บทที่ 181 รถเต่าที่น่าสงสาร   1/    
已经是第一章了
บทที่ 181 รถเต่าที่น่าสงสาร
บทที่ 181 รถเต่าที่น่าสงสาร รถเต่าที่น่าสงสาร “คุณปุริม รีบออกมาครับ” ไม่ไกลนั้นมีคนกำลังใช้โทรโข่งตะโกนเรียกเขาอยู่ “เพ็ญนีติ์ คุณยังต้องดูแลลูกๆนะ” สองขายาวของเขาวิ่งไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งตะโกนใส่เธอ คนโง่คือเขา เวลานี้ยังมาตะโกนอะไรแบบนี้กัน รีบหนีสิ คำสั่งเสียนั่นสำคัญเสียที่ไหน ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน ใครจะดูแลเด็กๆไม่ดีกัน เธออิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา ปล่อยให้เขาอุ้มเธอแล้วพาวิ่งไป รวดเร็วราวกับสายลม ในสถานการณ์ที่น่าตื่นตระหนกนี้ ณ ตอนนี้ เธอไม่กลัว ไม่กลัวเลยแม้แต่นิด คงเพราะมีเขาอยู่ และเป็นเพราะเขากอดเธออยู่ในตอนนี้ “คุณปุริม มันจะไม่ทันแล้ว รีบลงมาเร็วๆครับ” จมูกได้กลิ่นเหม็นไหม้ สมองเธอยังไม่ทันได้สั่งการใดๆ ชายหนุ่มกอดเธอไว้แล้วนอนราบไปกับพื้น “ตุบ” จริงๆต้องบอกว่าเธอนอนราบไปกับพื้น ส่วนตัวเขานั้นเป็นเกาะบังอยู่ข้างบนเธอ ไร้ซึ่งความเจ็บปวด สัมผัสได้เพียงความอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่เท่านั้น เธอซบลงแนบชิดกับหน้าอกของเขาอย่างหมดเรี่ยวแรง เธอได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเขา ตึกตัก ตึกตัก มันช่างดังยิ่งนัก “ครื้น...ปัง...” เสียงที่ดังสนั่น รถได้ระเบิดไปแล้ว เธอรับรู้ได้ รอบข้างทุกอย่างพวยพุ่งราวกับห่าฝน แต่มันตกลงที่ข้างตัวของเธอทั้งหมด บางทีมันคงตกมาที่เธอ แต่โชคดีที่ร่างกายของเขาช่วยบดบังให้ เพ็ญนีติ์ปิดตาลงอย่างช้าๆ ในหัวนึกถึงเหตุการณ์ที่อยู่ระหว่างความเป็นและความตาย “ปุริมคะ ฉันรักคุณ” เธอเหนื่อย และเจ็บมาก เธอทนต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่เธอรู้ดี เธอยังมีชีวิตอยู่ ชายหนุ่มข้างกายเองก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ครั้งนี้ เธอต้องนอนแล้ว นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา เป็นเขาที่ปกป้องเธอ จึงทำให้เธอรอดพ้นจากประตูนรกกลับมาที่โลกนี้ได้ ความจริง โลกใบนี้ที่ยังคงสวยงาม เป็นเพราะมีเขา และลูกๆอยู่ ดังนั้นเธอจึงยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ไป “ผมก็รักคุณ...” เขากล่าวเสียงเบา หยดเหงื่อบนใบหน้าตกกระทบกับผิวขาวของเธอเป็นหยดๆ แต่ประโยคนั้น เธอกลับไม่ได้ยิน “หม่ามี๊...” อ้อยและส้มกรีดร้องเรียกเธอเสียงดัง และวิ่งเข้ามาพร้อมกัน “รถฉุกเฉิน” ชายหนุ่มคำรามลั่น หลังจากนั้นเขาอุ้มหญิงสาวแล้วลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล เขาวิ่งไปยังรถฉุกเฉินอย่างยากยากลำบาก “หม่ามี๊กับแด๊ดดี๊ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” “ตามมา อย่าวิ่งไปไหน” เขาออกแรงอย่างมากเพื่อก้าวเดินไป