บทที่ 162 สูญสลายชั่วพริบตา   1/    
已经是第一章了
บทที่ 162 สูญสลายชั่วพริบตา
บทที่ 162 สูญสลายชั่วพริบตา จำรูญกวาดสายตาไปทางปุริมและเด็กๆ ในใจเข้าใจแจ่มแจ้งดี เขายิ้มๆ “เพ็ญนีติ์ เมื่อมาแล้วก็เที่ยวให้สนุกนะ ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันก็แค่อยากจะมาดูว่าเธอและลูกๆอยู่สุขสบายดี แค่นี้ก็ดีแล้ว” ด้วยท่าทีที่ทำอะไรไม่ถูก เหมือนกับว่าไม่อยากรบกวนเวลาของปุริมและเด็กๆ “งั้นฉันพาเด็กๆไปเล่นน้ำแล้วนะ อ้อยและส้มชอบว่ายน้ำ” “รีบไปเถอะ” จำเริญอยู่ห่างจากเด็กๆประมาณหนึ่งจึงโบกมือให้กับเด็กๆ เดินยิ้มมาจากไปจนถึงที่โต๊ะนั่งคู่แล้วนั่งลง แต่ว่า ทำไมมีแค่เขาคนเดียว เพ็ญนีติ์เดินก้าวยาวๆไปหาเด็กๆ ตั้งใจที่จะไม่สนใจเงาที่อยู่เงียบตรงหน้า ถ้ารู้ล่วงหน้ากว่านี้ ทำไมปีนั้นเขาถึงเลือกแบบนี้กันนะ? แต่ว่าชีวิตมนุษย์เรา ทางเดินมันมักจะลุ่มๆดอนๆไม่ได้ราบเรียบเสมอไป ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเรานั้นกำลังเติบโต หากหลุมมันลึกเว้าไม่สม่ำเสมอก็จะรู้ว่าคนคนนั้นมีสติปัญญาอย่างไร จริงๆแล้วจุดยืนของเขาในปีนั้น จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร และนอกจากนั้น เขายังเคยเป็นคนที่โดดเด่นโด่งดังของเมืองดรัลนี้อีกต่างห่าง แต่ว่าวันนี้ ทุกอย่างหายไปชั่วพริบตา ในตอนที่เขาวางมือไม่ร่วมมือกับญาณินท์ เขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าก้าวต่อไปที่จะเดินในเมืองดรัลนี้จะค่อนข้างยากลำบาก แต่ว่าเขา ก็ยังคงตัดสินใจที่จะเลือกทางเดินนี้ แล้วมันจะมีทุกข์อะไร? “หม่ามี๊ คุณลุงคนนั้นหนูรู้จัก เมื่อก่อนเขาเคยไปที่ร้านของเราด้วย วันที่เราย้ายบ้านวันนั้น เขาเป็นคนขับรถ และยังดื่มเหล้าด้วย”... “อ้อย ลูกรู้จักเขาหรอ? บอกแดดดี๊มาว่าเขาคือใคร?” ปุริมถามขึ้นอย่างสนใจ ทั้งที่รู้ว่าเขาคือใครแต่ก็ยังแกล้งถาม เพ็ญนีติ์กวาดสายตาไปมอง เอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “ไปกันเถอะ พวกเราไปว่ายน้ำกัน” “คุณไม่สนใจเขา?” เขาเชิดหน้าถามขึ้น บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แต่ว่าน้ำเสียงนั้นให้ความรู้สึกว่ากำลังหึงหวงนิดหน่อย จำเริญมาได้ยังไง เพ็ญนีติ์จะต้องตัดใจจากเขาไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่งั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอและลูกอยู่ที่นี่ ท่าทีของปุริมแสดงชัดว่าไม่พอใจ เดิมเพ็ญนีติ์ตั้งใจจะบอกว่าไม่ต้องไปสนใจเขา แต่ว่าดูท่าทีที่ไม่พอใจของปุริมแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “รอให้เรากลับไปแล้ว ฉันค่อยนัดเจอเขาใหม่” “อ่อ งั้นเราไปกันเถอะ” ปุริมเอ่ยขึ้นอย่างเสียงเรียบ สีหน้ายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ว่าแวบหนึ่งที่สายตาเศร้าไปนั้น หลบไม่พ้นสายตาของเธอ เธอเห็นมันแล้ว เป็นยังไงล่ะ เขายังคงจะจริงจังอยู่ไหม? แต่ว่าเธอ กลับไม่มีความจริงจังเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่แท้ การปล่อยใจวางลงได้ มันรู้สึกสบายขนาดนี้นี่เอง ความรู้สึกแบบนี้มันดีมากจริงๆ การใช้ชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ไม่ต้องมามัวคิดเรื่องใครๆ เพ็ญนีติ์จูงมืออ้อยขึ้น ปุริมรีบเรียกส้มให้มาจับมือของตัวเอง ทั้งสี่คนก้าวขึ้นบันไดอย่างสบายใจ โดยมีจำเริญที่มองอย่างเลื่อนลอยอยู่ข้างหลัง มองอยู่นานกว่าจะหันหน้าหนี เพียงแค่อยากมาดูว่าเธอสบายดี มองอยู่ไกลๆแบบนี้ก็ดีมากแล้ว แต่เวลานี้ เขากลับอยากจะตามจีบเธออีกครั้ง.... ในที่สุดก็อดไม่ได้ แพ้ต่อสายตาของคนที่อยู่ไกลๆนั้นตลอด แท้จริงแล้ว การได้รักใครสักคนแล้ว มันยากยิ่งที่จะเลิกรักง่ายๆ ต้องใช้เวลาแลกมาถึงเจ็ดปีจึงจะเข้าใจทุกอย่าง แต่มันก็สายไปแล้ว วันนี้จนเธอเป็นแม่คนแล้ว มีส้มและอ้อยอยู่ด้วย ถ้าเทียบว่าจะแย่งกับปุริมแล้ว เขาไม่มีทางเอาชนะได้แน่นอน และเขาเองก็ไม่เหมาะสมกับเธอ งั้นก็เฝ้าดูเธออยู่ห่างๆแบบนี้ละกัน เพียงแค่เธอยังสุขสบายดีก็พอ เปลี่ยนการคิดถึงความหลังให้กลายเป็นการอวยพร อย่างน้อยฟ้าเบื้องบนก็รับรู้ว่าเขาใช้ความกล้ามากแค่ไหน แต่ต่อจากนี้ไปคงมีแค่ ความโดดเดี่ยวเงียบเหงาคอยเป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าช้อนน้ำซุปในมือถูกถือค้างไว้นานเท่าไหร่ จนกระทั่งมันหกลาดโต๊ะจนหมด ไหลลงจากโต๊ะโดนกางเกงของเขาจนเปียกซึม เขาถึงรู้สึกตัว รีบนำกระดาษทิชชูมาซับออก รอจนกระทั่งเช็ดเสร็จ เงยหน้ามองไปที่บันได ทั้งสี่คนก็จากไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว นี่คือสิ่งที่เขาเลือกเองตั้งแต่แรก เป็นเขาเองที่ผลักเธอไปให้ปุริมเองตั้งแต่แรก เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้เขาต้องตัดสินใจเปิดดู นึกว่าถ้าเป็นเธอที่พึ่งเดินออกไปเป็นคงส่งมาก็จะดี แต่กลับเป็นเบอร์ที่ทำให้เขากลับต้องปวดหัวกว่าเดิม ญาณินท์รู้ว่ายังไงซะเขาก็จะไม่รับโทรศัพท์ ดังนั้นจึงต้องใช้การส่งข้อความมาคอยบอกเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบหงุดหงิดมากที่สุดในตอนนี้ ข้อความถูกเปิดอ่าน ตัวอักษรหนังสือสีดำกระทบเข้ากับดวงตาเขา : จำรูญถ้านายยังไม่ยอมกลับ ฉันจะทำลายเธอ นายเชื่อไหม?” ช่างโหดร้ายยิ่งนัด เขาไม่กลัวว่าญาณินท์จะทำอะไรกับเขา แต่กลัวเหลือเกินว่าเธอจะลงมือกับเพ็ญนีติ์และเด็กๆ มือค่อยๆกดพิมพ์ตอบ “คุณไม่กลัวปุริมบ้างหรอ? เขาไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นแน่” “ฮ่าฮ่า นายรอดูเลย ถ้านายยังไม่กลับมา แล้วนายจะเสียใจ” คิ้วย่นเข้าหากัน จบการสนทนาเขาก็ยังคงไม่ยอมกลับ ยืนนิ่งด้วยความกังวลใจ และไม่มีอารมณ์ที่จะกินสิ่งที่อยู่บนโต๊ะข้างหน้า หวังเพียงแค่จะมาดูเธอ เด็กๆปลอดภัยดีอยู่รึเปล่า เขารู้ดีว่าเขาไม่เหมาะที่จะเข้าไปในโลกของเธอ แต่ตอนนี้ เขาไม่สบายใจจริง รีบเรียกพนักงานอย่างรีบร้อน “ขอถามหน่อยว่าสระว่ายน้ำที่ใกล้ที่นี้ที่สุดคือที่ไหน?” “เหมือนจะไม่มีนะคะ” พนักงานคนนี้เหมือนจะพึ่งเข้างานใหม่ จึงลองถามๆต่อ “แต่ว่า ในช่วงฤดูร้อนสามารถไปว่ายน้ำริมทะเลได้” ถ้าจะตอบแบบนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรดีกว่า เขายิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณมา” รอยยิ้มจากใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาทำให้เกิดความกระตุ๊กวู๊บวาบขึ้นที่ดวงตาของพนักงานหญิง “คุณผู้ชาย รอก่อนคะ ให้ฉันช่วยถามพนักงานคนอื่นให้ไหมคะ” จำรูญยื่นนิ่งอยู่กลางห้องอาหาร ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงแค่ความเศร้าและความโดดเดี่ยว นอกจากนี้แล้วเขาไม่มีอะไรอีกเลย ไม่นานพนักงานสาวคนนั้นก็กลับมาพร้อมคำตอบ “คุณผู้ชายคะ ห่างจากโรงแรมของเราประมาณสองกิโลเมตร มีบ่อน้ำพุอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั้นมีสระขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ว่า ฉันถามเพื่อนเมื่อสักครู่นี้ เขาบอกว่ามีคนโทรจองเหมาไว้แล้วสามวัน เพราะแฟนของเธอจะพาเธอไปยังไม่ได้เลย” “ขอบคุณมาก” เขายิ้มขอบคุณ เขารีบกลับหลังหันมุ่งหน้าออกจากโรงแรม ดูเหมือนว่า ปุริมจะพาเธอและเด็กๆไปที่นั่นจริงๆ พอนึกถึงภาพที่ เพ็ญนีติ์ใส่ชุดว่ายน้ำแล้วอยู่ต่อหน้าปุริมแบบนี้ ร่างกายของจำรูญก็เกิดปฏิกิริยาร้อนรุ่มขึ้นมาทันที ภาพฤดูร้อนในปีนั้นปรากฏขึ้นมาเลือนราง เธอใส่เสื้อคอกลม กับกางเกงขาสั้น