บทที่ 184 ความเจ็บปวด
1/
บทที่ 184 ความเจ็บปวด
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 184 ความเจ็บปวด
บทที่ 184 ความเจ็บปวด “ได้เลย” อย่างยินดี ส้มหยิบช้อนขึ้นมา แล้วค่อยๆป้อนเพ็ญนีติ์ทีละคำๆ อ้อยเองก็นั่งอยู่ข้างๆส้มคอยดูแลเธออยู่เงียบๆ ภายในห้องพักต่างเงียบงัน จ้องมองเด็กสาวทั้งสอง ในใจของเพ็ญนีติ์ก็นึกถึงสิ่งที่เป็นที่พึ่งของเธอ ท้ายที่สุดคนที่เป็นที่พึ่งพิงของเธอก็คือลูกสาวของเธอเอง หาใช่เขาไม่ แค่เสียงจากโทรศัพท์ เพ็ญภัทร์ก็คว้าตัวเขาไปได้แล้ว เมื่อนึกได้ ในใจของเธอก็ไม่ได้เจ็บปวดมากมายนัก “คุณเพ็ญนีติ์คะ ฉันชื่อจรินทร์ค่ะ คุณปุริมมอบหมายให้ฉันมาดูแลคุณ มีเรื่องอะไรก็สั่งผ่านทางฉันได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ” ห้องพักผู้ป่วยดูสะอาดสะอ้าน เหมือนว่าจรินทร์ได้มาจัดเก็บไปก่อนหน้าแล้ว “ขอบคุณ” เพ็ญนีติ์กลืนโจ๊กไปหนึ่งคำ ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ทีแรกคุณปุริมอยากจะรอให้คุณตื่นก่อน แต่ดันมีสายเข้า เหมือนว่าจะเป็นธุระเร่งด่วน เลยต้องออกไปก่อนค่ะ ท่านบอกหากเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาหาคุณค่ะ” “อือ” เธอตอบรับคำจรินทร์เบาๆ พอเป็นพิธีว่ารับรู้แล้ว ทั้งห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง จรินทร์อ้ำอึ้ง ราวกับว่ายังมีอะไรที่อยากพูดอยู่ แต่เมื่อเห็นมือของส้มที่ยังคงป้อนโจ๊กเธออยู่ ก็เลยยังไม่พูดออกมา เพ็ญนีติ์รู้ดี เธอต้องมีคำถามมาถามตัวเองแน่ เรื่องรถเต่าเมื่อคืนวานเธอรู้ว่าจะต้องได้สอบสวนโดยละเอียด ไม่อย่างนั้น หากมีครั้งแรกแล้วย่อมมีครั้งที่สองตามมาแน่ บางเรื่องจะต้องสืบหาต้นตอ เพื่อป้องไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ดังนั้นเมื่อทานเสร็จแล้ว จรินทร์ก็ปรี่เข้ามานั่งที่ข้างหน้าเตียงของเธอ แล้วเอ่ยถาม “คุณเพ็ญนีติ์คะ เมื่อคืนวานก่อนที่จะเกิดเรื่อง รถของคุณมีอะไรที่แปลกไปหรือไม่คะ” มุมปากของเพ็ญนีติ์ฉีกยิ้มอ่อน “ใครใช้ให้เธอมาถามฉันหรือ” “คุณปุริมค่ะ” จรินทร์คิดไม่ถึงว่าเธอจะถามกลับ เลยชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมา เธอหลับตาลงด้วยท่าทีเหนื่อยล้า ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “ถ้าเขาอยากรู้ ก็ให้เขามาถามเองเถอะค่ะ” “คุณเพ็ญนีติ์คะ ความจริงคือไม่ใช่แค่คุณปุริมที่อยากรู้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็อยากรู้ค่ะ ทางตำรวจต้องการจะส่งคนมาสอบสวน แต่ว่าโดนคนของคุณปุริมขัดไว้เสียก่อนค่ะ ท่านไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ แต่ว่ามันจะเป็นปัญหาต่อการสืบสวนคดีอุบัติเหตุนั้น ดังนั้น...” “ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่กับลูกของฉันตามลำพัง ฉันเหนื่อยแล้ว” เธอกล่าวเสียงเรียบ เพื่อเป็นการไล่แขก “นั่น...” จรินทร์หน้าเสีย แต่ก็ยืนขึ้นแต่โดยดี “เช่นนั้นฉันจะออกไปก่อนนะคะ อ้อยกับส้มเป็นเด็กดีนะ อย่ารบกวนหม่ามี๊ล่ะ” “รู้แล้วค่ะ” อ้อยยิ้มหวาน เมื่อเห็นว่าเพ็ญนีติ์ตื่นขึ้นมาแล้ว ทั้งสองก็รู้สึกดีใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหันมามองเพ็ญนีติ์ “หม่ามี๊คะ เมื่อวานน่ากลัวมากเลย เสียงระเบิดดังมากๆ แต่แด๊ดดี๊นะกล้าหาญมากเลย แค่พริบตาเดียวแด๊ดดี๊ก็ตรงเข้าไปช่วยหม่ามี๊เลย...” อ้อยกล่าว พร้อมด้วยสีหน้าและแววตาที่ฉายแววสดใส ราวกับว่าฉากนั้นมาอยู่ต่อหน้าทุกคน “หม่ามี๊ แด๊ดดี๊เก่งมากๆเลยนะคะ” คำบอกเล่าของเด็กๆทำให้เธอนึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน ท่าทางของปุริมในตอนนั้นสลักลึกอยู่ในความทรงจำของเธอ แต่ตอนนี้... เพียงแค่ฟังอยู่เงียบๆ เธอไม่ได้กล่าวอะไรอีก เด็กๆอยู่กับเธอหนึ่งชั่วโมงเต็ม ก็ถูกพยาบาลพาตัวออกไป เธอเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ดังนั้นจะให้รู้สึกล้ามากไปไม่ได้ จรินทร์กลับเข้ามาอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นเธอยังหลับตาอยู่ ก็ได้แต่ออกไปอย่างเงียบๆ เพ็ญนีติ์เพียงแค่หลับตานิ่งๆ ยังไม่ได้หลับไป เพียงแค่อยากพักผ่อนเท่านั้น แสงแดดยามบ่ายค่อยๆส่องเข้ามาในห้องพัก หน้าต่างถูกเปิดออก อากาศของฤดูใบไม้ผลิถูกพัดเข้ามาในห้อง นั่นทำให้เธออยากสูดดมเข้าไปให้เต็มปอด มันช่างดีจริงๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกแน่นที่มือ หลังจากนั้นถูกมือใหญ่ก็กอบกุมไว้ นิ้วมือของชายหนุ่มลูบวนที่ข้อนิ้วของเธอเบาๆ “เพ็ญนีติ์ ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว ทำให้ผมเห็นหน่อยว่าคุณยังสบายดี นะครับ” กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าว เขาหายไปตั้งหลายชั่วโมง และก็กลับมาอีก ทันใดนั้นจมูกเธอก็ได้กลิ่น กลิ่นกายที่คุ้นเคยของเขา และเพ็ญภัทร์ เธอจำน้ำหอมที่เพ็ญภัทร์ใช้ได้แม่น เจือจาง แต่หอมสดชื่น “คุณดูซิ เป็นเพราะผมไม่อยู่รอคุณตื่นขึ้นมาใช่ไหม คุณถึงไม่สนใจผมเลย” มืออีกข้างของเขาบีบที่ปลายจมูกของเธอเบาๆ “ใช่แน่ๆ ฮะฮะ ผมไปหาเพ็ญภัทร์มาครับ” เมื่อเห็นเธอไม่ตอบ เขาเลยพูดเองเออเอง และยอมรับแล้วว่าเขาไปพบเพ็ญภัทร์มา พระเจ้า ชื่อของเพ็ญภัทร์ทำให้ใจเธอเริ่มสับสน แค่เขายอมรับมัน ใจเธอก็อ่อนยวบในทันที และอยากจะลืมตามองเขาเสียเดี๋ยวนั้น ทำไมเธอถึงใจอ่อนเร็วได้ขนาดนี้กันนะ เพ็ญนีติ์เริ่มดูถูกตัวเอง เธอมันไร้ค่าจริงๆ น้ำเสียงของชายหนุ่มเจือไปด้วยความอ่อนโยน “เธอยังอยู่ในระยะหลังคลอด แต่ให้คนขับรถออกมาส่งแถมยังอุ้มลูกมาอีกด้วย ผมได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ จึงให้เธอไปที่H.I ice cream เพ็ญนีติ์ เธอแค่อยากให้ผมช่วยจิณณะ บริษัทของผู้หญิงคนนั้นกำลังมีปัญหา เฮ้อ...” เขาพูดถึงเพ็ญภัทร์ และH.I ice cream เหมือนกับไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังเธอ ไม่มีเลยจริงๆ ตอนนี้เขากำลังซื่อสัตย์ต่อเธอ เขากำลังเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เธอฟัง “เพ็ญนีติ์ คุณบอกทีว่าผมควรช่วยเธอไหม” เธอลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างอดไม่ไหว “เมนิลาเป็นแม่ของคุณ ทำไมถึงเกลียดเธอขนาดนั้นล่ะคะ” เธอถามเสียงเบา แต่นั่นทำให้ปุริมสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เพียงชั่วครู่เขาจึงตอบกลับมา “เพราะ เธอทำลายชีวิตของผม...” เสียงของเขาเบาราวกับขนนก แต่กลับเต็มไปด้วยความทุกข์ทน เหมือนแบกรับบาดแผลมาอย่างมากมาย เพราะความผิดที่ใหญ่หลวงนี้ ดังนั้นเขาจึงเกลียดแม่ของตัวเอง เขาไม่ได้กล่าวอะไรอีก แต่เธอรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเพ็ญภัทร์ คงจะใจอ่อนกระมัง ความจริงในตอนที่เขามาถามความคิดเห็นจากเธอ ในใจเขาย่อมมีคำตอบอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ เห็นได้ชัดว่าเขาได้ปล่อยวางเรื่องในอดีตไปแล้ว แล้วยังจะกล่าวอะไรได้อีกกัน ความคับข้องใจได้ถูกเขาอธิบายไปหมดแล้ว เธอลืมตามองเขา ไม่ได้ตอบคำถาม และสั่งเขาแทน “คุณยืนขึ้นสิคะ” “ทำอะไร” เขาสงสัย เขาไม่รู้ว่าเธอให้เขายืนทำไม แต่ก็ยังยอมยืนขึ้น พร้อมกับถามไปด้วย แสงที่กระทบร่างสูงเขา ทำให้เกิดเงามาปกคลุมตัวเธอที่อยู่บนเตียงจนมิด ราวกับล่องหนไม่มีอยู่จริง กวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอสำรวจร่างกายเขาอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นผ้าก็อซพันไว้แค่ที่ขาเท่านั้น ก็เริ่มสบายใจ “เหมือนกับรูปแกะสลักแก้วที่งดงามเลย แต่เต็มไปด้วยบาดแผลเสียแล้ว” ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มสดใส “เพ็ญนีติ์ครับ แก้วยังพอเข้าใจ แต่ทำไมถึงเติมว่างดงามล่ะ ผมเป็นผู้ชายนะครับ” “คุณปุริมคะ ครั้งหน้าไม่อนุญาตให้เจ็บตัวแล้วนะคะ” ได้รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บแค่ที่ขาที่เดียว เธอก็วางใจ เขาฉีกยิ้มละมุน เหมือนอยากจะถามเธอต่อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของเธอแล้วก็เป็นอันต้องล้มเลิกความตั้งใจไป เรื่องระหว่างเขาและเพ็ญภัทร์ เธอคงไม่อยากเข้าไปยุ่งอีกแล้ว เช่นนั้น ก็ปล่อยเธอไปเสีย บางทีเรื่องบางเรื่อง หากเอาแต่พยายามหนี นั่นก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ “เพ็ญนีติ์ เล่าเรื่องรถให้ผมฟังหน่อย ก่อนเกิดเหตุมันเกิดอะไรขึ้น” นี่คือเรื่องที่ทำให้เขาต้องรีบกลับมาถามเธอ เรื่องนี้ต้องรีบสอบสวนโดยด่วน ไหนจะยังเรื่องลิฟต์ในครั้งนั้น ยิ่งเขาปล่อยผ่านก็ยิ่งจะทำให้มันยาวนานไม่รู้จักจบ คนคนนั้นแม้แต่กับเขายังกล้าลงมือ แล้วยังเหลืออะไรที่เขาไม่กล้าทำกันล่ะ แม้แต่ณัฏฐพลก็ยังทำให้เขารามือไปไม่ได้ อิทธิพลคับฟ้าเสียจริง “พวงมาลัยขัดข้องค่ะ ฉันหักไม่ไป รถจึงเสียการควบคุม มันเลย...” ง่ายดายแต่สมบูรณ์แบบ เพียงไม่กี่คำก็ทำให้ปุริมทราบถึงเจตนาของอุบัติเหตุในครั้งนี้แล้ว