บทที่ 185 เสียงกระซิบ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 185 เสียงกระซิบ
บทที่ 185 เสียงกระซิบ ป้าเหมียวตกใจสุดตัว “คุณหญิง คุณลงจากเตียงไม่ได้นะคะ ขาของคุณต้องขยับให้น้อยที่สุด หากคุณชายรู้เข้า ท่านไม่ให้คุณออกจากโรงพยาบาลแน่ๆเลยค่ะ” เพียงพูดถึงปุริม ใบหน้าของเธอก็เริ่มขึ้นสี “ป้าเหมียวก็อย่าไปบอกเขาสิคะ ฉันแค่อยากเดินช้าๆ อยากออกเดินบ้างแล้วค่ะ” หมอบอกไว้แล้ว เดินช้าๆได้ เพียงแค่ไม่เดินจนล้าก็พอ “ได้ค่ะๆ แค่คุณหญิงมีความสุขก็ดีแล้วค่ะ” ป้าเหมียวนั่งมองเธอที่กำลังเก็บของด้วยความยินดี “พรุ่งนี้คุณหญิงย้ายกลับมาอยู่ที่วิลล่าเถอะค่ะ อยู่ข้างนอกมันไม่สะดวก” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พรุ่งนี้คงกลับบ้านค่ะ เพราะมีงานรอฉันอยู่” รู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงร้านค้าของเธอ เธอขอให้ปุริมนำโน้ตบุ๊กมาให้เธอ แต่เป็นตายปุริมก็ไม่ยอม ในห้องมีโทรทัศน์อยู่ เขาอนุญาตให้เธอดูได้ แต่อย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานเขาไม่อนุญาตให้เธอทำ วันนี้เมื่อให้น้ำเกลือหมดแล้วเธอก็ได้แต่นอนเปื่อยๆอยู่บนเตียง มองดูท้องฟ้าข้างนอกที่มืดแล้ว แต่ปุริมก็ยังไม่มา ไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องที่เธอจะออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือไม่ ดังนั้นจึง... ตอนแรกอยากจะโทรไปบอกเขา แต่คิดอีกทีเธอเก็บไว้เซอร์ไพรส์เขาดีกว่า “จรินทร์...” เธอเรียกเบาๆ อยากออกจากโรงพยาบาลแล้วจริงๆ “คุณหญิง ต้องการอะไรหรือคะ” เรียกเพียงครั้งเดียว จรินทร์ก็เข้ามาหาทันที “ฉันอยากออกไปข้างนอก” จรินทร์มองออกไปข้านอกหน้าต่าง “คุณหญิง ข้างนอกมืดแล้วนะคะ” “ไม่เป็นไร แค่นั่งรถเข็นไปรอบๆบริเวณโรงพยาบาลนี่แหละ” แต่ละวันที่ผ่านมาจรินทร์จะเป็นคนพาเธอออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่เคยออกไปตอนค่ำเลยสักครั้ง “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปนะคะ” เมื่อเข็นรถมาแล้ว จรินทร์ก็พยุงเธอไปนั่ง จากทางเดินจนไปถึงลิฟต์ จะมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เธอชินเสียแล้วล่ะ สวนดอกไม้หลากสีที่ข้างนอกนี้ เป็นการบอกฤดูใบไม้ผลิของเมืองดรัลใกล้มาถึงแล้ว ทุกอย่างเริ่มฟื้นตัวเมื่อผ่านข้ามปีมา จรินทร์เข็นรถเข็นเธอไปอยากช้าๆ ยามปิดตาแล้วดำดิ่งลงไปในความเงียบ เหมือนกับได้ยินเสียงของใบไม้ที่เสียงมีไปมา “จรินทร์หยุดก่อน ฉันอยากนั่งอยู่ตรงนี้สักครู่” “ได้ค่ะ” จรินทร์หยุดรถเข็นไว้ที่ข้างทาง แล้วเดินไปยืนหลบที่ข้างๆสนามหญ้า เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่เพ็ญนีติ์ กลางคืนนั้นช่างเงียบเสียจริง ไม่มีความรุ่งเรืองอันห่างไกลมารบกวนใจของเธอ เธอชอบความเงียบแบบนี้ ชอบฟังเสียงของความสงบนี้เพียงลำพัง ในตอนที่เขาไม่มาหาหรือไม่ได้โทรมา