บทที่ 180 เธอยังคงรักเขา   1/    
已经是第一章了
บทที่ 180 เธอยังคงรักเขา
บทที่ 180 เธอยังคงรักเขา ใจ แค่บาดเจ็บมาเยอะแล้ว จะงดงามแค่ไหนก็ไม่อยากกลับไปอีกแล้ว รถไปจอดอยู่ที่หน้าโรงหนังเมืองดรัลอยู่ข้างโรงแรมฤกษ์ดี จอดรถเสร็จทั้งสี่ก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในโรงแรม สั่งอาหารแบบบุ๊ฟเฟ่ ทุกคนไม่ค่อยสนใจในการกินเท่าไหร่ ส่วนมากจิตจดจ่ออยู่ที่โรงหนัง ดังนั้น ไม่นานก็พากันทานข้าวเสร็จ ออกมาจากโรงแรม ส้มจูงมือเธอ ส่วนอ้อยจูงมือของปุริม ทั้งสี่คนต่างเป็นที่จับตามองของคนทั้งหลาย ตุ๊กตาน้อยน่ารักสองตัวใครเห็นใครก็รู้สึกหลงรัก ส่วนเธอและปุริม ทั้งคู่ต่างก็มีมนต์เสน่ห์แรงดึงดูดจากฝ่ายตรงข้ามที่มองมาตลอดเวลา รู้สึกชินแล้ว ตอนที่อยู่อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟก็เป็นเช่นนี้ เขาซื้อตั๋วไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว เพียงแค่หาที่นั่ง ตั้งใจซื้อป๊อปคอร์นที่ขายอยู่หน้าประตูมาสามถัง เด็กพากันร่ำร้องใหญ่ นี่คือสิ่งที่พวกเขาชอบกินที่สุด เขานี่ซื้อใจคนเก่งจริงๆ ตอนนี้ ส้มและอ้อยถูกซื้อไปเป็นคนของเขาเรียบร้อยแล้ว เธอนึกขึ้นได้แล้ว ตอนที่เธอป่วยนอนหลับอยู่ที่อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟวันนั้น เขาต้องไปแอบพูดอะไรกับเด็กๆและตั้งใจไม่ให้เธอได้ยินด้วยเป็นแน่ หนังวรรณคดี การ์ตูนเด็ก เขาเลือกหนังเก่งจริงๆ เรื่องหนึ่งเลือกให้เธอ ส่วนอีกเรื่องเลือกให้เด็กๆ ดูเพียงสองเรื่องนี้เสร็จแล้วก็กลับ แม้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดต้องพักผ่อน แต่เด็กๆก็ไม่ควรจะนอนดึกจนเกินไป พอออกจาโรงหนัง เธอเกิดความคิดหนึ่งขึ้นว่า ถ้าหากว่าใช่เด็กๆอยู่ด้วย เขาคงเลือกดูหนังผีไปแล้ว คงจะให้เธอตกใจกลัวและไปซบที่อกเธอสินะ? เอ๋ เขาไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ? พอคิดเเบบนี้ เธอเริ่มคุยถามกับตัวเองขึ้นมา “อ้อย ส้ม ลูกๆจะนั่งรถกับใคร?” “หม่ามี๊ จากนี้เป็นต้นไปหม่ามี๊ก็จะขับรถเองแล้วใช่ไหมคะ?” “เอ่อ”...เธอตั้งใจจะเอารถคืนให้กับปุริม “ไม่...” แต่ว่าเธอพึ่งเอ่ยได้ยังไม่ถึงคำ ส้มก็เอ่ยขึ้น “หม่ามี๊ วันนี้พวกเราจะนั่งรถแดดดี๊ พรุ่งนี้จึงจะเริ่มนั่งรถกับหม่ามี๊” พูดจบ ส้มและอ้อยก็พากันกระโดดโลดเต้นไปขึ้นรถของปุริม ช่างเถอะ ผู้คนมากมาย ก็ยอมให้พวกเขาก่อนแล้วกัน กลับบ้านคืนนี้ค่อยไปอบรมสั่งสอนทั้งสองที่แสดงออกชัดเจนว่าถูกปุริซื้อตัวไปเรียบร้อยแล้ว เธอขึ้นแล้วขับออกไปเงียบๆโดยไม่รอเขา เธอขับออกไปก่อน รถก็ขับเร็วแบบปกติ เหมือนว่าจะมีแค่วิธีนี้ที่สามารถทำให้ความสับสนอารมณ์ในใจของเธอคลายลงบ้าง จิตใจ รู้สึกสับสนวุ่นวาย แต่ก็รู้สึกได้ถึงการถูกเอาอกเอาใจอย่างนุ่มนวล พึ่งจะดูหนังรักโรแมนติกจบ สมองยังคงอารมณ์ค้างอยู่ รถของปุริมก็ขับตามมาอยู่ข้างหลัง ซึ่งถูกขั้นกลางด้วยรถอีกประมาณห้าหกคัน ข้างหน้าคือแยกทางเลี้ยวหลัก เพ็ญนีติ์หักพวงมาลัยเลี้ยว แต่ทันใดนั้น เธอได้หักจนสุดแล้ว แต่เหมือนว่าพวงมาลัยไม่ทำงานหักหมุนไม่ได้ แย่แล้วข้างหน้าคือเสาบ้านเขา เท้ารีบเหยียบเบรก แต่เหยียบลงไปแล้วเบรกกลับไม่ทำงานอีก “ปุ..” ร้องขึ้นอย่างตกใจกลัว ในสมองเต็มไปด้วยภาพของเสาบ้านที่อยู่ตรงหน้า และยังมีภาพมือและอกของปุริมที่คว้าไว้ตอนจะตกบันไดไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ... วินาทีนั้น อกสั่นใจเต้นขวัญหาย สมองรู้สึกว่างเปล่า จนรู้สึกไม่มีสติไม่เป็นตัวเองแล้ว “โครมมม”เสียงชนดังก้องอยู่ข้างใบหู สะเทือนลั่นจนถึงสมอง นั้นเป็นวินาทีที่ความรู้สึกยังชัดเจนอยู่ แต่เวลาถัดมา รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่นเห็นแสงไฟเบลอๆและหมดสติไปในที่นั่งคนขับ ข้างหู ได้ยินเสียงของชายคนนั้นและเสียงของอ้อยและส้มแว่วๆอยู่ข้างๆ มุมปาก เผยรอยยิ้มออกมา ดีใจที่อ้อยและส้มไม่ได้นั่งอยู่ในรถของเธอนี่คือเจตนาฟ้า แบบนี้ดีจริงๆ ทันใดนั้นเพ็ญนีติ์ก็เป็นลมไป รอบตัว คือความร้อนจากไฟ และความเจ็บปาดจากการถูกลวก ดีที่เด็กๆยังมีเขาอยู่ด้วย เธอก็วางใจแล้ว แต่ว่ารถคันนี้อยู่ดีๆเกิดควบคุมไม่ได้ เป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน ข้างนอกรถ เสียงของรถฉุกเฉินดังก้อง เสียงชายหญิงที่ร้องเรียก เริ่มห่างไกลออกไปแผ่วเบาลงทุกที ร่างกายรู้สึกเบาลอยล่อง ราวกับกำลังกลับคืนสู่ที่เดิม “หม่ามี๊ ตื่นสิคะ รีบตื่นเร็วเข้า” ... ร่างกายถูกเขย่าเคลื่อน ใบหูข้างๆได้ยินเสียงร้องร่ำให้ของเด็กๆ ร้องเสียงดังจริงๆ มันฉุกละหุกมาก จนทำให้คิ้วของเธอเริ่มขมวดเข้าหากัน “รีบถอยออกมาก่อนเร็ว ไปรอแดดดี๊ละหม่ามี๊อยู่ตรงนั้น” นี่คือเสียงของปุริม ทำให้สติของเธอเริ่มที่จะกลับคืนมา เหมือนดังกลับเขาอยู่ข้างน้องและร้องขอให้เธอออกมา ความร้อนจากการลวกดาดทำให้เธอเจ็บปวดไปทั่วกาย อ้าปากอยากพูด แต่กลับเอ่ยออกมาไม่ได้สักคำ “ขอทางหน่อย ขอทางให้ผมหน่อย” เสียงสั่งนี้อีกแล้ว เหี้ยมโหดเกินไปบ้าหรือเปล่าเนี้ย ทันใดนั้น รู้สึกถึงรถมีการเคลื่อนไหว เหมือนกับเขาหยิบอะไร มาทำอะไรสักอย่าง กลิ่นควันน้ำมันลอยคลุ้ง เพ็ญนีติ์รู้สึกเหมือนรถกำลังจะระเบิด เหมือนจะระเบิดจริงๆ “รีบไป ไม่ ไม่ต้องสนใจฉัน” รวมพลังเฮือกสุดท้ายเอ่ยออกมา แต่เสียงที่ออกมากลับอ่อนเบาแหบแห้งราวกับเสียงแมลงวัน และก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินรึเปล่า เธอได้แค่พูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น “หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไร ผมจะช่วยคุณออกไปให้ได้” คิดไม่ถึงเลยว่า ปุริมได้ยินเข้าแล้วจริงๆ เขากำลังดุเธอ แต่ว่า เธอกลับรู้สึกมีความสุข รถชนหนักขนาดนี้ ช่วงที่อันตรายมากขนาดนี้ เขากลับอยู่ข้างกายเธอตลอด ทำให้ เธอจึงฟื้นตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆนี้ อะไรอะไรเริ่มไม่ชัดเจน ควันเข้มที่อยู่ตรงหน้า เธอทำได้แค่เดาท่าทีการเคลื่อนไหวของปุริมจากเสียงเขาเท่านั้น ลองขยับตัวเองดู รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่กลับไม่ขยับได้เลยแม้แต่น้อย เธอติดอยู่ในรถขยับออกไปไม่ได้ “ซี่ ซี่”....