บทที่ 174 สายน้ำที่ไหลไปแล้วยากที่ย้อนกลับ
1/
บทที่ 174 สายน้ำที่ไหลไปแล้วยากที่ย้อนกลับ
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 174 สายน้ำที่ไหลไปแล้วยากที่ย้อนกลับ
บทที่ 174 สายน้ำที่ไหลไปแล้วยากที่ย้อนกลับ เมื่อมาถึงบ้าน ก็ไปส่งเด็กๆที่โรงเรียนอนุบาลก่อน แบบนี้เธอถึงจะเต็มที่กับเรื่องของตัวเองได้อย่างสบายใจ หลายวันแล้วที่ไม่ได้เข้าอินเทอร์เน็ต เมื่อได้เข้ามา ใบสั่งซื้อนั้นเยอะจนน่าตกใจ จดบันทึกด้วยความดีใจ เธอยุ่งจนลืมแม้แต่เวลาทานข้าว มีของก็ส่งให้ลูกค้าก่อน ไม่มีของก็สั่งของเข้า เมื่อมองไปตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เธอรีบลงมือเก็บห้องทันที หลังจากนั้นก็ออกไปซื้อของ แล้วก็ตรงไปรับพวกเด็กๆ ยุ่งวุ่นวายเช่นนี้ถึงจะเป็นรสชาติของชีวิตอย่างแท้จริง “หม่ามี๊ แด๊ดดี๊มาถึงหรือยังคะ” เมื่อออกมาจากโรงเรียนอนุบาล เพียงแค่วิ่งมาถึงตรงหน้าเท่านั้น อ้อยก็ถามอย่างตื่นเต้น “ยังค่ะ แด๊ดดี๊บอกว่าจะมาถึงตอนประมาณหนึ่งทุ่มค่ะ” แต่ว่าวันนี้เป็นวันทำงานของบริษัทวันแรกหลังจากปีใหม่ ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้ออกตรงเวลาหรือไม่ “แบบนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะค่ะ” “รอก่อน ไม่ต้องรีบค่ะ” เธอถึงมือเล็กๆของส้มไว้ ไม่ให้เด็กน้อยออกตัววิ่ง “หากแด๊ดดี๊มาถึงแล้วเข้าไปไม่ได้ แล้วแด๊ดดี๊ต้องรออยู่ข้างนอก แบบนั้นก็หนาวแย่สิคะ” เพ็ญนีติ์แย้มยิ้ม หากมือของเธอไม่ได้ถือของอยู่ ก็อยากจะบิดจมูกเล็กๆของอ้อยเสียจริง ดูๆแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนนั้นจะไปด้วยกันได้ก็ต้องมีความเข้ากันอยู่ด้วย ช่วงเวลาสั้นไม่กี่วัน เด็กๆและปุริมได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมา เมื่อรู้เช่นนี้เธอก็ยินดีไปกับมัน แต่ในความยินดีนั้นก็มีความกังวลใจด้วย หากเป็นเช่นนี้ น่ากลัวว่าเธอคงจะสะบัดเขาไม่หลุด ทำไมการแยกกันมันถึงได้ยากขนาดนี้กันนะ กลับบ้านมาอย่างเงียบๆ อ้อยและส้มเล่นกับต้นน้ำอยู่ที่ลานบ้าน เพ็ญนีติ์จึงเข้าไปในห้องครัวเพื่อทำกับข้าว ช่วงเวลาที่ยุ่งนั้นมักจะผ่านไปไวเสมอ โดยเร็วแสงไฟข้างทางก็สว่างขึ้น กลิ่นหอมของข้าวได้ลอยอบอวล เงยหน้ามองนาฬิกาบนผนัง จะได้เวลาหนึ่งทุ่มแล้ว กับข้าวอย่างสุดท้ายได้เสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะมาตรงเวลาหรือไม่ หากเขามาช้า เช่นนั้นกับข้าวจะไม่เย็นไปก่อนหรือ ทันใดนั้นเธอก็รู้เสียใจที่เริ่มทำกับข้าวเร็วไป หากรอเขามาถึงก่อนแล้วค่อยทำนั่นก็คงมีค่าเท่ากัน แต่ตอนนี้ดับเตาแก๊สไปแล้ว ทำทุกอย่างเสร็จไปแล้ว มาเสียใจก็คงไม่ทันเสียแล้ว กับข้าวอย่างสุดท้ายเสร็จแล้ว ใส่ไปแต่ละจานแต่ละถ้วย ด้วยอากาศอย่างนี้กับข้าวจะเย็นลงเร็วมาก สะบัดมือไปมา เขาบอกว่าจะมาถึงหนึ่งทุ่ม แต่ตอนนี้เลยมาห้านาทีแล้ว เปิดประตูออก ลานบ้านนั้นมีอ้อยและส้มกำลังกระโดดเชือกกับต้นน้ำอยู่ กระโดดพร้อมกับนับเลขไปด้วย ดีใจจนลืมเรื่องที่ปุริมจะมาทานข้าวไปเสียสนิท