บทที่ 182 ความรู้สึกที่แปลกประหลาด   1/    
已经是第一章了
บทที่ 182 ความรู้สึกที่แปลกประหลาด
บทที่ 182 ความรู้สึกที่แปลกประหลาด ในมือมีบุหรี่อยู่หนึ่งมวน อาการติดบุหรี่ของเขาเป็นมานานมากแล้ว แต่ว่าตรงนี้เป็นเขตปลอดบุหรี่ เมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ยังอยู่ในห้องผ่าตัด เขาจึงทำได้เพียงหยิบมันขึ้นมาสูดดม อดทนที่จะไม่สูบมัน เบื้องหน้า ปรากฏเงาขึ้นมาร่างหนึ่ง เขาเอ่ยถามทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา “ตรวจเจออะไรบ้างแล้วหรือยัง” นรวรส่ายหน้า “ท่านประธานครับ รถได้รับความเสียหายอย่างมาก เศษส่วนต่างกระจัดกระจายไปทั่ว ตอนนี้ยังยืนยันอะไรไม่ได้สักอย่าง บางที หากคุณเพ็ญนีติ์ฟื้นขึ้นมาอะไรๆคงชัดเจนยิ่งขึ้น” เขาพยักหน้า “ติดตามค้นหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป” “ครับ ผมจะรีบไปทันที แล้วก็ นี่ครับโทรศัพท์ของคุณ” เขายื่นมือไปรับไว้ “ไปเถอะ” บนระเบียงทางเดิน เหลือเพียงแค่เขาอีกครั้ง แต่ห่างๆออกไปนั้นยังคงมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าระวังอยู่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขายิ่งต้องระมัดระวังมากเป็นเท่าตัว ทางเดินของโรงพยาบาลถูกปิดไว้ทุกช่องทาง เขาไม่ชอบโดนสัมภาษณ์ ในอดีตที่เคยเป็นข่าวกับเพ็ญภัทร์นั่นทำให้เขากลัวนักข่าวมากที่สุด ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว จุดบุหรี่ในมือ แล้วยกขึ้นมาสูบ แต่ยังไม่ทันจะได้พ่นออกมา พยาบาลที่เดินผ่านมาก็กล่าวอย่างไม่เกรงกลัว “คุณผู้ชายคะ ที่นี่คือโรงพยาบาล ช่วยไปสูบในที่ที่จัดไว้ให้ด้วยค่ะ แล้วก็เพื่ออาการป่วยของคุณ ช่วยสูบให้น้อยลงด้วยนะคะ” มองขาของเขาที่ถูกพันแผลเอาไว้ พยาบาลคนนั้นก็อดจะส่ายหน้าไม่ได้ “ขอบคุณ” เขากล่าว แล้วใช้นิ้วขยี้บุหรี่เพื่อดับควัน นั่นราวกับต้องการขยี้ใครเพื่อให้ลาจากโลกนี้ก็ไม่ปาน พยาบาลกลัวจนแทบสิ้นสติ เพราะเธอได้ยินเสียงเนื้อที่ไหม้จากไฟอย่างชัดเจน แต่เขาทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร จนมันดับสนิทก็โยนลงที่ถังขยะข้างๆตัว แล้วหันกลับมาจ้องไฟหน้าห้องผ่าตัดต่อ เขากำลังรอให้เพ็ญนีติ์ออกมา ตอนที่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุกับเธอ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัว มันเป็นความรู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมา ราวกับว่าการที่เธอกำลังจะจากไป มันทำให้ท้องฟ้าของเขาถ่มลงมา เขากลัวจนแทบบ้า วิ่งไปที่รถของเธอเป็นอย่างแรก ไม่สนว่าใครจะมองเขาเช่นไร เป็นตายร้ายดีเขาก็ต้องช่วยชีวิตเธอไว้ให้ได้ มันอันตรายมาก หากเขาไปช้าเพียงแม้แต่นิด ตอนนี้เธอคงโดนไฟคลอกตายอยู่ในรถเต่าคันนั้น รถที่เขามอบให้เธอ แต่มันเกือบจะคร่าชีวิตของเธอ ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ทันใดนั้น ก็นึกคิดถึงเหตุการณ์ลิฟต์ขัดข้องที่บริษัทอีกครั้ง เริ่มสงสัย ว่ามันได้เกี่ยวข้องกับคนคนนั้นหรือไม่ โทรศัพท์มือถือจู่ๆก็ดังขึ้นมา เขาเหลือบมองเบอร์โทร ความจริงสายที่ไม่ได้รับก่อนหน้านี้ก็มีเบอร์นี้เช่นกัน เพียงแค่เขาไม่อยากโทรกลับ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ใครก็ไม่อยากโทรกับทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นคนคนนี้ก็ยังโทรกลับมาอีก นึกคิดพิจารณา ปุริมก็รับสาย “ณัฏฐพล ผู้หญิงของฉันยังไม่ตาย นายไม่ต้องมาท่องบนสวดให้ฉันฟัง” “โอ้ ยังมีแรงล้อเล่นได้อยู่นี่ แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แขนขายังอยู่ครบไหม” “ครบ” “คนของนายล่ะ” “คนของนายอะไร นี่ยุคไหนแล้ว เรียกภรรยาก็ได้” “หลักฐานล่ะ” “ใกล้แล้ว” “ก็แสดงว่ายังไม่ใช่ มีหลักฐานเมื่อไหร่ถึงจะนับอย่างเป็นทางการ” “รอเพ็ญนีติ์หายดีก่อน ที่ว่าการอำเภอเปิดเมื่อไหร่พวกเราจะรีบไปทำทันที อ้อ อย่ายกมาพูดแค่เรื่องของฉันสิ นายกับญภาล่ะ” “ปุริม นายไม่ต้องมากังวลเรื่องของฉันกับญภาหรอก แต่ฉันได้ยินมาว่ามีคนส่งดอกไม้ให้ แต่สุดท้ายดอกไม้นั้นกลับถูกส่งให้แม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดแทน มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่” ได้ยินณัฏฐพลหยอกล้อเช่นนั้น แต่ปุริมกลับไม่โกรธแม้แต่น้อย “นายจะมาเข้าใจอะไร นิสัยแบบนั้น นายเข้าใจไหม” “ฮะฮะ ปุริม นายนี่มันฉลาดจริงๆ ตอนนี้ก็ดูแลภรรยาของนายดีดี นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แผลที่ขาก็ไปตรวจดีดีด้วย อย่าทำให้มันกลายเป็นแผลใหญ่จนภายหลังเหลือแค่ภาพของชายโสดสุดหล่อที่กำลังใช้ไม้เท้าเดินกะเผลกๆเลย อ้อ ตอนนี้นายไม่ใช่ชายโสดแล้วนี่ นายมีภรรยาแล้ว” “รู้ไว้ก็ดีแล้ว กลางคืนก็รีบกลับหลุมของตัวเองซะ อย่ามารุกรานฉันให้มาก” “ปุริม หมาในปากนี่อย่าปล่อยให้มันมาเพ่นพ่านได้ไหม ตอนนี้ฉันกำลังช่วยนายแก้ไขปัญหาอยู่ไม่ใช่หรือ ยังจะปล่อยหมามากัดกันอีก โคตรไม่รู้คุณคน” “ฮะฮะ ฉันรู้ว่านายอยู่ที่สถานีตำรวจ ใครใช้ให้นายไม่รีบพูดธุระล่ะ” “ใช่หรือ มีช่องว่างให้พูดขนาดนั้นเลย” “มีข่าวคราวอะไรคืบหน้าหรือเปล่า” “มีปัญหาเล็กน้อย” ปุริมลุกขึ้นยืนอย่างเอ้อระเหย “ปัญหาเล็กน้อยอะไร นายรีบพูด” “ฮะฮะ นายรอถามคนของนายเถอะ ฉันต้องไปแล้ว ญภากำลังมีข่าวดี” “ฮัลโหล... ฮัลโหล...” แต่ไร้ประโยชน์ ณัฏฐพลได้วางสายไปแล้ว เหมือนกับจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่รอให้เพ็ญนีติ์ตื่นขึ้นมาบอกเขาทั้งหมดเท่านั้น ไฟห้องผ่าตัดยังคงติดอยู่ มองเห็นพยาบาลคนหนึ่งออกมา เขารีบปรี่เข้าไปถาม “ต้องรออีกนานแค่ไหน” “ใกล้แล้วค่ะ” พยาบาลเมื่อเห็นใบหน้าทะมึนที่เหมือนกับต้องการจะฆ่าคนของเขา หลังจากตอบเขาเสร็จก็รีบผละตัวออกไปทันที ไม่กล้าอยู่ต่อนานกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว ปุริมเดินวนไปมาบนระเบียงทางเดินนั้นอย่างไม่ยอมหยุด เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับคำพูดของหมอเลยแม้แต่น้อย อยากเดินเขาก็เดิน มันไม่ได้รบกวนคนอื่น พยาบาลที่ผ่านไปมาจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามเขา เพียงแค่ชายคนนี้ยืนก็ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัวแล้ว ทันใดนั้น ปุริมก็ได้ยินฝีเท้าที่วิ่งกันวุ่นวายดังมาจากข้างในห้องผ่าตัด เขาหันหลังกลับ ตอนนั้นไฟแดงหน้าห้องผ่าตัดก็ได้ดับลงไปแล้ว ประตูข้างหน้าเปิดดังปึง เตียงที่มีเพ็ญนีติ์นอนหลับอยู่ถูกเข็นออกมา บนหลังมือนั้นมีเข็มของสายน้ำเกลืออยู่ น้ำเกลือที่ผสมกับยากำลังไหลเข้าไปในร่างกายของเธอ เขาหันไปมองหมอพร้อมกับเข็นเตียงไปด้วย “เธอเป็นอย่างไรบ้าง” “ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือน แล้วก็ยังมีบาดแผลที่ภายนอก เศษเหล็กได้ถูกดึงออกไปแล้ว โดยรวมแล้วไม่ได้อันตรายอะไร เพียงแค่ในน้ำเกลือนั้นมีส่วนผสมของยานอนหลับอยู่ด้วย เธอน่าจะฟื้นอีกทีในพรุ่งนี้เช้า” แต่เขาอยากให้เธอตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ สมควรตาย ตัวยาทำไมชอบมีส่วนผสมของยานอนหลับนัก หากไม่ใช่เพราะหมอคนนี้ทำการผ่าตัดให้แก่เพ็ญนีติ์ล่ะก็ เขาอยากจะตะบันหน้าสักทีเหมือนกัน พยาบาลเข็นเตียงไปอย่างรวดเร็ว และเขาที่ถึงแม้จะบาดเจ็บที่ขาแต่ก็รีบเดินตามไปติดๆ ชั้นห้องพักพิเศษ เมื่อประตูเปิดออก เขาสัมผัสได้เพียงแค่ความเงียบของวอร์ดชั้นพิเศษนี้ เตียงถูกเข็นมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักฟื้น เหล่าพยาบาลกำลังอุ้มประคองเพ็ญนีติ์ที่กำลังหลับสนิทอยู่ แต่เขากลับแทรกขึ้นมา “ชักช้า” “คุณปุริม คุณ...” พยาบาลที่อยู่ด้านหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ผมเอง พวกคุณถอยไป” “นี่...” พยาบาลมองขาที่บาดเจ็บของเขา แล้วจะออกปากห้าม “หลบไป ผมทำเอง” น้ำเสียงของเขาเริ่มเย็นเยียบ ทำให้เหล่าพยาบาลถอยห่างอย่างไม่รู้ตัว โน้มตัวลง สองแขนสอดไปใต้ร่างของเธอ พยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะไม่ไปโดนบาดแผลของเธอ เพียงแค่เลี่ยงตรงจุดนั้นได้ เธอก็คงไม่เจ็บแล้ว นึกถึงแววตาพร่ามัวของเธอในตอนที่กำลังย่ำแย่ และคำสามคำที่เธอได้พูดออกมา ทำให้แววตาของเขาก็อ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว “ปุริมคะ ฉันรักคุณ...” เธอรักเขามานานเท่าไหร่แล้วนะ ช่วงเวลาเช่นนั้น กับคำที่พูดโพล่งออกมา ถึงแม้จะเป็นเพียงคำพูดที่แผ่วเบา แต่นั่นทำให้เขารู้สึกได้ว่าเธอรักเขามาเนิ่นนานแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าพูดสามคำนั้นออกมาเป็นแน่ นั่นย่อมเป็นคำที่ออกมาจากใจเป็นแน่ ถึงจะกล้าพูดออกมาในช่วงเวลาแบบนั้น ยกแขนขึ้น แล้วเธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ขยับตัวอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆวางเธอนอนลง พยาบาลรีบเข้ามาสอดสายน้ำเกลือให้อย่างรวดเร็ว