บทที่ 161 เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ
1/
บทที่ 161 เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 161 เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ
บทที่ 161 เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ ในขณะที่เธอกำลังยืนงงอยู่นั้น ปุริมที่อยู่ข้างหลังเธอโบกไม้โบกมือให้กับอ้อยและส้มอย่างยกใหญ่ เด็กทั้งสองก็รีบวิ่งไปยังหน้าประตูห้อง “หม่ามี๊ พวกหนูจะไปเอาชุดว่ายน้ำอยู่ห้องข้างๆแล้วนะคะ หม่ามี๊ต้องรีบหน่อยนะคะ กินข้าวเสร็จแล้วไปเที่ยวกันค่ะ แดดดี๊บอกว่าจะพาเราไปว่ายน้ำด้วย” ส้มพูดจบก็รีบวิ่งหายไปจากหน้าประตู เหลือเพียงแค่อากาศที่ว่างเปล่าให้ไว้กับปุริมและเพ็ญนีติ์ มือใหญ่ๆจับอยู่ระหว่างเอวของเธอ ใช้แรงไม่น้อยเลยที่จะจับร่างที่ขัดขืนของเธอให้หันกลับมา เสียงประตูปิดดังตามมาเบาๆ เธอไล่สายตามองขึ้นไปที่ชายตรงหน้า เขาเอยขึ้นเบาๆ “เพ็ญนีติ์ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ นะ?” เขาเอ่ยด้วยเสียงงัวเงียเบาๆ แววตาสีหน้าของเขากลับไม่เหมือนเขาที่เจอในครั้งแรก ราวกับว่า เขาในตอนนี้มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากเมื่อก่อนนั่นคือความจริงจัง แต่หน้าตาความหล่อเหลาของเขาเป็นที่ดึงดูดของผู้คนอยู่เช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย น้อยนักที่จะเห็นชายตรงหน้ามีท่าทีที่จริงจังแบบนี้ “ปุริม นี้คือคุณกำลังจีบฉันอยู่ใช่ไหม?” “อืม เป็นแฟนกับผมนะ ตกลงไหม?” เขาพูดช้าๆทีละคำๆ ถามเธออย่างชัดเจน เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา แต่มือกำลังแกะมือเขาที่ติดอยู่ที่เอวออก จากนั้นตอบด้วยเสียงอันดังชัดเจน “ไม่..ตก...ลง..” “ทำไมล่ะ?” เขาแกะมือข้างนั้นของเขาออกได้สำเร็จ แต่มืออีกข้างของเขากลับมาจับอยู่เช่นเดิม ยังไงซะแรงของผู้หญิงก็เอาชนะแรงของผู้ชายไม่ได้หรอก เสียเวลาแกะอยู่ครู่ใหญ่ มือของเขายังคงจับอยู่ที่เอวของเธอเหมือนเดิม ทำให้เธอเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นมา “ปุริม คุณแกล้งฉันหรอ” “แกล้งที่ไหนกัน ไม่มี อีกอย่างตอนนี้ ผมกำลังขอความคิดเห็นจากคุณอยู่ไม่ใช่หรอ?” “ฉันบอกไปแล้วไงว่าไม่ตกลง คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ?” กล้าดียังไงจะให้เธอเป็นแฟนกับเขา เธอต้องยอมเป็นอย่างงั้นหรอ? “เพ็ญนีติ์ ไม่เอาน่า ครั้งนี้ผมจริงจังจริงๆ” “เหอะๆ” ครั้งก่อนเขาก็ดูเหมือนจริงจังแบบนี้แหละ ยังขอเวลาให้เขาลืมเพ็ญภัทร์ แต่พอเพ็ญภัทร์ปรากฏตัวขึ้น ก็รีบเขี่ยเธอทิ้งไม่สนใจ แล้วยังโยนความผิดมาให้เธออีก พอคิดถึงเรื่องนี้ มันก็น่าโมโหจริงๆ “ยิ้มอะไร?” เขาใช้มือที่ว่างอีกข้างวางที่แก้วแล้วเชยค้างเธอขึ้น ลูบไล้ไปตามจุดอ่อนต่างๆจนทำให้ใจของเธอเริ่มสั่นไหวขึ้น ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาลูบไล้เธอแบบนี้ แต่ว่าความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้กลับให้ความรู้สึกว่าคุ้นชิน “เพ็ญนีติ์ ผมไม่มีอะไรกับเพ็ญภัทร์จริงๆ” เห็นเธอที่ไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมาใดๆ เขาคิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ราบเรียบ นี่น่าจะเป็นที่สุดของเขาแล้ว เขาใช้น้ำเสียงที่ต่ำและนุ่มนวลสารภาพรักกับเธอ ดวงตาดำคลับจับจ้องอยู่ที่เขา แต่เธอก็ยังคงไม่เอ่ยอะไรใดๆ มือที่อยู่ตรงหน้าเธอเคลื่อนไหวอีกครั้ง “เพ็ญนีติ์ คุณไม่ตกลงหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ทั้งๆที่รู้อยู่แต่ก็ยังถาม ก่อนหน้านี้เธอก็ตอบไปแล้วไงด้วยสามคำนี้ : ไม่ตกลง เธอพยักหน้าซ้ำๆ ทำให้ดวงตาของเขาเริ่มเศร้าลง “งั้นก็ได้ ผมจะถือว่าเราผมพึ่งจะรู้จักกับคุณ แต่ว่า มีโอกาสได้เลี้ยงข้าวคุณผู้หญิงที่พึ่งรู้จักช่างเป็นความโชคดีของผมเหลือเกิน ป่ะ เราไปกันเถอะ อย่าให้เด็กๆต้องรอนานเลย” คำพูดเขาช่างขัดแย้งกันจริงๆ พึ่งจะพูดว่าพึ่งรู้จักกัน แต่ลูกของพวกเขาก็โตขนาดนี้แล้ว พระเจ้ามักเล่นตลกกับคนเสมอ ส่วนมากก็มักจะเป็นแบบนี้ บางครั้ง ทุกอย่างมักจะเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้าเกิดว่าวันนั้นในปีนั้น เธอได้หยุดรถของเขาไว้ได้ เขาและเธอคงไม่ได้พบกันเช่นตอนนี้ “ไปกันเถอะ” เธอเอ่ยตอบ พร้อมแกะมือเขาออก ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนที่เลือกก้าวออกจากคฤหาสต์เป็นต้นมา เธอจะไม่ยุ่งกับเขาอีกคือสิ่งที่เธอบอกกับตัวเองมาตลอด และที่ไปมาหาสู่กันในตอนนี้ ก็เพื่อส้มและอ้อยเท่านั้น เธอเดินไปเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ได้หันหน้ากลับมามองเขา “ปุริมทั้งหมดที่ฉันอยู่กับคุณตอนนี้ เพียงเพราะอ้อยและส้มเท่านั้น” พวกเด็กๆอยากมีหม่ามี๊และแดดดี๊ หากไม่ใช่เช่นนี้ เธอก็คงไม่สนใจเขาแล้ว ผู้ชายบอกว่าผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้า แต่จริงๆผู้ชายในสายตาผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้าเช่นกัน หากไม่ใส่แล้ว ก็โยนทิ้งลงถังขยะไป เขาในตอนนี้ก็เช่นกันไม่ได้มีสถานะใดๆกับเธออีกต่อไป ไม่มีเลยสักนิด “คุณ”...ปุริมกระอึกกระอักเหมือนมีสิ่งที่อยากจะพูดออกมา แต่เอ่ยเพียงไม่กี่คำก็หยุดไป เดินตามหลังเธอออกจากห้องไปเงียบๆ ที่ระเบียงทางเดิน อ้อยและส้มต่างก็หิ้วถุงเล็กๆที่ใส่ของเตรียมไว้แล้วคนละใบ ของในนั้นก็คือชุดว่ายน้ำ “หม่ามี๊ แดดดี๊ ไปกินข้าวเที่ยงได้หรือยังคะ?” “ได้แล้วค่ะ ไปกันเลย” พอมองเห็นเด็กๆ เพ็ญนีติ์รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที แก้วตาทั้งสองของเธอช่างดีช่างใส่ใจเหลือเกิน ครั้งก่อนที่มา อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟ ไม่มีอารมณ์เที่ยวเลยจริงๆ อาจเป็นเพราะปุริมบาดเจ็บด้วยแหละ แล้วยังมีเพ็ญภัทร์เพิ่มมาอีก พอคิดเรื่องนี้ก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะ .... ครั้งนี้ไหนๆก็มาแล้ว ก็ให้เด็กๆสนุกในวันปีใหม่ให้เต็มที่แล้วกัน ยังคงเป็นร้านอาหารที่เดิม สายตามองไปที่โต๊ะที่เรียงรายกันอยู่ เลือกโต๊ะที่อยู่ตรงกลาง ...บางที...