เธอเดินไปยังประตูใหญ่โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ให้เด็กๆสนุกกับการเล่นต่อ แต่บนถนนนั้นไม่มีแม้แต่เงารถของปุริมแม้แต่นิด ก้มหน้ามองโทรศัพท์ในมือ ไม่มีสายและข้อความจากอีกคนเลย หากเขาจะไม่มา ก็ควรจะบอกเธอสักคำ แม้ว่าเธอจะทำกับข้าวสำหรับสี่คนไปแล้วก็ตาม “หม่ามี๊ของอ้อย กำลังรอคนอยู่หรือครับ” ในตอนที่กำลังชะเง้อมองอย่างร้อนใจ แด๊ดดี๊ของต้นน้ำกลับมาแล้ว เห็นเธอจึงได้ถามอย่างห่วงใย “ค่ะ กำลังรอเพื่อนอยู่” ก็แค่เพื่อนแหละ ตอนนี้เธอให้ปุริมเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น “ตอนค่ำมันจะหนาวนะครับ ใส่ชุดแค่ตัวเดียวเอง ตอนบ่ายผมได้ยิงเสียงไอดังออกจากบ้านตลอดเลย” แด๊ดดี๊ของต้นน้ำมองสำรวจเธอก่อนจะยิ้มออกมา “ขอบคุณค่ะ” เธอพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเบือนหน้าไป ไม่ชอบสายตาของผู้ชายที่มองตัวเธอแบบนี้เลย มันแปลกๆ “ครับ อย่างนั้นผมขอตัวก่อน” ชายหนุ่มกล่าวจบก็ผ่านหน้าเธอไป แล้วเดินไปตรงลานบ้าน “ต้นน้ำ แด๊ดดี๊ซื้อเป็ดย่างมา เร็ว ไปทานข้าวกันเร็ว” “เย้ ทานข้าวกันๆ อ้อย ส้ม ฉันไปทานข้าวก่อนนะ” “ได้ค่ะ พวกเราก็กลับบ้านกัน” ส้มคว้าเชือกกระโดด แล้วก็หันหลังกลับบ้านมา “ส้ม หม่ามี๊ของหนูอยู่ที่ประตูนะ บอกว่ารอเพื่อนคนหนึ่งอยู่” “ไป พวกเราไปดูกัน” ส้มดึงมือของอ้อยวิ่งไปที่ประตู แด๊ดดี๊ของต้นน้ำพลางเดินพลางหันมามองทางอ้อย ส้มและเพ็ญนีติ์ “หม่ามี๊ จะทานข้าวเวลาไหนหรือคะ หนูหิวแล้วค่ะ” “แด๊ดดี๊ยังมาไม่ถึงเลยค่ะ ต้องรอก่อนนะคะ” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายครั้งเพื่อที่จะโทรออก แต่ก็รู้สึกไม่ดีอีก ตอนนี้เขาคงจะขับรถอยู่ “ได้ค่ะ หนูจะยืนรอไปกับหม่ามี๊ด้วย” แต่รอไป จนถึงหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของปุริม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาหารคงเย็นหมดแล้ว เธอก็เพียงได้กล่าวออกมา: “พวกเราเข้าไปกันเถอะ หม่ามี๊โทรถามแด๊ดดี๊ก่อนนะคะว่าถึงไหนแล้ว” “ได้ค่ะ พวกเราเข้าไปล้างมือกันเถอะ แด๊ดดี๊จะต้องมาแน่ๆ” เชื่อคำพูดนั้นมาก แต่ปุริม เขามาช้าไปจริงๆ กดเบอร์โทรเขาลงในโทรศัพท์ไป ตอนที่พาเด็กๆออกมาจากวิลล่า เธอเคยคิดว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกแล้ว แต่ตอนนี้ เพิ่งจะครึ่งปีเท่านั้น เธอก็กลับมาติดต่อกับเขาอีกครั้ง โทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีคนรับ เสียงรอสายนั้นทำให้ใจของเธอเริ่มรู้สึกเลวร้าย ทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน นี่ไม่เหมือนเขาเลย เสียงยังคงดังอยู่ เหมือนกับว่าจะไม่มีทางหยุดลงแน่ๆ แต่เสียงนั้นมันไม่ได้น่าฟังสักนิด นิ้วมือกำลังจะกดลงไป เธอต้องการจะตัดสายทิ้ง แต่ทันใดนั้นเสียงของนรวรก็ดังมาจากปลายสาย “คุณเพ็ญนีติ์ใช่ไหมครับ” เธอตอบอย่างแผ่วเบา “ค่ะ ฉันเอง” รู้สึกสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์ของปุริมแต่นรวรกลับเป็นคนรับแทน “ท่านประธานมีปัญหาครับ ติดอยู่ในลิฟต์ยังออกมาไม่ได้ครับ” ใจของฉันเต้นรัว แต่เดิมก็รู้อยู่แล้วว่าที่เขาไม่รับสายนั้นมันก็ไม่ถูกแล้ว “เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” “ไม่เป็นอะไรครับ เพียงแค่ออกมาไม่ได้ในตอนนี้เท่านั้น ตอนนี้ยังแก้ไขข้อผิดพลาดยังไม่ได้ ผมอยู่ในสถานการณ์คิดว่าอีกสักครู่ก็จะออกมาได้แล้วครับ คุณจะเห็นว่า ท่านเพิ่งให้ผมไปเอาโทรศัพท์ที่ออฟฟิศมา บอกว่าหากออกมาได้จะต้องโทรและรีบออกไปที่อื่นต่อ ตอนนี้ผมก็รอท่านมาได้ชั่วโมงกว่าแล้วครับ” เพ็ญนีติ์ลองคำนวณเวลา เขาขับรถในเวลาหนึ่งชั่วโมงนั่นก็น่าจะมาถึงแล้ว ถอนหายใจอย่างโล่งอก หนึ่งแค่เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว สองเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาช้าแต่อย่างใด ยังดีไป “ขอบคุณค่ะนรวร” “ไม่เป็นอะไรครับ แล้วมีอะไรจะฝากผมไปบอกหรือไม่ครับ” บางเขาคงไม่รู้ว่าคนที่ปุริมจะมาหาก็คือเธอ ดังนั้นนรวรจึงกล่าวอย่างรู้สึกผิด “ไม่มีอะไรค่ะ” กล่าวจบ เธอก็วางสายไป หันหลังกลับเข้าบ้าน ในใจไม่ได้รู้สึกเดือดพล่านอีกแล้ว “หม่ามี๊ หนูหิวแล้ว” “รอแด๊ดดี๊ก่อนนะคะ” “แล้วแด๊ดดี๊จะมาตอนไหนหรือคะ” “ใกล้แล้วค่ะ รออีกสักครู่นะคะ ได้ไหม” “ได้ค่ะ” ตาโตของอ้อยถูกอาหารจานถ้วยบนโต๊ะดึงดูดไปจนหมด เธอสูดดมมันเข้าไป “หอมมากเลย” เห็นว่าเด็กๆนั้นคงหิวแล้วจริงๆ เพ็ญนีติ์จึงนำเค้กมา “มา ทานคนละคำ ห้ามทานเยอะกว่านั้นนะคะ” “ทำไมหรือคะ” “ทานเยอะไปแล้วทานข้าวไม่ลงเอาค่ะ” เธอลูบผมลูกสาวด้วยท่าทีขบขัน เด็กๆกำลังโต แต่เธอเองก็กำลังจะเข้าวัยเลขสาม เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เปิดโทรทัศน์ ทั้งสามคนต่างนั่งดูโทรทัศน์ด้วยท่าทีที่เบื่อหน่าย อ้อยและส้มไม่ได้โวยวายว่าหิวอีก มือของเพ็ญนีติ์ก็จบที่โทรศัพท์อยู่ตลอด ทันใดนั้นท่ามกลางเสียงของโทรทัศน์ มือถือของเธอในที่สุดก็ดังขึ้นมา รับสาย “ปุริมคะ ขับรถถึงไหนแล้วคะ” ตอนนั้นเองที่เธออยากได้ยินเสียงของเขาเหลือเกิน เหมือนกับว่าแค่ได้ยินเสียงของเขาเท่านั้นก็จะเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าเขานั้นยังคงปลอดภัยดี “ขอโทษครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ดังนั้นผมจึงออกมาช้า อีกสี่สิบนาทีน่าจะไปถึงครับ อย่างนั้นคุณกับเด็กๆทานข้าวกันก่อนเลยก็ได้ครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเพิ่งจะทานขนมกันไป รอคุณมาทานพร้อมกันดีกว่า เดี๋ยวเจอกันนะค่ะ” “ครับ เดี๋ยวเจอกัน” น้ำเสียงของเขานิ่งมาก เหมือนว่าอุบัติเหตุนั้นคงเป็นเรื่องเล็กๆ แต่นั่นมันลิฟต์มีปัญหา นั่นถึงชีวิตได้เลยนะ ไม่รู้ว่าอุบัติเหตุนั้นเป็นอย่างไรเหมือนกัน แต่เธอรู้สึกได้ว่ามันไม่ง่ายแน่นอน รอเขามาถึงเสียก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกที บอกไว้ว่าสี่สิบนาที แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงปุริมก็มาถึงแล้ว รถจอดที่หน้าประตูใหญ่นั้น เพียงแค่ได้ยินเสียงแตรรถเพ็ญนีติ์ก็รีบลุกออกไปทันที เปิดประตูใหญ่ เขาก็จอดรถลงที่ตรงหน้าเธอพอดี เขาดูไม่มีท่าทางเหนื่อยของคนที่ทำงานทั้งวันหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรเลย มองตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาคงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร “เพ็ญนีติ์ ผมยอมรับว่าผมดูดีมาก คุณมองพอแล้วหรือยังครับ” เขาก้าวมาหาเธอก้าวใหญ่ ก่อนจะยิ้มจนตาหยี “อ่า...” เธอสับสนจนต้องก้มหน้าหลบสายตา เธอแค่กลัวว่าเขาจะบาดเจ็บที่ไหนจนไม่สบายใจก็เท่านั้น เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เธอจริงกล่าวออกมาเบาๆ: “เข้ามาค่ะ ฉันจะไปอุ่นกับข้าว” ไม่รู้ว่าเข้ามาอย่างไรเหมือนกัน เพียงพาเขาไปส่งเด็กๆเท่านั้น “ห้องเล็กหน่อยนะคะ ตามสบายเลย” กล่าวจบเธอก็เข้าห้องครัวไป ไม่กล้ามองเขาอีก รีบอุ่นกับข้าว และวางลงที่โต๊ะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีกลิ่นหอมเหมือนตอนที่ทำเสร็จใหม่ๆ ถึงอย่างนั้นก็ดูไม่เลว และหลายๆคนก็เริ่มหิวแล้วด้วย ดังนั้นจึงหยิบตะเกียบแล้วลงมืออย่างไม่เกรงใจทันที เขาเลือกเนื้อในจานแล้วคีบให้อ้อยและส้มไม่หยุด ในขณะนั้นเพ็ญนีติ์ที่กำลังทานข้าวด้วยท่าทีที่อึดอัดใจ ในจานนั้นก็โผล่ขาไก่มาหนึ่งอัน “ทำอาหารได้อร่อยเลย เพ็ญนีติ์ คุณโตขึ้นนะ” เธอยิ้มอย่างขอโทษขอโพย มองขาไก่ในจานนั้นแต่ก็ไม่ได้ลงมือคีบแต่อย่างใด “เป็นอย่างไรคะ ฉันปรุงไม่ดีหรือ” “ไม่... ไม่ใช่” ท่าทางล่กๆของเขา ทำให้เธอรีบคีบขาไก่ขึ้นขึ้นมาชิมอย่างตั้งใจทันที มื้อนี้พวกเธอและเด็กๆต่างทานกันอย่างรวดเร็ว แต่เขานั้นทานอย่างละเมียดละไม ดูไม่รีบร้อนสักนิด เมื่อทานเสร็จ เธอก็เข้าห้องครัวไปล้างจาน เขาจึงไปดูโทรทัศน์กับเด็กๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องราว ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีที่จะออกไป ปล่อยให้เขาดูแลเด็กๆไป เมื่อเพ็ญนีติ์ล้างห้องครัวเสร็จแล้วก็เริ่มออกมาตรวจธุรกิจของตัวเอง ปล่อยเขาไปดีกว่า อย่างไรเด็กๆก็ขาดเขาไม่ได้อยู่แล้ว บางคราความคุ้นชินก็เหมือนกับยาเสพติด ทำให้คนยากที่จะปล่อยมันไป เหลือใบสั่งซื้ออีกเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่มาก แต่เมื่อนำมารวมกันก็กลายเป็นใบสั่งซื้อล็อตใหญ่ทันที เธอกำลังดูอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นในหน้าจอก็สะท้อนของร่างๆหนึ่ง ลมหายใจของชายหนุ่มปกคลุมไปทั่ว ทำให้มือที่จับเมาส์อยู่นั้นชะงักลง แล้วกล่าวขึ้น: “จะกลับแล้วหรือคะ เดี๋ยวฉันไปส่ง” “ฮ่าฮ่า ไม่ใช่ครับ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากข้างหลังราวกับไม่ได้ตั้งใจ ความรู้นี้มันช่างเหมือนความรู้สึกของคนที่เป็นสามีภรรยากันเลย แต่เธอกับเขา... ไม่ได้ เธอไม่มีทางที่จะยอมรับเขาได้อีก สายน้ำที่ไหลไปแล้วยากที่ย้อนกลับ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 174 สายน้ำที่ไหลไปแล้วยากที่ย้อนกลับ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A