ตอนที่ 152 เชื่อใจซึ่งกันและกัน
1/
ตอนที่ 152 เชื่อใจซึ่งกันและกัน
ประธานาธิบดีไม่ดี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 152 เชื่อใจซึ่งกันและกัน
ตอนที่ 152 เชื่อใจซึ่งกันและกัน แฟนคลับของรเมศยิ่งแสดงความรุนแรงมากขึ้น นั่นก็ยิ่งทำให้รเมศรู้สึกพอใจยิ่งขึ้นเช่นกัน เขารอดูจิดาภาที่จะต้องถูกบีบบังคับให้ออกมาขอโทษเขา ถึงตอนนั้น เขาจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาผลสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร แต่เขาเองก็คงคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ทางบริษัทWMได้รับโทรศัพท์จากเลขาของประธานบริษัทเค.เอฟแล้วนั้น สามบริษัทยักษ์ใหญ่ จะจัดการแถลงข่าวบนเว็บไซต์ขึ้น เปิดการแถลงและชี้แจงถึงความเป็นมาของเรื่องนี้ "คุณรเมศและคุณจิดาภาทั้งสองคนต่างก็เป็นBrand ambassador ของชุดแหวนแต่งงานของเรา อีกทั้งยังมีการเซ็นสัญญากันเป็นที่เรียบร้อย แต่ในวันที่ถ่ายทำวันนั้น คุณรเมศได้ให้เหตุผลว่าเขาไม่สบาย และปฏิเสธที่จะมายังกองถ่ายเพื่อถ่ายทำ" "ทางผู้รับผิดชอบWMของเราและทางทีมงานได้พูดคุยกับเขาอยู่หลายครั้ง และจนสุดท้ายแล้วได้รับรู้ถึงความจริงเรื่องหนึ่งมาว่า ก่อนวันถ่ายทำสองวัน เขามีเชิญคุณจิดาภาที่จะต้องร่วมงานด้วยกันในครั้งนี้ ไปรับประทานอาหาร แต่กลับถูกปฏิเสธ จึงทำให้เขาไม่พอใจ ดังนั้นจึงใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นเธอ" "การกระทำทั้งหมดของคุณรเมศส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความคืบหน้าในการเผยแพร่โฆษณาชิ้นนี้ของทางบริษัทWM ดังนั้นทางบริษัทและผู้กำกับจึงต้องทำการปรึกษาหารือกันและตัดสินใจในการเปลี่ยนตัวนักแสดง" "ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับทางคุณจิดาภาอย่างแน่นอน" "เธอเพียงแค่แนะนำคนให้กับเรา แล้วอีกอย่างตัวเงื่อนไขทางด้านอื่นๆของบุคคลนี้ก็นับว่าโดดเด่นด้วยเช่นกัน ทางผู้กำกับจึงตัดสินใจให้เขาแสดงแทนคุณรเมศ แล้วก็สามารถพิสูจน์ออกมาให้เห็นแล้วจริงๆ ว่าสุดท้ายการถ่ายทำออกมานั้นนับว่าไม่เลวจริงๆ!" "เรื่องก็มีอยู่เท่านี้เองครับ พวกเราในฐานะเจ้าของแบรนด์รู้สึกผิดหวังกับการกระทำในครั้งนี้ของคุณรเมศมากจริงๆ และก็ขอแสดงความตำหนิไปถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของเหล่าบรรดาแฟนคลับของเขา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะติดตามและสนับสนุนศิลปินของพวกเขาอย่างมีสติ" ดูจากท่าทีของทางบริษัทWMแล้ว ต่อไปพวกเขาคงจะไม่ร่วมงานกับรเมศอีกอย่างแน่นอน เพียงแต่เหล่าแฟนคลับของรเมศนั้นก็ยังคงไม่ยอมรับกับเรื่องนี้ พวกเขายังคงตั้งคำถามต่างๆนานาอย่างไม่หยุดบนหน้าเว็บไซต์นั้น “มีสิทธิอะไรมาเปลี่ยนตัวรเมศ ไม่สบายถึงกับจะเลื่อนการถ่ายทำออกไปหน่อยไม่ได้เลยหรือ?” “การเอาตัวเข้าแลกฟังแล้วดูดีเสียจริงๆ ทางWMก็ปัดความรับผิดชอบ ปกปิดความจริง ดูก็รู้ว่ากำลังปกป้องคนของเขาเองชัดๆ” แฟนคลับมองว่า ทางบริษัทWMไม่ได้ตั้งใจจะร่วมงานกันกับรเมศอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว จึงเอาประเด็นที่ว่าเขาไม่สบายมาทำให้เป็นข่าวเช่นนี้ และยังมีแฟนคลับบางส่วนที่มีความเห็นรุนแรงถึงขั้นกับต้องการให้จิดาภาออกมาขอโทษรเมศ มิเช่นนั้นพวกเขาจะพากันต่อต้านทั้งจิดาภาและบริษัทWM อีกทั้งแบรนด์อื่นๆที่จิดาภาเป็นBrand