ตอนที่13
ตอนที่13
ฤดูร้อนเมืองดาวบรรยากาศประหนึ่งนรก นี่ขนาดจวนจะมืดแล้ว ก็ยังมีลมร้อนพัดอยู่ไม่คลาย
มันก็เหมือนไฟในใจ ที่มันร้อนแทบระเบิด หากอยากให้เย็นลง เวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้
“เท้าหน่ะ ยังพอเดินได้มั้ย?” ทรงภพยกมือขึ้นจับแขนทั้งสองข้างของวรวรรณอย่างอดไม่ได้
“เจ็บมากมั้ย?” เขาพูดในขณะที่ประคองร่างเธอให้ลุกขึ้น
พูดจบเขาก็คุกเข่าลง
ที่โรงเรียนมัธยมเมืองดาวนี้ คนที่มาเรียนด้วยตัวเอง ก็มาพร้อมกับรถหรูหนึ่งคันต่อเด็กวัยรุ่นหนึ่งคน สร้างความรู้สึกแปลกใหม่แก่คนที่พบเห็น
คนเดินมา แล้วก็เดินไป
อย่างไรก็ตามแต่ ไม่ว่าคนจะเยอะขนาดไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทรงภพนั้นโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น
เขาเป็นคนเดียวที่โดดเด่นมากในตอนนี้
เขาก้มศีรษะลง ซึ่งการกระทำนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“ดะ...ได้อยู่” วรวรรณก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้พูดออกไปด้วยเสียงอันสั่นเทาแบบนั้น ทรงภพในตอนนี้ การกระทำของเขาทำให้เธอสับสน ในใจของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยการคาดเดาต่างๆนานา อย่างไรก็ตามนี่มันเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้ พอความคิดนั้นแล่นเข้ามาในหัว วรวรรณก็ถึงกับส่ายหัวไล่ความคิดออก
เราก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกันมากนัก?
ทำไม เขาถึงให้เกียรติกันขนาดนี้?
ในเวลานั้นวรวรรณเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังกับทรงถพที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ดี
เอาจริงนะ เขาจะคุกเข่าเพื่อ?
“ทรงภพ เอาหล่ะ นี่ใครกันหล่ะ?” ประโยคชวนหัวดังแหวกขึ้นมาอย่างไม่มีมารยาท
วัยรุ่นคนหนึ่งที่คุ้นหน้าของทรงภพนั่นเอง
เขาเดินมาข้างหน้าสองก้าว
วรวรรณได้ยินเสียงเข้าก็ชะงักกึกไป เธอเพิ่งจะสำเหนียกได้ว่าเมื่อซักครู่รอบๆตัวเธอ มีคนอยู่มากทีเดียว
นับๆเอาก็ประมาณ7-8คนได้เชียว
แล้วก็ยังเป็นเด็กๆกันทั้งนั้น
พอมามองดูดีๆก็มีแต่คนหล่อๆ
แต่เมื่อเทียบกับทรงภพมาแล้วคนพวกนั้นก็ต้องถอยหนี
เมื่อเห็นทรงภพคุกเข่าลง เด็กหนุ่มพวกนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ สองมือคาดไว้ที่อก สีหน้าแวววาวอยากรู้อยากเห็น
“โอเค้ หญิงงามที่ทำให้คุณชายทรงภพของเราต้องถึงกับคุกเข่าลงผู้นี้เป็นใครกัน ต้องยกย่องเลยมั้ย?”
วรวรรณมีปฏิกิริยาตอบกลับโดยการถอยหลังกลับทันที
ใบหน้านั้นเรือแดงขึ้น
เอาจริงๆคือมันไม่มีอะไรเลย แต่ว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดเมื่อกี้นั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
เด็กพวกนี้น่าจะอายุน้อยกว่าเธอไม่ใช่หรอ?