ที่ขายังคงมีเลือดไหลเป็นสาย ตอนที่ถีบเปิดประตูเพราะไม่ระวังจึงโดนอะไรก็ไม่รู้บาดเข้า ตอนที่เปิดประตูจู่ๆเขาก็นึกขึ้นมา หากครั้งหน้าจะซื้อรถให้เธอ คงเลือกคันที่สภาพแย่กว่านี้ แบบนั้นประตูคงจะได้เปิดได้ง่ายขึ้น “คุณผู้ชาย ช่วยวางคนไข้นอนลงด้วย เร็ว” ปุริมก้มมองใบหน้าของหญิงสาวที่ดูทรมาน ก่อนจะค่อยๆว่าเธอลงบนเตียงเข็น แล้วหันหลังส่งมือไปให้กับอ้อยและส้ม “มากับแด๊ดดี๊ พวกเราต้องไปพร้อมกับหม่ามี๊” เสียงของเขาไม่ได้ดังเหมือนปรกติ แต่ก็ไม่ได้มีความเหน็ดเหนื่อยแสดงออกมาให้เห็น เด็กๆต่างก็จับมือของเขาไว้แต่โดยดี ราวกับกลัวว่าเขาจะเจ็บไปด้วย เสื้อของแด๊ดดี๊กลายเป็นเศษผ้า แต่ร่างกายใหญ่โตของเขาทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยและไม่กลัวอีกต่อไป ดึกดื่นมืดครึ้มแล้ว แต่รถตำรวจและรถฉุกเฉินที่อยู่รอบข้าง รวมทั้งไฟรถและไฟถนนทำให้เมืองนี้ส่องสว่างราวกับเป็นตอนกลางวัน บนรถฉุกเฉินนั้นต่างวุ่นวายไปหมด เพ็ญนีติ์ถูกส่งขึ้นไปแล้ว เธอนอนอย่างสงบอยู่บนนั้น ดึงมืออ้อยกับส้มเพื่อที่จะตามขึ้นไป แต่พยาบาลคนหนึ่งเอ่ยห้ามขึ้นเสียก่อน “ญาติตามไปคนเดียวก็พอค่ะ” เขาหาได้สนไม่ สายตาจับจ้องที่เพ็ญนีติ์ แล้วค่อยๆอุ้มอ้อยกับส้มขึ้นรถมา ทั้งสองต่างเป็นเด็กดี รู้ดีว่าเวลานี้พวกเธอต้องเงียบไว้ พวกเธอห้ามรบกวนการทำงานของหมอและพยาบาลที่กำลังช่วยหม่ามี๊อยู่เด็ดขาด สายตาเย็นเยียบของปุริมทำให้พยาบาลคนนั้นต้องสงบคำ “โอเค ก็ได้ แค่ห้ามส่งเสียงดังรบกวนคนป่วยเป็นพอ” พยาบาลคนนั้นกล่าวเจาะจงมาที่อ้อยและส้ม “อือ ไม่ส่งเสียงแน่นอนค่ะ” เสียงเล็กๆของเด็กๆรับคำหนักแน่น เพ็ญนีติ์ที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าย่อมทำให้เด็กทั้งสองต่างหวาดกลัว โชคดีที่มีปุริม ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงร้องไห้งอแงเสียงดังไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาของพวกเธอไม่ให้ไหลได้ ในใจก็เป็นห่วง เป็นห่วงทั้งหม่ามี๊และแด๊ดดี๊ หมอและพยาบาลบนรถฉุกเฉินกำลังตรวจร่างกายของเพ็ญนีติ์อยู่ วัดความดันเลือด ตรวจบาดแผล ฟังอัตราเต้นของหัวใจ ทั้งหมดกำลังดำเนินไปอย่างเป็นระบบ และสายตาของปุริมก็ไม่ได้ละไปจากใบหน้าที่นอนหลับอยู่ของเธอเลย “คุณผู้ชาย ขาของคุณต้องทำการห้ามเลือดและทำแผลนะคะ ช่วยยื่นขาออกมาด้วยค่ะ” “ไม่ต้องสนใจผม” เขาคำรามลั่น “ช่วยให้เธอฟื้นขึ้นมา ช่วยให้เธอฟื้นขึ้นมาเร็วๆที” เสียงของเขาเหมือนกำลังข่มขู่ ทำให้พยาบาลคนนั้นตัวสั่นและไม่กล้าพูดอะไรอีก อีกด้าน หมอที่ท่าทางภูมิฐานกว่าเห็นเขาไม่รับการรักษาก็เอ่ยขึ้นว่า “คนไข้ได้รับการตรวจขั้นพื้นฐานแล้ว ตอนนี้ยังไม่ทราบอาการที่แน่ชัด แต่จากที่ดูแล้วคงมีแค่อาการบาดเจ็บภายนอก อัตราเต้นของหัวใจและความดันเลือดต่างก็ปกติ คุณผู้ชาย