จ้องมองเพ็ญนีติ์ที่ยังคงหลับสนิท นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บเลย เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกและทิ้งตัวลงนั่ง ภายในห้องพักผู้ป่วย พยาบาลจัดการกันเสร็จแล้วก็รีบพากันออกไปทันที ทิ้งชายหญิงให้อยู่ในห้องเงียบๆกันตามลำพัง ท่าทางของชายหนุ่มแสดงออกมาว่ารักอย่างสุดซึ้ง แต่ฝ่ายหญิงล่ะ เธอนอนหลับสนิท ราวกับกำลังอยู่ในความฝันที่แสนสวยงาม แต่ใครจะเดาได้ล่ะว่าเธอรู้สึกเช่นไรกับชายหนุ่ม บางที นั่นก็คงเป็นความรักเช่นกัน เพราะรอยยิ้มของเธอนั้นทั้งหวานและสวยมาก ดึกมากแล้ว แต่ปุริมไม่รู้สึกง่วงสักนิด ถึงแม้หมอจะบอกกับเขาว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เขาอยากเห็นเธอตอนตื่นด้วยสายตาของตัวเอง และอยากถามเป็นคนแรกว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถของเธอกันแน่ เขารู้ว่าเธอคือมือใหม่ แต่เธอก็ไม่ได้ขับรถแย่ขนาดนั้น โทรศัพท์ดังขึ้นมา ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบงัน ยื่นมือไปหยิบมา เขาคิดว่าเป็นนรวรที่ส่งข่าวใหม่ๆมา แต่เมื่อมองไปถึงได้เห็นว่าเป็นเบอร์โทรของนภนต์ “เธอปลอดภัยดีใช่ไหม” เพียงคำถามง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนั้น เขาได้ตรวจสอบบริษัทเพ็ญภนต์การขายส่งไม้แปรรูปแล้ว คิดว่าคนคนนั้นเป็นคนทำ... แต่เมื่อตรวจสอบไปแล้วเขาก็สบายใจ ดังนั้นถึงได้ยินยอมให้เพ็ญนีติ์ทำงานที่นั่นต่อ ไม่ว่าอย่างไร นภนต์ก็คงรู้ตัวเองดี จึงไม่ได้มาเร้าหรือกับเพ็ญนีติ์อีก หยุดคิดไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ส่งข้อความตอบกลับไป “เธอปลอดภัยดี คาดว่าพรุ่งนี้เช้าก็คงจะฟื้นขึ้นมา มีเพียงแค่การกระทบกระแทกที่ศีรษะและบาดแผลภายนอกเท่านั้น” ส่งไปไม่นาน โทรศัพท์ก็มีข้อความที่สองในค่ำนั้นของนภนต์ส่งมาว่า “ขอบคุณ” เขาวางมือถือลง พิงตัวกับพนักเก้าอี้ ดวงตาเริ่มอ่อนล้า เริ่มปวดที่บาดแผลบนขา แต่เขาไม่ได้แสดงมันออกมาและยังคงนั่งต่อ อยากจะอดทนรอจนถึงตอนที่เธอตื่นขึ้นมา ช่วงเวลาเริ่มผ่านไปอย่างยากลำบาก ใช้เล็บจิกลงบนเนื้อ เขาไม่ยอมให้ตัวเองหลับเด็ดขาด พยาบาลเวรรอบดึกเดินผ่านมา เห็นเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้จึงเดินเข้ามา “คุณปุริม พักผ่อนเถอะค่ะ ที่นี่ยังมีพวกดิฉันอยู่” เขาส่ายหน้า ดวงตาที่แดงก่ำฉายแววแน่วแน่ หากคนอื่นได้รู้ว่าเขากลัวขนาดไหนตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ก็คงไม่มีใครเข้ามาห้ามเขาแน่ ณ ตอนนั้น สิ่งแรกที่เด่นชัดอยู่ในความคิดของเขาคือ หากไม่ได้ตายไปด้วยกัน เธอก็ต้องห้ามตาย นั่นคือความรู้สึกอะไรกัน เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด เขาไม่เข้าใจมาตลอดว่าตัวเองรู้สึกเช่นไรกับเพ็ญนีติ์ มันไม่เหมือนกับของเพ็ญภัทร์ เพ็ญภัทร์เป็นดั่งน้ำที่ร่างกายเขาขาดไม่ได้ แต่ท้ายที่สุด ระหว่างพวกเขาก็ไม่เหลืออะไรอีก
已经是最新一章了
加载中