อาจจะอยากจะย้อนรำลึกความหลังพูดคุยกัน เพียงปล่อยให้สายตาจับจ้องอยู่อย่างนั้น เธอยิ้มและจัดท่านั่ง ให้เรียบร้อย ข้างหนึ่งคืออ้อยอีกข้างหนึ่งคือส้ม ตรงข้ามคือ ปุริม พอเมนูอาหารมา ปุริมจึงหันไปสั่งกับเด็กๆแทน “ชอบกินอะไรหรอ อันไหนที่ไม่เคยกินหรือแปลกไม่เคยเห็นก็สั่งได้เลยนะ อาหารเที่ยงวันนี้ให้ลูกๆสั่งกันเต็มที่เลยนะ” “แล้วแดดดี๊และหม่ามี๊ละคะ?” “หม่ามี๊และแดดดี๊สั่งกันแล้ว” “แล้วเธอล่ะ?” ส้มเริ่มดื้อ ไล่ถามต่อ “แดดดี๊เป็นคนจ่ายเงิน” “แดดดี๊ มีเงินเยอะไหมคะ?” ส้มถามด้วยท่าทีตั้งใจ “อันนี้” .... หยิบบุหรี่ออกมาจากกล่องมวลหนึ่ง คีบไว้ที่มือ แต่รู้ว่าในที่แบบนี้ร้านอาหารแบบนี้ เขาไม่สามารถที่จะจุดมันได้ เพราะในห้องอาหารมีกฎห้ามสูบบุหรี่ มองเห็นเขาลังเลไม่ได้ตอบ เพ็ญนีติ์จึงเอ่ยขึ้น “ส้มคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ลูก รีบสั่งอาหารเถอะคะ กินเสร็จแล้วเราจะได้ไปว่ายน้ำกัน” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เขาบอกว่าไปเล่นน้ำ คือไปเล่นที่ไหน อากาศหนาวขนาดนี้ เขากลับบอกว่าว่ายน้ำได้ สิ่งอำนวยความสะดวกข้างๆต่างๆที่อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟเธอพอรู้ แต่ไม่รู้จริงๆว่าห้องข้างในใกล้ๆนี้มีสระว่ายน้ำที่ไหน แม้ว่าที่เมืองดรัลจะมี แต่ที่นี่คืออุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟ “ก็ได้ค่ะ” ส้มทำหน้ามุ่ยเอ่ยขึ้น เด็กน้อยทั้งสองก็สั่งตามที่ตัวเองอยากกินมาจริงๆ เรียกว่าคนละชนิด คนละประเภทเลยทีเดียว แต่ปุริมก็ตามใจให้พนักงานจดตามที่เด็กๆขอ จากนั้นนำมาขึ้นโต๊ะ สมกับเป็นโรงแรมขนาดใหญ่จริงๆ อาหารขึ้นโต๊ะเร็วมาก เขายุ่งอยู่กับการคีบอาหารให้เด็กๆ ตัวเองกลับได้กินไม่เยอะ แต่เป็นเธอที่กินได้อย่างสบายอารมณ์ ปูอบจานหนึ่งเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ กระดองปูสีแดงๆ นอกจากก้านปูแล้วทั้งตัวปูถูกแกะออก เพียงแต่ตักเนื้อออกมาก็สามารถกินได้แล้ว ปุริมหยิบก้านปูมาก้านหนึ่ง ไม่ได้ใช้ฟัน ใช้แค่แรงแกะ เนื้อปูก็โผล่ออกมาแล้ว วางลงที่จานของอ้อยชิ้นหนึ่ง และก็แกะอีกก้านหนึ่งให้ส้ม มองเห็นว่าเขาหยิบอีกชิ้นหนึ่ง เพ็ญนีติ์คิดว่าเขานะจะแกะกินเอง เขายังไม่ได้กินอะไรเลยจริงๆ ตั้งแต่เริ่มทานจนถึงตอนนี้เขามัวแต่คอยดูแลเด็กๆ ป้อนเลี้ยงดีอย่างกะเป็นองค์หญิงน้อย “ปุริม คุณกินบ้างเถอะ” เนื้อปูที่ถูกแกะแล้วโผล่ออกมาให้เห็น ยื่นให้กับเธอจากนั้นสวมถุงมือแกะเอาเนื้อ ในขณะเดียวกันก็พูดลอยๆขึ้นมาว่า :”เมื่อครู่นี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?” ใบหน้าของเธอเริ่มแดง นั้นเป็นคำเรียกที่เมื่อก่อนเธอใช้เรียกเขา มองเขาที่กำลังแกะก้านปูอย่างขะมักเขม้นอยู่ตรงหน้า เนื้อสีขาวน่ากิน รสชาติก็หอมเย้ายวน เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ลืมไปว่าต้องตอบเขา เขาเริ่มใส่ใจเธอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกไม่ชินเลย ไม่ชินเลยจริงๆ “ส้ม เมื่อกี้นี้ หม่ามี๊เรียก แดดดี๊ว่าอะไรนะ แดดดี๊ได้ยินไม่ค่อยชัด” เพ็ญนี้รีบเงยหน้าขึ้นทันที ผู้ชายคนนี้นิ เธอไม่สนใจเขา ก็กลับไปเรียกร้องความสนใจกับเด็กๆที่ไร้เดียงสาแทน “หม่ามี๊เรียหแดดดี๊ม่า ปุริม” “อืม เหมือนว่าจะเรียกแบบนั้น การเรียกแบบนี้ ส่วนใหญ่คนเกือบครึ่งที่เป็นแฟนกัน” “เว้ย ใครเป็นแฟนคุณ ฉันไม่ใช่ชักหน่อย” เพียงแค่เรียกไปงั้นๆเอง