คุณต้องรักษาตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะสามารถดูแลภรรยาของคุณได้” หมอคนนั้นพูดคำว่าภรรยาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ใช่ เด็กๆเรียกเขาว่าแด๊ดดี๊ และเด็กๆก็หน้าตาเหมือนกับเพ็ญนีติ์ราวกับแกะ ใครๆก็มองออก ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับเพ็ญนีติ์ แต่เขาและเธอ ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลยจริงๆ สิ่งที่ติดหนี้เธอมาตลอด นั้นคือทะเบียนสมรสใบนั้น อีกอย่าง แม้แต่งานแต่งงานอย่างถูกต้องยังไม่มีเลย ยังคงจดจำเจ้าสาวในชุดสีชมพูที่ยืนอยู่ข้างเขาในวันนั้นของปีนั้นได้ดี ทั้งอ่อนหวานและอ่อนโยน วันนี้ เด็กสาวคนนั้นได้โตแล้ว กลายเป็นแม่คน และเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ความทรงจำสีจางนั้น กลับมาเด่นชัดอีกครั้ง เขาไม่ควร เขาไม่ควรเลยจริงๆ แต่ทั้งหมดนั้นได้เกิดขึ้นจริง และตอนนี้ก็ได้กลายเป็นความทรงจำที่ผ่านไปนานแล้ว “คุณผู้ชาย...” พยาบาลท่าทางอ่อนโยนคนหนึ่งกำลังกล่าวขอร้องให้เขายื่นขาเพื่อจะได้ตรวจบาดแผล เขาจ้องมองหญิงสาวที่หลับสนิทอยู่ตรงนั้น คุณหมอพูดถูกต้อง หากเขาอาการแย่ จะสามารถดูแลเธอได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงค่อยๆยื่นขาออกไป ขานั้นสภาพย่ำแย่มาก ไม่รู้เป็นเพราะถีบประตูหรือถูกเศษของระเบิด แต่นั่นไม่ได้สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเขาและเธอยังมีชีวิตอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว “ออกรถ” แพทย์ตะโกนบอก “คุณปุริม รถของคุณ...” “เอาไว้แบบนั้น” เขาไม่แม้แต่จะหันไปมอง รถของเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่ในจังหวะที่ประตูกำลังจะปิด เขาก็กล่าวเสียงเย็นว่า “รถเต่านั้นเก็บไว้ให้ผม อย่าให้อะไหล่หายไปแม้แต่ชิ้นเดียวเป็นอันขาด” “ได้ครับ คุณปุริม” เจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากอย่างรวดเร็ว ใครเล่าจะหาญปฏิเสธคนอย่างปุริมกัน เขาโบกมือ เพื่อให้บุรุษพยาบาลปิดประตูรถ รถออกตัวไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หมอและพยาบาลบนรถฉุกเฉินต่างกำลังช่วยยื้อชีวิต พยาบาลคนหนึ่งก็ยังหันมาพันแผลให้กับปุริมได้อีกด้วย แต่ตลอดช่วงเวลานั้นกลับไม่มีเสียงร้องเจ็บแม้แต่น้อย ราวกับเขาไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดเลย ก้มหน้ามองขาที่ถูกพันแผลไว้ สายตาของปุริมมองไปที่โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของพยาบาลคนหนึ่ง “ขอผมยืมโทรศัพท์หน่อย ขอบคุณ” ไร้หนทางปฏิเสธ เขายื่นมือไปหยิบมันด้วยตัวเอง และโทรหานรวรทันที “ท่านประธาน ผมกำลังจะไปถึง ท่านยังอยู่ที่นั่นไหมครับ” “ฉันกำลังไปโรงพยาบาล เก็บกวาดให้เรียบร้อย เก็บรายละเอียดทุกอย่างด้วย” “รับทราบครับ” เป็นครั้งแรกที่นรวรได้ยินเสียงเย็นเยียบจากปุริม เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหน้า แต่เขารับรู้ถึงปฏิกิริยาของปุริมได้อย่างชัดเจน บางทีทั้งหมดนี่คงไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่คงเป็นแผนที่ถูกวางไว้ เพียงแค่เพ็ญนีติ์ยังไม่ตื่นเท่านั้นเอง ปุริมวางสาย แล้วคืนให้กับพยาบาล “ขอบคุณครับ” กล่าวคำขอบคุณที่แสนหายากนั้นอีกครั้ง ณ ขณะนั้น ดวงตาล้ำลึกของเขาที่จ้องมองไปยังเพ็ญนีติ์ ทำให้ทุกๆคนบนรถพยาบาลนั้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ อย่างเนิ่นนาน อ้อยดึงชายเสื้อที่ขาดรุ่งริ่งของเขา แล้วกล่าวว่า “แด๊ดดี๊ หนูกลัว หนูหนาว” ปุริมอุ้มอ้อยขึ้นมานั่งที่ตักของตน โอบกอดร่างกายเล็กๆของอ้อยไว้ เขารู้สึกได้รับบทเรียนชีวิตราคาแพงมา มันเด่นชัดในตอนที่รถของเพ็ญนีติ์ชนเข้าที่หน้าบ้าน เขารู้สึกเสียใจ เขาควรจะสอนเธอขับรถให้ดีกว่านี้ก่อนจะอนุญาตให้เธอออกถนน ทำไมถึงได้มั่นใจทักษะขับรถของเธอ จนทำใบขับขี่ให้เธอกัน เขาไม่ควรทำมันจริงๆ “แด๊ดดี๊เจ็บไหมคะ” อ้อยที่ถูกรั้งเขาไปในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา ความหวาดกลัวเริ่มหายไป เพียงแค่เห็นบาดแผลที่ขาของเขาก็เริ่มกอดรัดเขาไว้แน่น “ไม่เจ็บ ไม่เป็นอะไรเลยครับ” “แล้วหม่ามี๊ล่ะคะ” “เพียงแค่พวกหนูเป็นเด็กดี หม่ามี๊กับแด๊ดดี๊ก็ไม่เจ็บอะไรแล้วค่ะ” เมื่อครู่ โชคดีที่อ้อยและส้มเลือกนั่งรถเขา ไม่อย่างนั้น ไม่อยากจะคิดเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร แม้แต่ตอนนี้ที่นึกขึ้นมันก็ทำให้เขากลัวไปหมด “แด๊ดดี๊ ถ้าอย่างนั้นอ้อยจะเป็นเด็กกีเชื่อฟังความค่ะ” ขบเม้มริมฝีปากแน่น อ้อยกล่าวอย่างเชื่อฟัง “หนูด้วย” ส้มนั้นนั่งนิ่งอยู่ข้างๆมาโดยตลอด ไม่ได้อ้อนให้กอดเหมือนอ้อย แต่ใบหน้าเล็กนั้นกำลังแสดงถึงความอดทนอดกลั้น “แด๊ดดี๊ หม่ามี๊จะต้องตื่นขึ้นมา หม่ามี๊ไม่มีทางจะทิ้งพวกเราไปแน่” ปุริมอ้าแขนกว้าง รั้งให้ส้มเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา “อย่ากลัวไปเลยครับ หม่ามี๊ต้องตื่นขึ้นมาแน่ๆ” ในโรงพยาบาล หลังจากในรับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว เพ็ญนีติ์ก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด ถึงแม้จะได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะและมีบาดแผลภายนอก แต่ว่าที่เอวของเธอนั้นมีเศษโลหะแทงเข้า ต้องรีบเอาออก แต่ก็แค่การผ่าตัดเล็กๆเท่านั้น เตียงถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว ปุริมนั่งลงที่เก้าอี้โดยไม่ขยับไหวติงราวกับขอนไม้ เด็กๆถูกป้าเหมียวพากลับวิลล่าแล้ว คงไม่สามารถพาพวกเธอมาที่โรงพยาบาลได้อีก เขาไม่อยากให้เด็กๆต้องมาจดจำเรื่องราวแย่ๆแบบนี้ แค่ภาพรถระเบิดนั่น ก็เป็นภาพที่น่ากลัวพอสำหรับเด็กๆแล้ว อัพเดทครั้งหน้า วันที่23 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中