บทที่164 ขาวนวลงดงามเหลือเกิน   1/    
已经是第一章了
บทที่164 ขาวนวลงดงามเหลือเกิน
บทที่164 ขาวนวลงดงามเหลือเกิน แต่ มือของเขาปล่อยออกแค่ครู่เดียวเท่านั้น ครู่ต่อมาก็กลับมาโอบกอดเธอไว้อีกเช่นเคย เขาเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ห้ามสนใจจำรูญ ผมจะทำให้เขากลับไปเดียวนี้” เธอนิ่งเงียบไร้รอยยิ้ม เข้าใจแล้วว่าเขาทำแบบนี้ เพราะสิ่งนี้นี่เองหรอ “ปุริม คุณกล้าดียังไงมายุ่งเรื่องของฉัน? ฉันจะสนใจหรือไม่สนใจใครมันก็เรื่องของฉัน” เธอเชิดหน้าตะโกนเสียงดัง น้ำเสียงดังก้องลอยล่องไปทั่วบ่อน้ำพุ ดังขนาดที่ว่าคนหูหนวกก็ยังได้ยิน ที่สำคัญคือทุกคนที่อยู่ที่นี้ต่างได้ยินหมดแล้ว “คุณปุริม ขอโทษด้วยนะคะ คนผู้ชายคนนี้เขา...” พนักงานที่ตามห้ามเข้ามา อยู่ข้างหลัง ภาพรอยจูบอันร้อนแรงนั้น ทำให้พนักงานสาวคนนั้นยังหน้าแดงตาม “ออกไป ออกไปให้หมด” ปุริมตะโกนเสียงต่ำ ทุกครั้งที่ผ่านมามีผู้หญิงมากมายที่เป็นฝ่ายเข้าหาและจู่โจมจูบเขาก่อน รวมถึงเรียกร้องหาจูบของเขา แต่ว่าเพ็ญนีติ์ กลับไม่เหมือนผู้หญิงเหล่านั้น เธอไม่ใช่แค่ไม่ต้องการรอยจูบของเขา แต่ยังต่อต้านผลักเขาออกอีก ดวงตาดำงามของเขาเป็นประกายความต้องการที่จะเอาชนะนี้ มันไม่มีผลใดๆต่อเธอเลย ปากของเธอมีสีเลือดและเป็นเลือดของเขา ดวงตาดำเลือนรางงามดังละอองน้ำที่ล่องลอย ขายาวขาวนวนที่อยู่ในน้ำก้าวขึ้น ไหล่คลุมด้วยผ้าเช็ดตัวที่ชุ่มน้ำ จึงทำให้เห็นแค่ขาเรียวยาวสวยงามโผล่ให้ชม เธอที่ยืนอยู่ข้างบ่อตอนนี้สง่างดงามราวกับยอดดอกบัวที่กำลังจะผลิบาน ช่างนวลงามเหลือเกิน เมื่อยืนมองจากด้านบนลงไป เพ็ญนีติ์กวาดสายตาไปมองยังปุริมที่อยู่ในน้ำ บอกตามตรงเลยว่ารูปลักษณ์สัดส่วนร่างกายของเขาสมกับป็นชาติชาย แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว ไม่มีเลยสักนิด เธอไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเขาแล้วจริงๆ ตั้งแต่ที่ได้สัญญาข้อตกลงนั้นมา ก็ไม่ใช่อีกต่อไป เธอยิ้มอ่อนมองไปที่เขา “ปุริม อ้อยและส้มฉันต้องฝากคุณต่อแล้วนะ ใครใช้ให้คุณอยามาเป็นพ่อของพวกเขาล่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับ จำรูญ ขอตัวก่อน” เธอไม่ใช่เขาที่ของใช้อำนาจออกคำสั่ง มักจะถูกมองว่าเป็นกระต่ายขาวน้อย ที่ต้องเชื่อฟังเขาอยู่เรื่อย