ซ้อมวิ่งแปดร้อยเมตรแบบเหงื่อชุ่มตัว เหงื่อเปียกโชกทำให้เสื้อของเธอแนบลู่ติดไปกับตัว ทำให้เนื้อหนังส่วนเว้าโค้งของเธอเด่นชัดขึ้นมา ซึ่งเป็นที่ยั่วยวนผู้ชายมากมายในสนามกีฬานั้น เธอวิ่งผ่านมา เขาจึงคลุมเสื้อคลุมให้เธอ และวิ่งไปเป็นเพื่อนเธอจนถึงเส้นชัย จากนั้นเขาและเธอก็ล้มตัวลงนอนด้วยกันบนสนามพื้นหญ้า หน้าอกของเขาอยู่ข้างๆเธอ วันนั้น เขาบอกกับเธอว่า เขาจะยอมให้เธอทุกภพทุกชาติ พอนึกขึ้นแล้ว เหมือนเรื่องราวพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง แต่จริงๆเวลาอายุกลับเริ่มมีริ้วรอยล่วงเลยมานานแล้ว ในปีนั้นก็แค่คนที่ให้สัญญา กลับเป็นคนที่ยอมปล่อยทุกอย่างไป และไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีก เขาเองก็ไม่คู่ควรกับหญิงที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่อยู่ในความทรงจำนั้นอีกแล้ว เธอโตขึ้นแล้ว ไม่ไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้ว ยังสามารถใช้ปีกที่ยังไม่แข็งเท่าไหร่ของเธอโอบรอบค้ำยันปกป้องลูกทั้งสองของเธอเอง ปุริมขับรถแบบไม่ช้าเกินไปและไม่เร็วเกินไป ในรถเปิดกระจก กลิ่นหอมของอ่อนๆของดอกไม้ลอยมาตามกระแสไม่ขาดสาย สถานที่ที่สวยแบบนี้ ทำให้จิตใจของคนเบาสบายตามเหลือเกิน “แดดดี๊ อีกไกลไหมคะ?” อ้อยและส้มเริ่มจะนั่งต่อไม่ไหวแล้ว อีกสักครู่ก็ถึงที่ที่ให้ว่ายน้ำแล้ว “กำลังจะถึงแล้ว อีกประมาณหนึ่งนาทีก็ถึงแล้ว” “อีกนานไหม” เสียงคร่ำครวญ อีกไม่นานรถก็ขับไปถึงที่หมาย ฤดูหนาวแบบนี้ แต่ว่าสองแสบกลับอยากไปว่ายน้ำ ทันใดนั้น สีหน้าของส้มเริ่มนิ่งเงียบ “หม่ามี๊ ทำไมพ่อเลี้ยงไม่มากับพวกเราด้วยละคะ?” “พ่อเลี้ยงยุ่งมากค่ะ เดี๋ยวครั้งต่อไปให้พ่อเลี้ยงเป็นคนพาพวกเรามานะคะ” “ดีค่ะดีดี พ่อเลี้ยงสอนพวกเราว่ายน้ำ สอนดีมากเลยค่ะ” ปุริมหันหน้าส่งสายตามามองอ้อย “วันนี้แดดดี๊จะเป็นคนสอนพวกเราเอง” เขาไม่เคยสอนเด็กๆ แต่ไม่แน่นะ อาจจะสอนดีกว่าคนอื่นก็ได้ เพ็ญนีติ์ยิ้ม พึ่งรู้สึกได้ว่าที่แท้ผู้ชายก็รักหน้ารักตามากกว่าผู้หญิงเสียอีก พอรถหยุดนิ่ง เพ็ญนีติ์ก็เข้าใจแล้วว่า ที่แท้ เขาพาพวกเธอมาแช่บ่อน้ำพุนี่เอง ข้าหนึ่งก้าวออกไปข้างนอกแต่ขาหนึ่งยังอยู่ในรถ เธอลังเลใจนิดหน่อย “ปุริม คุณแน่ใจนะว่าที่นี้ว่ายน้ำได้จริง?” “อืม ไปกันเถอะ” เขากลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบเร่งให้เธอและเด็กๆตามมาให้ทัน พอเดินตามเขาเข้าไปในบ่อน้ำพุ ก็มีคนรับแขกแสนสวยมานำพวกเธอพาเดินไปตามระเบียง เดินไปจนสุด จากนั้นเลี้ยวซ้าย ประตูไม้ที่งดงามถูกผลักออก ชั่วพริบตาเดียว อากาศของความอบอุ่นของน้ำพุร้อนก็พวยพุ่งขึ้นมา บ่อน้ำขนาดใหญ่ขนาดนี้ น้ำพุร้อนก่อให้เกิดควันบางๆลอยคลุ้งผิวน้ำ ทำให้เธอที่มองไม่เห็นก้นของน้ำ ใจล่องลอยไปตามชั่วขณะ ที่นี้ ช่างเหมือนสวรรค์บนดินจริงๆ ขณะที่กำลังจินตนาการอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงดีใจมีความสุขของอ้อยและส้มดังอยู่ข้างหู จนทำให้ภาพสวรรค์บนดินอันสงบของเธอเรือนรางต้องหยุดลง และทำให้เพ็ญนีติ์ได้สติกลับคืนมา ที่แท้ เขาจะพาเด็กๆมาเล่นน้ำที่นี่นี่เอง ใหญ่เพียงพอจริงๆ แต่ว่ากลางบ่อน้ำกลับไม่มีใครสักคน ที่นี้ต้องเป็นพื้นที่ส่วนตัวแน่เลย เด็กๆจะได้เล่นสนุกได้สมใจ “อ้อย ส้ม หยิบกางเกงว่ายน้ำของแดดดี๊ออกมาให้แดดดี๊ จากนั้นตามหม่ามี๊ไปเปลี่ยนชุดกัน” ปุริมยิ้มพร้อมออกคำสั่ง ส้มและอ้อยทั้งสองรีบค้นหาชุดในถุง จากนั้นหากางเกงของปุริมเจอและส่งให้เขา “แดดดี๊ นี่ของแดดดี๊ค่ะ” “โอเค” เขารับมา หลบตัวไปยังห้องเปลี่ยนชุดของผู้ชาย คือเขากลัวว่าสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ชายจะทำให้เด็กๆตกใจ “หม่ามี๊ ไปกันเถอะค่ะ ที่นี้มันร้อน รีบเปลี่ยนใส่ชุดว่ายน้ำก็จะได้ไม่ร้อนแล้ว” เธอยิ้ม “ให้หม่ามี๊จะช่วยลูกๆเปลี่ยนเถอะ” ทันใดนั้นเธอรู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าเขาจะเห็นเรือนร่างของเธอ พอนึกถึงสายตาคู่นั้นที่มองมาที่เธอ เขาช่างมองลึกลงไปดังกับบึงอย่างงั้นแหละ ทำให้เธอรู้สึก หวาดกลัว “แล้วหม่ามี๊ละคะ?” “หม่ามี๊ดูพวกลูกๆเล่นก็พอแล้วค่ะ” “แบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ ครั้งที่แล้วหม่ามี๊ก็ไม่ยอมเล่นเป็นเพื่อนเรา ครั้งนี้ยังไงก็ตามต้องเล่นกับพวกเราค่ะ” ใจของเธอ เต้นตุบๆ เธอไม่อยากจะเปลี่ยนชุดว่ายน้ำจริงๆ “หม่ามี๊จะคอยดูลูกๆเล่นค่ะ” ความดื้อรั้นนี้เธอมีมากกว่าผู้ใดเสียอีก “ฮือ ฮือ หม่ามี๊นิสัยไม่ดี ที่นี้ไม่มีทรายแล้ว หม่ามี๊นั่งอยู่ข้างบนคนเดียวน่าเบื่อจะตาย อีกอย่าง หม่ามี๊เอาเปรียบ พวกหนูและก็แดดดี๊ทุกคนเปลี่ยนชุดกันหมดแล้ง แต่ทำไมหม่ามี๊ไม่เปลี่ยน?” เธอไม่มีอะไรจะพูด ส้มแม้ว่าจะยังเด็ก แต่คำพูดคำถามช่างแทงใจเหลือเกิน จนทำให้เธอเริ่มรับมือไม่ไหว คิดไปคิดมา จึงตอบช้าๆชัดๆว่า : “หม่ามี๊น้ำมูกไหลอยู่บ่อยๆ กลัวว่าจะทำบ่อน้ำขนาดใหญ่นี้สกปรกค่ะ”
已经是最新一章了
加载中