นเหมือนจะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย “ได้ยินหรือเปล่า” เมื่อส้มไม่พูดออกมา เพ็ญนีติ์ก็อดที่จะโมโหออกมาไม่ได้ เมื่อก่อนไม่ว่าอ้อยและส้มจะซนอย่างไรเธอก็ไม่เคยโกรธ แต่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงได้โกรธกัน น้ำตาของส้มไหลมาทันที แล้วสะอื้นเบาๆ: “ได้ยินแล้วค่ะ ทีหลังจะไม่ทำแล้ว” ส้มร้องไห้เช่นนี้ บรรยากาศผ่อนคลายในรถก็กลายเป็นเครียดทันที อ้อยเมื่อรู้สึกว่าเพ็ญนีติ์อารมณ์ไม่ดี ก็ไม่พูดเช่นกัน ช่วงเวลาของเส้นทางไปอุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟกลายเป็นช้าและยาวนานทันที เหมือนกับว่าไม่มีทางจะไปถึงจุดหมายตลอดไป ปุริมที่กำลังขับรถอยู่คิ้วขมวด ถึงแม้ที่เพ็ญนีติ์พูดจะมีเหตุผล แต่เมื่อครู่นั้นเธอเองก็ดูแปลกๆไป “เพ็ญนีติ์ เรื่องนี้คุณโทษผมเถอะ อย่าว่าพวกเด็กๆเลย” เขาที่ขับรถอยู่ พูดอยู่ตลอดว่าที่พูดไปนั่นไม่ถูกต้อง หายากมาเลย ที่ปุริมผู้น่าเกรงขามจะกล่าวขอโทษออกมา ลอดมองไปข้างหลังของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ฮะฮะ พวกหนูนามสกุลพลสังข์ อีกหน่อยก็ไม่ได้ใช้นามสกุลเพ็ญนีติ์แล้ว หม่ามี๊คิดว่าคงควบคุมมากไปสินะ” ไม่รู้ว่านั้นคือความโกรธหรือความไม่ยอมกันแน่ คิดมาตลอดว่าเมื่อเด็กเจอเธอกับปุริมจะต้องเลือกเธอก่อนแน่ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่อดทนอีกแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความสับสน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะสูญเสียเด็กๆไป ดังนั้นสติที่เคยมีจึงหายไป ถึงแม้จะนั่งอยู่ตรงกลางของเด็กทั้งสอง เธอก็ยังรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวที่เคยอยู่ตัวคนเดียว แต่เดิมเธอนั้นไม่มีอะไรมาโดยตลอด “หม่ามี๊ พูดถึงอะไรหรือคะ” เธอแค่เผลอปากไป แต่นั่นทำให้เด็กน้อยทั้งสองต่างเงยหน้ามามองเธอในเวลาเดียวกัน และใบหน้าเล็กของส้มยังคงมีหยดน้ำตาอยู่ เห็นแล้วน่าสงสารมาก ทำให้เธอปวดใจอย่างทนไม่ได้ จนอยากจะกอดส้มไว้ แต่ว่า...
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 158 อับอาย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A