ambassadorอีกด้วย เมื่อเห็นคำวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้แล้วนั้น ญาณินีจึงรีบเรียกให้จิดาภาเข้ามาพบเธอที่บริษัททันที “จิดาภา คุณดังเหลือเกินนะ นึกไม่ถึงเลยว่าทางบริษัทWMจะออกมารับหน้าช่วงคุณลบล้างความผิดแบบนี้?” “ตอนนี้มีนักข่าวโทรมาที่บริษัททุกวัน คุณรู้ไหมว่าเป็นเพราะคุณ ฉันต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหน? เดิมทีฉันคิดอยากจะเซ็นสัญญากับรเมศเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ความคิดนั้นถูกทำลายหายไปหมดแล้ว” ขณะที่ญาณินีกำลังพูดอยู่นั้น แววตาของจิดาภากลับไม่มีอะไรตอบสนองทั้งสิ้น ท่าทีเดียวของเธอในตอนนี้มีเพียงความสงบนิ่งเพียงเท่านั้น “คุณญาณินี เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด” ภพธรอดไม่ได้ที่จะเห็นจิดาภาไม่รับความเป็นธรรมเช่นนี้ จากที่ต้องการจะอธิบายให้เธอฟัง แต่พอพูดออกไปเพียงแค่ประโยคเดียว ก็ถึงญาณินีจ้องหน้ากลับมาเสียก่อน “ฉันถามคุณแล้วหรือ?” เธอต่างหากที่เป็นประธานบริษัทโอเล ตำแหน่งของเธอไม่ใช่ใครจะมายั่วยุได้ง่ายๆ “ถ้าหากคุณรับปากว่าจะไปทานข้าวกับเขา จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไหม? ฉันจะไปเจรจากับเขาใหม่ ส่วนคุณก็หาโอกาส แล้วไปขอโทษเขาซะ” เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว ทำให้จิดาภาเงยหน้าขึ้นมามองเธอ “เพียงแค่ทานข้าวเท่านั้นหรือคะ?” แม้เธอไม่ได้เปิดเผยออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่เข้าใจ เธอไม่แม้แต่จะถามญาณินีออกไปเสียด้วยซ้ำ ว่าทำไมทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเธอมีคนรักแล้ว แต่กลับยังให้เธอไปทำเรื่องแบบนี้อีก ญาณินีในตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกราวกับเป็นคนแปลกหน้าเสียเหลือเกิน “ฉันไม่ใช่คุณภารดี ที่คุณจะมาควบคุมง่ายๆแบบนั้นนะคะ จุดนี้ คุณเองก็น่าจะรู้ดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ญาณินีไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดออกมาตรงๆเช่นนี้! “คุณ....” ญาณินีสูดลมหายใจเข้า “ฉันเลือกโอเล และโอเลก็เลือกฉัน เป็นความร่วมมือที่เราได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ทำไมจะต้องให้ฉันไปทำเรื่องแบบนั้นคะ?” จิดาภาสงบนิ่งมาก จุดแข็งของเธอข้อนี้ทำให้ญาณินีต้องเผชิญหน้ากับเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ “พอแล้ว!” ญาณินีตบโต๊ะเสียงดัง “ฉันพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ถ้าหากคุณยังไม่แก้ไขปัญหาเรื่องนี้กับรเมศล่ะก็ ต่อไปคุณจะไม่ได้รับกิจกรรมหรืองานละครใดๆทั้งสิ้น! คุณคิดให้ดีแล้วกัน” ที่ญาณินีเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะให้จิดาภาอยู่ในการควบคุมของเธอ และเชื่อฟังเธอ เพิ่งจะเซ็นสัญญากับโอเลได้ไม่นาน ก็จะถูกพักกิจกรรมทุกอย่างเสียแล้ว นั่นเท่ากับว่าจะซ่อนตัวเธอเอาไว้ มีนักแสดงกี่คนกันที่จะรับได้กับสภาพการณ์ถูกข่มขู่เช่นนี้ จิดาภาสงบนิ่งมากกว่าที่เธอคิดไว้ เธอจึงมองจิดาภาที่เดินผละออกจากออฟฟิศไป ภพธรรีบตามไป “จิดาภา...