นั้นคือเสียงเครื่องมือบางอย่างที่กระทบกับประตู นี่คือโชคชะตาของรถที่เขาเป็นคนมอบให้กับเธอ “หม่ามี๊ หนูจะหาหม่ามี๊” ...ได้ยินเสียงร้องไห้ดังของส้ม เด็กๆตกใจใหญ่แล้ว เธออยากจะไปปลอบให้เด็กๆไม่ต้องกลัว เธอยังไม่ตาย เธอยังหายใจอยู่ แต่ว่า เธอกลับเอ่ยอะไรออกมาไม่ได้สักคำ ควันคลุ้งสำลักเข้าลำคอทำให้เธอรู้สึกเจ็บคอ เธอได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ข้างนอก “รีบถอยออกมา รถจะระเบิดแล้ว เร็ว ออกมาเร็ว” ปุริม คุณถอยออกไปเถอะ แต่ว่าข้างหน้าประตูรถยังเป็นเสียงของเขาที่พยายามให้ประตูเปิดออก ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาหยุดวางมือลงได้ “ปัง..ปัง”.ทุกเสียงที่ดังราวกับกำลังเคาะประตูใจเธอ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด แต่กลับรู้สึกอบอุ่นมากกว่า “คุณผู้ชาย ถอยก่อนเถอะ ไม่งั้น” “ออกไป” เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ เต็มไปด้วยความอารมณ์ที่พร้อมจะฆ่าคนได้เลยทีเดียว “ออกไป อย่ามายุ่งกับผม” “หม่ามี๊...ฮึ” เสียงร้องไห้ของเด็กๆดังขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้ใจเธอปวดร้าวเหลือเกิน เธอจะตายแล้วจริงๆใช่ไหม? เธอในเวลานี้ ราวกับไม่รู้สึกอะไรแล้ว แม้ขนาดความเจ็บปวดใดๆก็ไม่รู้สึกอีกต่อไปแล้ว ทั่วทั้งตัวไร้เรี่ยวแรงราวกับร่างจะแตกสลายอยู่บนที่นั่ง ดวงตาทั้งคู่ห้ามไม่ให้ปิดลงก็ไม่ได้ ไม่ได้ แล้วลูกของเธอล่ะ ลูกของเธอใครจะเป็นคนดูแล? พอนึกถึงลูกๆ เธอจึงรวบรวมพลังอีกครั้ง “ปุริม ฝากดูแลลูกๆด้วย”... เธอเอ่ยได้แค่ประโยคนี้เบาๆ ควันรถอันหนาแน่นพัดมาที่ปุริมทันควันเขากัดฟันเอ่ยขึ้น “หุบปากเดี๋ยวนี้ เด็กๆคุณต้องมาดูแลเอง "ผมจะไม่ยุ่งด้วย น้ำตา ไหลออกมาทันใด ไหลอาบหางตา ลงมาที่จมูก ไหลเข้ามาในปาก รสชาติเค็มๆที่ช่างตอกย้ำเจ็บปวด เขา ทุกข์อะไรนักหนานะ “คุณปุริม คุณรีบออกมาเถอะ” คนที่ตะโกนบอกให้เขาออกมาก็บอกอย่างดื้อรั้นเหมือนกันกับเขา บางที รถอาจจะระเบิดขึ้นจริงๆ รอบๆตัวเธอเริ่มไม่ได้ยินเสียงของเด็กๆแล้ว มีก็แค่เสียงรถพยาบาล และก็เสียงทุบที่ปุริมทำกับประตูรถ “ปัง ปัง” และเสียงของคนคนนั้นกับปุริม เด็กๆน่าจะถูกย้ายไปที่ที่ปลอดภัยแล้ว แบบนี้ก็ดี แบบนี้ดีแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับยังไม่ถอดใจ ถอยห่าง เธอปล่อยเขาได้แล้ว ปลงวางได้แล้วจริงๆ ตอนที่เธอรักเขา เขากลับไม่รักเธอ รอจนถึงตอนที่เธอไม่รักเขาแล้ว