แต่ว่าวันนี้เธอไม่ใช่กระต่ายขาวน้อยของเขาอีกต่อไป เธอโตแล้ว และเธอก็เป็นคน เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆไม่ใช่กระต่าย “เพ็ญนีติ์ คุณ” .... เพ็ญนีติ์ส่งยิ้ว กวักมือให้อ้อยและส้มที่อยู่ในน้ำ “มานี่ลูกมา แดดดี๊ของลูกเขาไม่อยากสนใจลูกอีกต่อไปแล้ว ป่ะ ไปกับหม่ามี๊หม่ามี๊จะพาลูกไปเที่ยว” เธอตั้งใจจะพูดใส่เขา จริงๆตอนที่จำรูญโผล่เข้ามา เธอก็ไม่อยากจะสนใจ เรื่องต่างๆที่ผ่านมาแล้วเหล่านั้น เธอเก็บมันฝั่งลึกไว้ในใจก็พอแล้ว ปีใหม่แบบนี้ เธอไม่อยากจะขุดเรื่องเก่าๆขึ้นมาอีก แต่ปุริมกลับพยายามแสดงออกต่อหน้าจำรูญว่าเธอเป็นของเขา ดังนั้นเธอจึงทำอยากจะเจอกับจำรูญ หรือไม่ก็นัดเจอ อะไรก็ได้ทั้งนั้นในตอนนี้ “เพ็ญนีติ์ ใครบอกคุณว่าผมไม่สนใจพวกเด็กๆแล้ว คุณอยากไปอะไรของคุณก็ไปเลย ผมจะสอนลูกว่ายน้ำ” ปุริมกัดฟันพูดด้วยความโมโห โกรธจนคิดอยากจะขึ้นไปลากเธอลงมาในน้ำ แต่ว่าท่านเทพผู้มาเยือนทั้งสองกลับยืนจ้องอยู่หน้าประตู เขาไม่เคยกลัวจำรูญ กะอีแค่นายจำรูญ และก็พนักงานเล็กๆคนหนึ่ง แต่ที่เขายอมก็เพราะ เพ็ญนีติ์ที่แสดงสีหน้าแบบนี้ทำให้เขาใจอ่อน เมื่อก่อนตอนที่มีเพ็ญภัทรนั่งอยู่ด้วย ใจของเธอก็คงจะเหมือนใจของเขาเองในตอนนี้ รึเปล่านะ? สวรรค์ ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่ดีเลย เธอจะไปก็ไปเองสิ ถ้าเขาปล่อยให้เอาเด็กๆไปด้วย ก็จะเหลือเขาที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียว มีหรือจะยอม “นี่คุณรับปากเองนะ งั้นฉันไปก่อน” รอยยิ้มพอใจหน้าบานราวกับดอกไม้ คลุมผ้าขนหนูที่เปียกๆแบบนี้ เพ็ญนีติ์รีบตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ แต่พอออกเดินได้ไม่กี่ก้าว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นนิ่งชะงัก เสื้อผ้าของเธอเปียกน้ำไปแล้วนี่นา จะออกไปกับจำรูญด้วยสภาพแบบนี้ก็ไม่ได้ “จำรูญเสื้อผ้าของฉันมันเปียกหมดแล้ว นายจะไปที่ไหนหรอ?” เธอถามด้วยทีท่าที่นุ่มนวลรื่นหู กว่าปกติ จนทำให้ปุริมนิ่งอึ้งยืนตัวแข็งทื่อ น้ำเสียงแบบนี้ของเธอ ราวกับว่าเธอไม่เคยพูดแบบนี้กับเขาเลย “แดดดี๊ หม่ามี๊ไม่ชอบว่ายน้ำ ก็ให้หม่ามี๊ไปเถอะ แดดดี๊รีบสอนท่ากบ หนูอยากเรียนท่ากบ” ส้มและอ้อย กรูกันเข้ามาหาปุริม ในใจคิดแค่อยากจะว่ายน้ำ เรื่องของผู้ใหญ่เมื่อครู่นี้พวกเขาไม่รู้เรื่องใดๆ แม้แม้กระทั่งปุริมที่จูบหม่ามี๊ของพวกเขา พวกเขายังคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เด็กๆยังบอกเลย แดดดี๊ต้องจูบกับหม่ามี๊จึงจะถูก ถ้าเกิดว่าไม่จูบแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรกัน ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนที่เปลี่ยนใจไป การจูบกันของทั้งสองเมื่อครู่นี้ทำให้เด็กวางใจลงอย่างมาก แอบยิบกรุบกริบอยู่ข้างๆปุริม มองไม่ออกถึงความทุกข์ในใจของเขาเลย “รอแปปหนึ่งนะ แดดดี๊จะไปหยิบชุดมาให้กับหม่ามี๊” ปุริมได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่ของเพ็ญนีติ์ เสื้อผ้าเธอเปียกแล้วเธอควรจะมาถามเขาสิ แล้วไปบอกนายจำรูญทำไม พอนึกถึงภาพสองขายาวผิวขาวเปล่งประกายอยู่ต่อหน้าเขา เขารู้สึกว่าเลือดในสมองตอนนี้ไหลขึ้นข้างบน บนหัวรู้สึกร้อนรุ่ม พอหันกลับมา พบว่า แขนเรียวสวยของเขากำลังยื่นมือไปรับเสื้อของจำรูญ จากนั้นก็ก้าวเข้าห้องเปลี่ยนชุดไป ไม่นาน หญิงสาวก็ออกมา เสื้อของจำรูญคือเสื้อคลุมกันลม พอเพ็ญนีต์ใส่เข้าไปแล้วจะตัวใหญ่เทอะทะยาวเป็นเสื้อกระโปรง ทำให้เธอมองไปแล้วยิ่งเหมาะกับรูปร่างงดงาม ไม่เหมือนกับว่าใส่เสื้อผ้าผู้ชายเลย แต่แอบมีกลิ่นอายของความเป็นชายอยู่บ้าง จะว่าไปแล้ว กาลเวลาผันผ่านไปถึงหกปี เพ็ญนีติ์ในวันนี้ เติบโตรู้เรื่องสวยงามขึ้นมาก กลิ่นอายมนต์เสน่ห์ความเป็นสาวในกายเธอก็เหมือนกับชา ที่ผู้คนอยากจะลิ้มลอง และอยากจะกลืนกินให้หมดภายในคำเดียว “จำรูญ พวกเราไปกันเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นหน้าก็ไม่หันมามอง เพ็ญนีติ์ทำเป็นมองข้างปุริมไป เขาอยากจะคิดอะไรก็ให้เขาคิดไป มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ไม่ชอบให้อยู่กับจำรูญใช่ไหม เธอจะอยู่ให้ดู ท่าทีของเพ็ญนีติ์ ทำให้จำรูญไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมปล่อยลูกไว้กับปุริม และตามเขาออกมา คิดว่าเธอจะพูดกับเขาในห้องบ่อน้ำพุนั้นไม่กี่ประโยคและไล่ตนออกมา แต่กลับไม่ใช่ แต่ดูจากการก้าวเดินของเพ็ญนีติ์แล้ว ราวกับว่าเธอกำลังตามเขาออกไปจากที่นี่จริงๆ ขณะกำลังเดินไป “เพ็ญนีติ์คุณเดินช้าลงหน่อย ผมจะเอารถมาจอดรับคุณอยู่ข้างหน้า แบบนี้คุณก็ไม่ต้องหนาวแล้ว” เธอยิ้มอย่างอบอุ่น “ขอบคุณ” คำพูดที่อบอุ่นสองคำนี้อบอุ่นมากกว่าน้ำพุที่อยู่ในบ่อเสียอีก จำรูญสัมผัสได้ แต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไร ในใจค่อยๆเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่แค่ ยังไม่มั่นใจ จำรูญเร็วมาก ตอนที่เพ็ญนีติ์เดินไปถึงหน้าประตูแล้ว รถของเขาก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตู พาเธอเข้ามานั่งในรถอย่างรวดเร็ว เปิดฮิตเตอร์แบบอบอุ่นพอดี อุ่นไปทั้งตัว ไม่รู้สึกว่าหนาวเลยแม้แต่น้อย เขามองที่นอกหน้าต่างว่าประตูรถปิดแล้วหรือยัง จากนั้นจึงเคลื่อนรถออกตัวไป “ขอโทษจริงๆที่รบกวนพวกเธอและลูกๆ เพ็ญนีติ์ผมมีเรื่องอยากบอกกับคุณ” เขารู้สึกผิดจริงๆ ดังนั้น จึงอยากที่จะบอกเรื่องญาณินท์กับเธอเร็วๆ ดังนั้นจึงตั้งใจมาหาเธอที่นี้ “เดี๋ยวๆ” เธอโบกมือ “ฉันอยากไปชายทะเล ให้ถึงชายทะเลก่อนค่อยพูดแล้วกัน” “ก็ได้” ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดี ปุริมไม่อยู่ แต่เธอกับต้องการอยากให้ตนพาเธอไปชายทะเล นี่ช่างเป็นสัญญาณที่ดีจริงๆ บางที ปีใหม่นี้ ตนอาจจะมีเรื่องราวมงคลดีๆมาต่อเติมก็เป็นได้ ระยะทางจากบ่อน้ำพุถึงชายทะเลใกล้กันมาก เพ็ญนีติ์ไม่ได้พูดอะไรตลอดทั้งทาง มีเพียงแค่จัดๆชุดผู้ชายที่เธอใส่อยู่ให้เข้าที่ บนเสื้อผ้านั้นราวกับว่ายังมีกลิ่นกายประจำตัวของ จำรูญติดอยู่ด้วย ทำให้เธอย้อนนึกถึงเดือนนั้นในปีนั้น ถ้าหากทุกอย่างสามารถย้อนเวลาใหม่ได้ งั้น.... นึกขึ้นอย่างเพลินๆ สายตาเหม่อมองผ่าออกไปนอกกระจก ทันใดนั้น สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่ภาพที่สะท้อนมาจากกระจกหลัง เห็นกีตาร์ตัวหนึ่งพิงอยู่ ทำให้เธอนึกถึงเสียงกีตาร์หกสายที่ดังไพเราะอยู่ในใจ หยดน้ำฝน คือเพลงบรรเลงกีตาร์ที่ที่งดงามไพเราะมาก เพียงแค่คิดเธอก็เริ่มคันไม้คันมือ ยื่นมือไปหยิบกีตาร์ที่ตัวนั้นมา พอจับไปที่สายสะพาย สายตาของเธอปรากฏความเศร้าไปแวบหนึ่ง นึกว่าแค่เป็นกระเป๋ากีตาร์ที่ใบนั้น และข้างในกลับยังคงเป็นกีตาร์ที่ตัวเดิมตัวนั้น เธอค่อยๆเปิดมันออดเบาๆ ในใจลึกๆเริ่มเกิดอารมณ์อ่อนไหว ทันใดนั้นรถกลับหยุดลงพอดี ทำให้เธอต้องเงยหน้าไปมองนอกกระจก ควันไอของทะเลพวยพุ่งขึ้น ท้องทะเลสีน้ำเงินใสเข้ม มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา มีนกนางนวลบินวนไปมาอยู่บนอากาศ ทำให้เธออดคิดอยากจะเปิดประตูลงรถ ไปบินเล่นอยู่บนหาดทราย แต่ว่า ท่อนขาของเธอไม่ได้ใส่อะไรเลย “จำรูญ ฉันอยากฟัง (หยดน้ำฝน) นายยังเล่นได้ไหม?” ชายที่อยู่ตรงหน้ายิ้มๆและหันหน้ามา เมื่อก่อนเด็กชายที่เต็มไปด้วยพลังรุนแรงดังแสงอาทิตย์ตอนนี้ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั้นได้เปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ที่เติบโตขึ้นแล้ว เขาพยักหน้า : “อืม ส่งมาให้ฉัน” เธอยื่นกีตาร์ที่ให้กับเขา เหมือนว่าจะกลัวเธอหนาว เขาจึงไม่ได้ลดกระจกรถลง จึงนั่งอยู่บนรถดีดเพลง (หยดน้ำฝน)อันไพเราะนี้อย่างสงบ เสียงเพลงบรรเลงไปมา ฝนชุ่มฉ่ำแต่ไร้เสียง ราวดังกับตกรดลงที่ผืนนาใจของเธอ ให้ย้อนนึกถึงช่วงเวลาสมัยยังหนุ่มสาว ดวงตาดำค่อยๆปิดลง สงบฟังเสียงตามใจอยาก และค่อยเปียกชื้นขึ้นในตา ตอนที่เป็นวัยรุ่น มีความฝันด้วยกันมากมาย แต่กลับถูกเธอทำหายไปอย่างไร้เยือใย ไม่มีฝันใดๆอีกต่อไปแล้ว “ตีทา”... เสียงดีดของกีตาร์ตกลงเป็นหยาดน้ำฝนกลายเป็นบทเพลงที่งดงามไพเราะ เพ็ญนีติ์เปิดประตูรถ ลมของทะเลกระทบลงบนใบหน้า เท้าเปล่าๆเหยียบย่ำบนผืนทรายอย่างมั่นคง เธอกลับไม่รู้สึกหนาว “จำรูญ เราลงไปเดินเล่นกันเถอะ” “เพ็ญนีติ์ หนาว”จำรูญขมวดคิ้ว เธอใส่น้อยชิ้นจริงๆ “แต่ฉันอยากจะไปเดินเล่น” ทำนองเพลงนั้นเพราะเหลือเกิน อยากจะฟังแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยจริงๆ แต่เธอรู้ดีว่า ฝันต้องมีสักวันที่ต้องตื่น พอเพลงจบ คนก็ต้องแยกย้าย เหมือนดังเธอและจำรูญ ทรายละเอียดเล็กๆ เย็นๆหนาวๆอยู่ใต้ฝ่าเท้าที่เหยียบย่ำ สายลมพัดพาให้เสื้อเธอพลิ้วไหว หนาวจริงๆ แต่หนาวไม่สู้ความโดดเดี่ยวในไม่กี่ปีที่ผ่านมา “พูดมาสิ มีเรื่องอะไร?” สายตาของเธอยังคงจับจ้องมองไปที่ทะเลตรงหน้า เธอชอบมองลมที่พัดให้คลื่นทะเลเกิดเป็นฟองน้ำซัดสาดเข้าหาฝั่ง ฟองคลื่นสีขาว ก็เหมือนดังเรื่องราวที่งดงาม จากเริ่มต้นจนสุดท้ายก็ยังคงถ่ายทอดความเป็นตัวมันเองที่งดงาม เขากระแอ้มคอเบาๆ จำรูญจึงเอ่ยขึ้น : “เธอรู้ว่าฉันและเขา เราเลิกกันแล้ว แต่เมื่อสักครู่ที่คุณ พวกเด็กๆและ”... เขาอยากจะเอ่ยชื่อปุริมออกมา แต่ก็หยุดชะงักไว้ จึงเอ่ยต่อ : “ตอนที่เธอพึ่งออกไปไม่นาน เขาก็ส่งข้อความมา เขาบอกว่า เขาจะแก้แค้นเอาคืนคุณ ดังนั้น....”
已经是最新一章了
加载中