ชัดเจนแล้วว่ามีคนกำลังปองร้ายเพ็ญนีติ์ เพราะว่ารถที่เกิดเหตุคือรถเต่า ไม่ใช่รถBMWของเขา มือใหญ่กอบกุมมือของเธอไว้เบาๆ ณ ตอนนั้นเขาเพียงแค่กุมไว้ เพื่อให้เธอรู้สึกปลอดภัย เพื่อวันคืนที่แสนสดใสของเธอ เขาเชื่อ ว่าเขาจะทำมันได้... แต่ละวันในโรงพยาบาลนั้นช่างน่าเบื่อ มีบ้างบางครั้งที่อ้อยและส้มจะอยู่กับเธอ ตอนเย็นไม่ว่าจะยุ่งสักเท่าไหร่ ปุริมก็ยังคงหาเวลามาหาเสมอ หลังจากนั้นก็จะนอนที่ข้างๆเตียงตลอดทั้งคืน เธอบอกแล้วว่าเขาไม่ต้องมาก็ได้ แต่เขาก็จะมาเวลาเดิมๆในทุกๆเย็น แล้วก็จะจากไปในตอนเช้า เป็นเช่นนี้ไม่เปลี่ยนใจตลอดสิบกว่าวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของเพ็ญภัทร์อีก ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอเองก็ไม่ได้รบเร้า นึกถึงวินาทีที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ เธอยังจะกล่าวอะไรได้อีกหรือ ทุกเช้า ดอกกุหลาบสีน้ำเงินช่อใหญ่จะถูกนำมาใส่ไว้ในแจกัน กลิ่นหอม และสีสดของดอกไม้ ช่างงดงามจนน่าหลงใหล สุดท้ายเธอก็รักดอกไม้นี้แล้วจริงๆ เมื่อนึกถึงดอกไม้เขาที่ส่งมาให้แต่เธอกลับเอาไปให้นรมนแทน ก็รู้สึกอับอายขึ้นมา เด็กๆไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว ป้าเหมียวเมื่อไปส่งเด็กๆเสร็จแล้วจึงกลับเข้ามา “คุณหญิง ทานข้าวเช้านะคะ” เธอยื่นมือไปรับกล่องข้าวจากป้าเหมียว อดไม่ไหวที่จะชม ป้าเหมียวทำโจ๊กได้อร่อยขึ้นในทุกครั้งที่ได้ทำ แขนและขาของเธออีกไม่นานก็จะขยับได้อย่างใจอยากแล้ว มีเพียงแค่เอวที่ยังคงเจ็บอยู่หน่อยๆ เมื่อทานโจ๊กเสร็จ พยาบาลและหมอต่างก็เข้ามาตรวจ “คุณหมอคะ ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วหรือยังคะ” หากต้องอยู่โรงพยาบาลต่อ เพ็ญนีติ์ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจ็บป่วยอะไรก็คลายจะป่วยขึ้นมาเสีย ถึงแม้ปุริมจะบอกว่าส่งคนมาดูแลร้านค้าออนไลน์ของเธอให้แล้ว และได้ลาป่วยกับทางบริษัทเพ็ญภนต์การขายส่งไม้แปรรูปแทนเธอแล้วด้วย แต่เธอก็ยังไม่สบายใจ ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เธอลงมือทำด้วยตัวเองจนชินแล้ว หากจะให้ปล่อยโดยทันที เธอคงรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างว่างเปล่า แพทย์สาวตรวจบาดแผลของเธอ อาการดีขึ้นมากแล้ว เพียงแค่ทานยาต่อเนื่องก็จะหายสนิท “พรุ่งนี้ก็ออกได้แล้วค่ะ” “ขอบคุณค่ะคุณหมอ” เธอดีใจจนเนื้อเต้นราวกับเด็กน้อย “ป้าเหมียว รีบเก็บของกันค่ะ พรุ่งนี้เช้าฉันก็จะกลับได้แล้ว” “คุณเพ็ญนีติ์ วันนี้ก็ยังต้องให้น้ำเกลืออยู่นะคะ” “ทราบแล้วค่ะ” ให้ก็ให้ คงไม่เกินวันนี้ไปหรอก หมอและพยาบาลออกไปแล้ว เมื่อเห็นป้าเหมียวกำลังเก็บของ เธอก็อดไม่ไหว ลงจากเตียงและเริ่มลงมือเก็บบ้าง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 184 ความเจ็บปวด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A