ทันใดนั้นเพ็ญนีติ์ก็รู้สึกตัว หลายวันมานี้เธอคุ้นชินกับการที่เขาไปกลับอย่างตรงเวลา ดังนั้นเธอจึงเริ่มกระวนกระวายใจหากไม่ได้พบเจอเขา อาบร่างไปกับสายลมยามค่ำคืน ดวงดาวบนท้องฟ้าถูกแสงไฟจากเมืองดรัลกลบไปจนหมด สายลมเย็นๆนั้นช่วยชำระล้างหัวใจของเธอ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงนิ้วมือที่กำลังสางผมเธออย่างแผ่วเบา ช่างอ่อนโยนยิ่งนัก เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ ดวงตายังคงปิดสนิท เธอพิงกับพนักเก้าอี้ ไม่ขยับราวกับได้หลับไปแล้ว ตัวตนของเขาช่างชัดเจน เขาไม่ส่งเสียงใดๆ และเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆเธอ ลมหายใจร้อนๆรินรดมา จนเธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี ริมฝีปากเย็นเฉียบ แต่กลับร้อนรุ่ม รู้สึกมวนท้องราวกับมีผีเสื้อบินอยู่ มันทำให้เธอสั่นสะท้าน “คุณปุริม...” “ดึกแล้ว มีน้ำค้างด้วย กลับเข้าไปกันเถอะ” “ค่ะ” เธอรับคำเสียงเบา และยอมให้เขาเข็นเธอไปยังห้องโถงใหญ่ เพื่อขึ้นลิฟต์แล้วกลับมาที่ห้องแต่โดยดี จรินทร์หายไปแล้ว โลกของเธอตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่เธอและเขาเท่านั้น เมื่อพาเธอมาถึงห้องพักเขาก็เข้าห้องน้ำไป ระหว่างนั้น เธอเลยหยิบแอปเปิ้ลสองลูกจากบนโต๊ะมา ปอกเปลือกอย่างตั้งใจ ลูกหนึ่งให้เขา อีกลูกให้ตัวเอง ปอกเปลือกแอปเปิ้ลบางๆ มันต่อติดกันจนสวยเหมือนขี้เลื่อยตอนเหลาดินสอ และตกลงที่ขาของเธอ ตอนที่ก้มหัวอยู่ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก ปุริมออกมาแล้ว ยื่นมือมาหยิบแอปเปิ้ลที่เธอปอกไว้อย่างไม่เกรงใจ เขาถามเธอขึ้นมาหนึ่งประโยคก่อนที่จะทาน “เพ็ญนีติ์ มีเรื่องดีๆอะไรจะเล่าให้ผมฟังไหม” คิดไว้ว่าเธอจะต้องถามแน่ว่าทำไม่เขาถึงมาเสียดึกดื่น แต่เธอก็ไม่ได้ถาม ใจของผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง เธอรู้ดีว่าอะไรที่ควรถามหรือไม่ควรถาม เพราะแบบนั้น เธอเลยกลายเป็นคนพิเศษในสายตาของเขา “คิกคิก ไม่มีค่ะ” “ไม่มีจริงๆหรือ คุณยิ้มดูมีเลศนัยนะ” “คุณปุริมทานแอปเปิ้ลเถอะค่ะ แอปเปิ้ลไม่สามารถปิดปากคุณได้เลยหรือ” เขากัดคำโต ทั้งหอมและกรอบ อร่อยมาก “อือ คุณทานสักคำสิ” เธอทานแอปเปิ้ลในมือของเขาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้า ในมือของเธอยังปอกไม่เสร็จ ทานของเขาก็ได้ อย่างไรก็เป็นเธอที่ปอกทั้งนั้น “หวานไหม” “คุณว่าอย่างไรล่ะ” ไม่ใช่ว่าเพิ่งทานไปหรือ รู้อยู่แล้วทำไมถึงยังมาถามเธออีก ทันใดนั้นเธอก็เริ่มระแวง กลัวว่าจะหลงกลไปกับคำพูดของเขา ชายคนนี้ แต่เดิมเป็นอย่างไร เธอนั้นรู้ดีที่สุด “ไม่หวานเลย” “คะ...” เธอเงยหน้าอย่างตกใจ ในปากเพิ่งจะทานแอปเปิ้ลจากมือของเขาไปหมดเอง “คุณปุริม หมายความว่าอย่างไรกันคะ” “เรียกผมว่าปุริม” เขาก้มหน้ามองเธอ เสียงของเขาฟังดูแหบพร่าเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมแต่เหมือนเสียงของเขาจะแปร่งไป “ปุริมคะ ฉันว่ามันหวานมากเลยนะคะ” เธอทั้งอยากและไม่อยากเรียกเขาว่าปุริมเลย แอปเปิ้ลในมือของเขาถูกวางไว้บนโต๊ะข้างๆ และได้ขโมยแอปเปิ้ลที่ยังปอกไม่เสร็จในมือของเธอไปด้วย ท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติจนเธอเริ่มสับสน เขาไม่เคยมีท่าทีผิดแปลกไปเช่นนี้เลยตั้งแต่ที่มาอยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาล ในตอนที่เพ็ญนีติ์กำลังสับสน เขาก็ยื่นมือไปปิดไฟดวงใหญ่ของห้อง เหลือเพียงไฟสลัวๆที่กำแพง ไฟสีเหลืองอ่อนที่เหมือนกับกำลังเล่าเรื่องราวเก่าๆ มันทำให้ใจของเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง “ปุริม...” นิ้วมือของเขาแตะที่ริมฝีปากของเธอ ราวกับต้องการห้ามไม่ให้เธอกล่าวอะไร ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเธอ แล้วเขาก็ดึงเธอเข้าไปกอด กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย เสียงของเขาดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ “ไม่หวานจริงๆครับ แต่มันเป็นรสชาติของสวนเอเดนนะ” ทันใดนั้นหน้าของเธอก็แดงก่ำ อ้าปากพะงาบๆ แต่พูดอะไรไม่ออกสักคำ แต่การเปิดปากเช่นนั้น มันเหมือนกับการเชื้อเชิญอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มค่อยๆโน้มตัวลงไป หลังจากนั้น ทาบทับริมฝีปากประกบกับปากของเธอ สัมผัสอ่อนนุ่ม แต่เร่าร้อนจนแผดเผาใจของเธอ อยากดำดิ่งอยู่ในห้วงแห่งรัก ไม่อยากผละออกมาเลย เธอรักเขา รักเขามาตั้งนานแล้ว ยังจดจำคำพูดอันแผ่วเบาก่อนที่สายตาจะพร่ามัวนั้นได้ เธอบอกว่าเธอรักเขา ขบเม้มริมฝีปากของเธอ ก่อนจะร้อนแรงขึ้นจนเธอเริ่มหายใจติดขัด “ปุริมคะ...” เธอเรียกชื่อของเขาไม่หยุด ความหวานที่ลิ้นและริมฝีปาก เกี่ยวกระหวัดรวมเป็นหนึ่ง กี่ค่ำคืนแล้วที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาสูดดมความหอมจากร่างของเธอ ตระกองกอดเธอไว้ ณ ตอนนั้น เขาได้กัดกินแอปเปิ้ลต้องห้ามของสวนเอเดนที่เธอตระเตรียมไว้ให้เขา เขาไม่อาจปล่อยเธอไป ไม่คิดอยากแม้แต่น้อย มีเพียงตัวเขาที่รู้ดีที่สุดว่าอดกลั้นมานานแค่ไหน อยากครอบครองเธอ ไม่อยากทนรออีกแล้ว มือของเขาวางสัมผัสที่คอเสื้อชุดคนป่วยสีขาวของเธอ ปลายนิ้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา “เพ็ญนีติ์ ให้ผมนะครับ” “ปุริม...” ในหัวของเธอมีแต่คำว่าสวนเอเดนจากปากของเขาวนไปมา ถึงแม้เธอจะกำลังสับสนแต่เธอรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร บาดแผลใกล้หายดีแล้ว เธอรู้ เขาเองก็รู้ ในความจริง เธอไม่บอกเขาก็รู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพียงแค่บาดแผลภายนอก แต่หากคืนนั้นเขามาช่วยไว้ไม่ทัน มันคงไม่ใช่แค่บาดแผลภายนอก บางทีตอนนั้นเธออาจจะได้ลาโลกไปก็ได้ เมื่อนึกย้อนไป