คุณจริงจังอะไร” เขาเพียงแค่ยิ้มๆ ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ จากนั้นก็คีบอาหารให้ส้มและอ้อยต่อ เขาคีบน่องไก่น่องหนึ่งให้เธอ “คุณผอมขนาดนี้ ต้องกินเยอะๆหน่อยๆ” เด็ดๆอยู่ด้วย เธอไม่กล้าแสดงทีท่าปฏิเสธ ช่างเถอะ ปล่อยเขาเถอะ เพียงแค่ไม่เกินไปก็พอแล้ว อย่างน้อย เรื่องที่เขาเห็นเธอโล่งโจ้งที่หน้าห้องน้ำก็คงไม่เกิดขึ้นอีก พอคิดถึงตอนนั้น เขารู้สึกเอ๋อๆ รีบลุกขึ้นยืน เกิดอาการไม่รู้ว่าจะเรียกเขาว่าอะไรชั่วขณะ เหมือนว่าเรียกชื่อตรงๆเลยก็ไม่ได้ไหม เดียวเขาจะได้ใจ ดังนั้นจึงเรียกชื่อเต็มๆเขาเลย “คุณปุริมคะ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ ฝากเด็กๆด้วยนะคะ” “อืม ไปเถอะ” เขายิ้มพยักหน้ารับ ใบหน้าที่หล่อเหลาฉายความอบอุ่นออกมา เมื่อเทียบกับตอนที่เจอเธอครั้งแรก มันช่างเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน เพ็ญนีติ์รีบไปอย่างรวดเร็ว เดินตามลูกศรชี้ไปที่ห้องน้ำ ทันใดนั้นกับเหลือบไปเห็นโต๊ะที่ตนเคยนั่งเมื่อครั้งก่อน ตอนที่เพ็ญนีติ์นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ข้างๆเขา ทั้งสองพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน แต่หลังจากนั้น เธอก็พาเด็กๆหนีไป เพ็ญนิ์นั้นมันก็แค่ความฝัน แต่เธอตื่นขึ้นมาจากความฝันแล้วจริงๆหรอ? เธอไม่รู้เลย ไม่รู้เลยจริงๆ แต่พอนึกถึงความรู้สึกตอนที่ปุริมจับคอเสื้อเธอในตอนนั้น ใจของเธอก็เริ่มระแวงหวาดกลัวขึ้นอีก เทศกาลปีใหม่แบบนี้ เธอสลัดความคิดละสายตาเปลี่ยนไปมองสีแดงๆของตัวอักษรจีนตัวใหญ่ โคมมังกร ต่างๆจึงสามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้ หลังจากออกมาจากห้องน้ำ เด็กทานข้าวเสร็จแล้ว กำลังพูดคุยหยอกล้อเล่นกันอยู่กับปุริม เมื่อมองเห็นเธอกลับมา อ้อยรีบยกถุงในมือขึ้นแกว่างไปมา “หม่ามี๊เร็วด้วยค่า” เจ้าสองแสบอยากจะไปว่ายน้ำเล่นแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นเพ็ญนีติ์จึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ทันใดนั้น กลับมีเงาๆคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ “เพ็ญนีติ์ ที่แท้เธอก็อยู่ที่นี่เอง” น้ำเสียงทุ้มของผู้ชายราวกับพึ่งจะเข้ามาในห้องอาหาร อากาศที่หนาวๆแบบนี้ ศีรษะของจำรูญกลับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นเกาะอยู่ เห็ดได้ชัดเจนว่ามาแบบรีบร้อน นึกว่าเขาพูดเล่นๆเฉยๆ คิดไม่ถึงว่าจะมาจริงๆ แบบนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ “จำรูญ นี่นายมาจริงหรอเนี้ย” “ฉันจะเยี่ยมเธอและลูกๆ เห็นว่าเธอสบายดีก็ดีแล้ว “ เขาเอนตัวส่องสายตาที่มีเสน่ห์ประกายเงางามไปทางเด็กๆทั้งสอง เด็กๆน่ารักโดดเด่นกว่าทุกคนแบบนี้ เขาจึงมองเห็นเด็กๆได้อย่างชัดเจน “ฉันไม่เป็นไร สบายดี” เธอเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ เป็นแค่เพื่อนกันไม่ใช่หรอ มาเจอหน้าพูดคุยกันก็พอแล้ว คงไม่จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกใดๆ อัพเดทครั้งหน้า วันที่13 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 161 เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A