เขากลับมาชอบเธอ พรมลิขิตระหว่าเธอและเขาถูกขีดให้เป็นอย่างนี้หรอ? ช่วงเวลาแบบนี้ ตอนที่สติยังดีอยู่ สิ่งที่เธอคิดก็มีเพียงเรื่องแบบนี้ ปุริม ไปเถอะ ถอยไปเถอะ ไม่ต้องสนใจเธอแล้ว เธอจะตายก็ไม่เป็นไร แต่เด็กๆจะต้องสูญเสียทั้งเธอและเขาไปไม่ได้ เด็กๆต้องการการปกป้องจากผู้เป็นพ่อ เธอห่างจากพวกเขาไม่ได้ “คุณปุริม ถ้าคุณไม่ไป มันจะ” เสียงกังวลของชายคนนั้นดังขึ้นจนตัวเริ่มสั่น บวกกับความกระวนกระวายใจ “ไสหัวไป” แค่ประโยคเดียว เขายังคงพยายามเลื่อยประตูรถให้เปิดออก เพ็ญนีติ์รู้สึกว่าตัวเริ่มขยับได้เล็กน้อย ทำให้ตัวเธอยุบลงไปกับเบาะ ทันใดนั้น เสียง “ปังปัง” หยุดลง เหมือนทุกอย่างทั่วทั้งสี่ทิศสงบลง มีเสียงร้องไห้ดังอยู่ไกลๆ นั้นเป็นเสียงของเด็กๆใช่ไหม? สงบจริงๆ เขาไปแล้วหรอ? ปุริม ไปแล้วหรอ เธอไม่ได้โทษเขา ไม่ได้โทษที่เขาจากไปจริงๆ หลับตาลง เธอค่อยๆรอเวลาที่รถจะระเบิดเวลานั้น ราวกับแมลงเม้าที่บินเข้าหากองไฟ..... แล้วตกลงข้างๆคนี่เรารัก คนที่เธอรักมากที่สุด นั้นก็คือเขา ถึงเวลานี้ เธอกลับพบว่าเธอยังรักเขาอยู่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง สงบ สงบจริงๆ เขาคงไปแล้วสินะ แต่ว่า เธอยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินของเขา “ปุริม”... เธอเรียกชื่อเขาเสียงเบา เบาจนแทบไม่ได้ยินเสียง รอบกาย กลิ่นของควันรถยิ่งแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนย่างจนเกรียมแล้ว มีแค่เสียงเรียกร้องเบาๆ ทันใดนั้นมีเสียงผู้ชายดังขึ้นมา “รีบออกมาดูแลลูกๆให้ผมเดี๋ยวนี้” ทันใดนั้นมีเสียง “พลั้ว” ดังออกมาอย่างแรง เธอรู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งรถเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง “ฉั่ว” มีแสงสว่างจากรถสะท้อนพุ่งเข้ามายังดวงตา ประตูรถเปิดออกแล้ว เปิดออกในทันเวลานั้นจริงๆ ท่ามกลางกลุ่มควันอันหนาแน่นเธอมองเห็นเงาของชายคนหนึ่ง คลุมเครือเรือนร่างราวกับยังอยู่ แต่บางทีมันก็เรือนร่างราวกับไม่อยู่ “เพ็ญนีติ์ คุณยังไม่ตาย ใช่ไหม?” สองแขนกำยำ ยื่นเข้ามารับร่าง จนเพ็ญนีติ์ได้ยินเสียงดังของกระดูกของตัวเอง เขากำลังอุ้มเธอขึ้น กำลังจะดึงเธอออกมาจากรถ ทั่วทั้งกายรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน เขาออกแรงดึงแรงขึ้นแรงขึ้น แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาทำอย่างนั้นเพื่อเธอ “ปุริม” ...ใบหน้าที่มีน้ำตายิ้มออกมา เธอร่ำร้องเรียกชื่อของเขา ทันใดนั้นนึกถึงหนังสือที่จางอ้ายหลิงเขียน (love of city) บางที ช่วงเวลาที่ก้าวเข้าสู่เส้นขีดความตาย ความรักนั้นมันจะมีพลังงานชัดเจนมากยิ่งขึ้น “ปุริม ฉันรักคุณ ฉันรักคุณ” “เด็กโง่เอ๋ย เราไปกันเถอะ” เขาออกแรงอีกครั้ง จนในที่สุดก็สามารถอุ้มเธอออกมาจากรถที่ตอนนี้ไม่เหลือสภาพเดิมคันนั้นได้
已经是最新一章了
加载中