ทำไมคุณต้องทำแบบนี้?” “สิ่งที่ฉันจะไม่ทำ ฉันก็จะไม่มีทางทำมันเด็ดขาด หลังจากที่ฉันยอมถอยมาครั้งนึงแล้ว เธอก็เอาแต่จับตรงจุดอ่อนตรงนั้นของฉัน ได้คืบจะเอาศอก” จิดาภามองทะลุเข้าใจญาณินีคนนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยสักนิด ภพธรพยักหน้ารับโดยไม่ปราศจากเสียงใดๆ เขาเข้าใจความรู้สึกของจิดาภา ญาณินีสันทัดในเรื่องการค้นพบความเปล่งประกายของศิลปิน แล้วใช้ผลประโยชน์และใช้ความกดดันเพื่อให้ศิลปินคนนั้นเป็นหมากในมือของเธอ เช่นเดียวกับภารดีและจิรสุดา พวกเธอล้วนมีของบางอย่างที่ไม่สามารถจะละทิ้งมันได้ ดังนั้นจึงถูกญาณินีควบคุมได้ แต่กับจิดาภานั้นเป็นข้อยกเว้น เธอเพียงแค่อยากจะเล่นละครเพียงเท่านั้น ไม่ได้จะทำร้ายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองโด่งดัง และไม่ได้อยากจะอยู่ในวงการที่วุ่นวายเช่นนี้ด้วย “ถ้าฉันจะต้องหยุดอยู่ที่เรื่องนี้ จะต้องถูกโอเลกักเก็บตัวไว้เช่นนี้ คุณจะผิดหวังไหมคะ?” จิดาภาที่ยืนอยู่ในลิฟต์เอ่ยถามขึ้น “คุณจะไม่เป็นเช่นนั้น” ภพธรตอบออกมาด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าจิดาภาจะไม่แพ้ และยิ่งจะไม่แพ้ในจุดที่อยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน จิดาภายิ้ม ที่เธอไม่รู้สึกหวาดหวั่นนั่นเป็นเพราะเธอยังมีไพ่ที่สามารถจะพลิกออกมาได้อีกหลายใบ เธอยังอยากจะให้รเมศได้ก่อความวุ่นวายต่อไปอีกสักพัก เช่นนี้ต่อไปละครจะยิ่งน่าดูยิ่งขึ้นเสียอีก เรื่องที่โอเลหยุดให้งานละกิจกรรมกับจิดาภานั้นไม่นานก็ถูกแพร่ออกไป จิดาภาจึงมีเวลาว่างมากขึ้น เธออยู่บ้าน รดน้ำต้นไม้ วาดรูป ศึกษาการทำอาหาร... “ชีวิตของคุณผู้หญิงนี่สบายจริงๆเลยนะครับ” จิรภาสเดินมาทางด้านหลังเธอ แล้วโอบเอวบางของเธอเบาๆ แล้วหยิบกาน้ำในมือเธอออกมา จิดาภาหันไปหาเขา แล้วมองใบหน้าด้านข้างของจิรภาส “ทำไมคะ? คุณรู้สึกว่าฉันเป็นแมลงมอดไปแล้วหรือเปล่าคะ ที่วันๆเอาแต่กินแล้วก็นอน” “ผมกลับหวังให้คุณได้ใช้ชีวิตแบบนี้มาโดยตลอดมากกว่าสิครับ ได้รับความรู้สึกที่เป็นอิสระแบบนี้ ส่วนงานที่จะต้องทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่า” จิรภาสได้ยินเรื่องของโอเลมาตั้งแต่แรกแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าการตัดสินใจของญาณินีนั้นออกจะเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นว่าจิดาภาไม่ได้รับผลกระทบจากภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียวเช่นนี้แล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ "คุณไม่มีอะไรจะถามฉันหรือคะ?" จิดาภาหันมา แล้วเอามือโอบรอบคอเขาไว้ "ฉันคิดหาวิธีมาพูดเกลี้ยกล่อมคุณตั้งหลายวิธี ปรากฏว่าคุณไม่ถามอะไรฉันเลย" จิรภารจุมพิตลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ "ไม่ถามหรอกครับ ผมเชื่อคุณ" "คุณจิรภาส...." เธอหลับตาลงอย่างรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา "หือ?" "คุณดีจังเลยค่ะ" ไม่ว่าข้างนอกจะมีลมพายุฝนหนักหนาแค่ไหน เธอสามารถจะถอดชุดเกราะเหล่านั้นทิ้ง แล้วมาใช้เวลาแห่งความสงบสุขในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับเขา ไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะอธิบาย เพราะพวกเขาเชื่อใจซึ่งกันและกัน "ผมรอให้คุณมีปัญหากับญาณินีอยู่ต่างหาก ห้องพักและห้องแต่งตัวของเค.เอฟ รอคุณอยู่เสมอนะครับ" จิดาภาหัวเราะออกมา แล้วราวกับความทุกข์เหล่านั้นได้หายไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 152 เชื่อใจซึ่งกันและกัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A