ก็รู้สึกว่าตอนนี้มันช่างสวยงามนัก “ปุริม...” มือของเธอจับข้อมือของเขาไว้ แต่ก็ปล่อยให้มือของเขาซุกซนไปตามใจอยาก ทั้งหมดมันทั้งเร็วและแปลกเกินไป แต่เธอก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน เอื้อมมือไปปิดไฟดวงสุดท้ายในห้อง เพราะปิดผ้าม่านไว้ในห้องจึงไร้ทั้งแสงเดือนและแสงดาว เมื่อในห้องไม่มีไฟ เพ็ญนีติ์ที่นอนอยู่บนร่างของเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี ทันใดนั้นมือของเขาก็จับเอวเธอไว้มั่น ท่ามกลางความมืดต่างมองเห็นแค่ตาของกันและกัน ลมหายใจเร็วถี่ บรรยากาศรอบกายช่างร้อนรุ่ม ร่างของทั้งสองต่างสอดประสานกันแน่น จนยากที่จะผละออกจากกัน “ผมต้องการคุณ แค่คุณคนเดียว” “ได้ไหมครับ เพ็ญนีติ์ ผมต้องการคุณเหลือเกิน แต่คุณบาดเจ็บอยู่” เธอดีแล้ว ดีแล้วจริงๆ เพียงแค่เขาไม่อนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลก็เท่านั้น แต่เมื่อโดนเขาถาม เธอกลับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรวางสองมือไว้ตรงไหนดี แต่แล้วเขาก็จับมือของเธอให้โอบไว้ที่คอของเขา ขยับร่างเธอให้แนบชิดกายเขาจนผละไปไหนไม่ได้ นิ้วมือเรียวยาวลูบไล้ที่เอวของเธอ ตรงนั้นเคยประทับบาดแผลที่ย่ำแย่ที่สุดของเธอไว้ “เจ็บไหมครับ” เธอโคลงศีรษะเบาๆ ในคอเริ่มตีบตันจนพูดอะไรไม่ออก ห่างหายอะไรแบบนี้ไปนานมากแล้วจริงๆ เธอกลัว แต่ในความกลัวนั้น มันดันมีความตื่นเต้นที่มากกว่า การส่ายหน้านั้นราวกับการเชื้อเชิญ ทำให้เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว... ทั้งที่เสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว แต่เขาไม่ยอมผละออกไป ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจึงกอดเธอไว้แนบแน่น “เพ็ญนีติ์...” เหงื่อของเขาไหลโชก ทั้งสองต่างเปียกชื้น แยกไม่ได้แล้วว่าของใครเป็นของใคร มันผสมปนรวมไปด้วยกันจนยากจะมองออกแล้ว “ฉันอยากอาบน้ำค่ะ” หยาดเหงื่อและความเหนอะหนะที่อยู่ข้างในร่าง ทำให้คนที่รักความสะอาดเช่นเธอรู้สึกไม่สบายตัว เธอจึงกล่าวออกมาอย่างอ้อมแอ้ม เหงื่อท่วมร่าง เหนอะหนะจนรู้สึกไม่สบายตัว ปุริมลุกขึ้นนั่งข้างกายเธอ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอ และกล่าวด้วยน้ำเสียงละมุนว่า “คุณไม่ต้องขยับนะครับ” ห้องพักผู้ป่วยนี้ราวกับห้องพักของโรงแรมระดับสูง มีทุกอย่างที่ต้องการ ปุริมเดินเข้าในห้องน้ำ และกลับมาพร้อมผ้าขนหนูที่เปียกหมาด แล้วเช็ดตัวให้เธออย่างบรรจง เพ็ญนีติ์อยากจะทำเอง แต่เขาไม่ยอม และเธอก็หมดแรงจะสู้รบแล้วด้วย ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธอไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ไม่จำเป็นจริงๆ เพียงแต่ในหัวใจที่ยังคงเต้นเบาๆนั้น มันกลับเกิดคำถามขึ้นมา อัพเดทครั้งหน้า วันที่25 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中