วรวรรณพึมพำกับตัวเอง
แต่ว่า พอเธอจะชักขาทั้งสองกลับ
“อยู่เฉยๆ” เขาออกคำสั่ง
วรวรรณตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อได้ยินอย่างช่วยไม่ได้ ตัวเธอยังคงอยู่กับที่แต่ก็ไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไป
“น่าจะเป็นบาดเจ็บของผิวหนัง กลับไปก็อย่าให้แผลโดนน้ำหล่ะ” ทรงภพที่อยู่หน้าเธอตอนนี้พูดด้วยรอยยิ้น เขายังคงก้มหน้าอยู่เลยมองไม่เห็นหน้าเขา แต่ก็เดาได้จากเสียงเขา
นั่นแหล่ะ
หลังจากนั้นทรงภพก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ นัยน์ตาสะท้อนความเป็นห่วงที่เพิ่มมากขึ้น
“โอเค ขอบคุณนะ รบกวนเธอแล้ว”วรวรรณกัดริมฝีปากเบาๆ พยักหน้าหงึกๆ ภายใต้แสงไฟของถนน เธอดูตอบค่อนข้างเลี่ยง
เอาจริงๆแล้วนอกจากทำแบบนั้นแล้ว วรวรรณเองก็ไม่รู้ว่ควรจะทำยังไงเหมือนกัน ในหัวสมองตอนนี้ของเธอว่างเปล่า ราวกับว่าเนี่ยแหล่ะเป็นสิ่งที่เธอพอจะพูดออกไปได้
ด้านของทรงภพเขาเองก็พยักหน้า ปากบางๆของเขาเมื่ออยู่บนหน้าของเขาแล้วนั่นทำให้คนมองรู้สึกว่ามันพอดิบพอดีแบบไร้ที่ติเสียนี่กระไร
“นั่นแหล่ะ กลับไปอย่าให้โดนน้ำนะ” มันเป็นเสียงที่ดังมากจากข้างหลังอย่างหยอกล้อ
วรวรรณเพิ่งจะสังเกตดูเด็กเหล่านั้นอีกครั้ง ก็เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนั้นรอยบินที่ตรงคิ้ว แบบนี้สงสัยจะเป็นนักเลงชัวร์ปา
เสียงนั่นค่อนข้างดังเลยทีเดียว แต่วรวรรณก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไปเสียเฉยๆ
“เอ่อ…..” วรวรรณกลืนน้ำลายเอื้อกหนึ่ง
พวกเด็กผู้ชายเหล่านี้เป็นรุ่นน้องของเธอ ซ้ำยังเป็นผู้เยาว์อีกด้วย
วรวรรณพยายามใช้จิตวิทยากับตัวเอง
เธอก้มหน้าลงมองทรงภพ พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด
“ถ้าคุณเป็นพี่ของบวรพล งั้นฉันเอาส่งเขาให้คุณเลยก็แล้วกัน”
ในขณะที่พูดเธอก็ยกปากเล็กน้อย ทำให้ดูเป็นทางการราวกับคุยเรื่องแนวธุรกิจ
เธอพยายามจะรักษาท่าที
แต่ว่าใบหน้าของเธอนั้นก็ยังคงเรื่อแดงอย่างไม่อาจปกปิดได้แม้จะเป็นเวลาที่ท้องฟ้ามืด
“โอ้ว คล้ายอะไรขนาดนั้น”
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของทรงภพยังคงทำเสียงแปลกๆขึ้นมาแสร้งทำเป็นกระซิบ
ในส่วนของทรงภพนั้นไม่รู้ว่าวรวรรณเข้าใจผิดไปเองหรือว่าไง เพราะเธอรู้สึกว่าสายตาของเขามองเธออยู่ตลอด
“ฉันไปก่อนนะ” ในขณะที่พูด เธอก็ยัดมือของบวรพลลงไปที่มือของทรงภพ
ตอนนี้เด็กน้อยก็ดูกระตือรือร้นไม่ใช่หรือไง
ทำไมถึงไม่พูดอะไรซักหน่อยเลยหล่ะ
ใบหน้าของเธอร้อนราวถูกไฟเผา
เอาจริงก็คือทั้งตัวเธอนั่นแหล่ะที่ร้อนราวกับถูกไฟเผา ผิวตัวของเธอทั้งตัวเรื่อแดงอย่างเห็นได้ชัด
ภายใต้แสงของไฟถนน ก็ปรากฏเหงื่อที่ออกมามากทีเดียว
ทรงภพเลิกคิ้วขึ้น เขามองอย่างพิจารณา ท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาลก็ไม่ปาน ทำให้คนที่เห็นก็มองไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“โอ้ย...”วรวรรณรีบก้าวอย่างฉับไว แต่ว่ายิ่งระวังเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเสียการควบคุมเท่านั้น
ไอรองเท้าส้นสูงนี่ตอนเดินช้าๆยังพอจะควบคุมได้
แต่ว่าพออ้าวไวเข้าหน่อย ก็เสียการควบคุมไปเสียง่ายๆ
แล้วยิ่งเมื่อกี้ เธอเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บมาด้วย แถมเท้าก็ยังไม่ได้ดีขึ้น
ทำให้วรวรรณสะดุด แล้วล้มไปทางข้างหน้า
“ระวัง” เสียงแหบต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้น
วรวรรณหันไป ในขณะที่ตัวของเธอกำลังล้มลงไป ราวกับได้ยินเสียงที่คุ้นหู
เธอหันไปทันใดนั้นเองก็ปะทะประสานสบกับดวงตาคู่ที่สวยที่สุดคู่หนึ่งเข้า