ตอนที่ 154 การกระทำอันแสนโง่เขลา

ตอนที่ 154 การกระทำอันแสนโง่เขลา "แล้วอีกอย่าง จิดาภามีความทะเยอทะยานมากเกินไป ฉันไม่รู้ว่าเธอทำอย่างไรให้คุณหลงเชื่อเธอจนเชื่องได้แบบนี้ แต่เธอเป็นศิลปินของโอเล จะต้องทำตามในสิ่งที่บริษัทจัดการให้" "ผมไม่ได้ถูกใครทำให้เชื่องทั้งนั้น!" ภพธรมองญาณินีด้วยความรู้สึกตกใจและไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของเธอ “ตอนนั้นที่คุณเซ็นสัญญากับจิดาภา คุณไม่รู้ความคิดของเธอเลยหรือ? ตอนนี้ถึงเพิ่งมาบอกว่าเธอทะเยอทะยาน มันไม่สายไปหน่อยหรือครับ?” คำแก้ต่างที่ดูขัดแย้งกันของเธอทำให้สายตาของภพธรที่มีเย็นชาลง “ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้...ภพธร?” ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากัน แต่ตรงกลางกลับมีระยะห่างที่ไม่อาจข้ามหากันได้ “จิดาภาไม่ได้ทำผิดอะไร เธอเพียงแค่ไม่ยินยอมที่จะสร้างกระแสเท่านั้น ไม่อยากจะคบหาสมาคมกับเขา คุณรู้ทั้งรู้ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว ยังบังคับเธอให้ไปพบกับรเมศ จนตอนนี้เรื่องมันกลายเป็นเรื่องวุ่นวายแบบนี้ เป็นบริษัทต้นสังกัดของเธอเมื่อเธอเจอข่าวด้านลบ คุณไม่เพียงแต่จะระงับงานของเธอ ทั้งยังเอาแหล่งสนับสนุนของเธอไปแบ่งให้พวกภารดีอีก...ผมผิดหวังในตัวคุณมากจริงๆ” คำพูดนี้ของภพธรนั้นทำให้ญาณินีสะเทือนใจเป็นอย่างมาก “จิดาภาไม่ใช่คนโง่ และผมเองก็เหมือนกัน” ญาณินีละสายตาออกไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ไม่ว่ายังไงก็ตาม คำสั่งของฉันได้ประกาศออกไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว” “ได้ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ เพียงแต่ผมอยากจะบอกคุณเอาไว้ว่า คุณบีบจิดาภาเช่นนี้ ผลที่จะตามมามันคงจะไม่สวยเท่าไหร่นักหรอกนะครับ” ญาณินีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอก็เป็นเพียงแค่ศิลปินคนหนึ่งเท่านั้น สัญญาก็อยู่ในมือฉัน เธอจะทำอะไรได้?” “ถ้าอย่างนั้นคุณก็รอดูเอาแล้วกัน” ภพธรส่งสายตาออกไปอย่างมีความหมาย ไม่ได้มองข้ามสายตาที่สื่อออกถึงความเป็นศัตรูของเธอเลย บางเรื่องเมื่อได้เริ่มต้นขึ้น ก็คงจะไม่จบลงง่ายๆ ที่ภพธรมาหาเธอในคืนนี้นั้นทำให้เธอได้รับรู้แล้วว่า ตอนนี้ภพธรยืนอยู่ข้างเดียวกันกับจิดาภาแล้วอย่างเต็มตัว เธอจะอยู่เฉยไม่ได้ ในเมื่อจิดาภาก็ไม่ได้มีงานอะไรแล้ว ยังจะต้องการผู้จัดการส่วนตัวอีกหรือ? ภพธรที่กำลังขับรถ แล้วกดโทรออกหาจิดาภาไปด้วย “ฮัลโหล...” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากทางปลายสาย จู่ๆภพธรก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอย่างไรดี ในขณะที่เขากำลังลังเลนั้น จิดาภาจึงเอ่ยถามขึ้น “ทางคุณญาณินี ยังจัดการไม่ได้ใช่ไหมคะ?” “ใช่ครับ ผมมาคุยกับเธอแล้ว แต่ท่าทางเธอยังคงมุ่งมั่นมาก และยังบอกด้วยว่าไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงเรื่องการตัดสินใจระงับงานคุณได้ ผมกังวลว่าเธอจะทำเช่นนี้ต่อไปจนถึงที่สุด” ภพธรเอ่ยขอโทษเธอด้วยความรู้สึกผิด “เพราะผมทำหน้าที่ผู้จัดการของคุณได้ไม่ดีพอ ขอโทษนะครับ” “ไม่โทษคุณหรอกค่ะ สิ่งที่คุณทำเพื่อฉัน ฉันจำไว้ในใจหมดแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากเห็นคุณกับคุณญาณินีต้องมาแตกหักกันเพราะฉัน” “แต่....” “ทางที่ฉันเดินมาฉันผ่านอุปสรรคมามากมายขนาดนี้แล้ว ฉันเชื่อว่า ครั้งนี้ฉันก็จะไม่แพ้หรอกค่ะ” เมื่อได้ยินจิดาภากล่าวดังนั้น ภพธรก็รู้สึกมีความมั่นใจขึ้นเช่นกัน “โอเคครับ ผมจะไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์อีกครั้ง เผื่อจะพอมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นมาได้บ้าง” จิดาภาตอบรับกลับ แล้ววางสายไป เธอยืนอยู่ตรงด้านข้างระเบียง กระชับผ้าคลุมไหล่ของเธอให้แน่นขึ้น “คุณญาณินี การร่วมมือระหว่างเรากำลังจะสิ้นสุดลงแล้วอย่างนั้นหรือ?” ........... บริษัทต้นสังกัดของรเมศยังคงสร้างกระแสเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจว่าความจริงเป็นอย่างไร พวกเขาก็พยายามที่จะปกป้องสถานการณ์ของรเมศกันอย่างเต็มที่ หากเปรียบเทียบกับโอเลแล้วนั้น ดูเหมือนกับว่ารเมศจะได้เปรียบอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามโพสต์เหล่านั้นก็สร้างความวุ่นวายให้กับพวกเขาไม่น้อย อย่างไรก็ตาม รเมศเองก็ทำได้เพียงแค่หลบนักข่าวอยู่ในบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ในใจของเขารับไม่ได้กับสภาพเช่นนี้ นักแสดงหญิงที่ไม่ได้มีเบื้องหลังอะไร แต่ทำไมถึงได้จัดการได้ยากถึงเพียงนี้? ความตั้งใจที่เขาจะทำให้จิดาภาออกมาขอโทษเขานั้นกลับสลายหายไปหมดแล้ว และยังบวกกับช่วงนี้ที่กิจการของบริษัทพ่อของเขานั้นไม่ค่อยดีนัก จึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของเขา รเมศรู้สึกโมโห เขาอยู่บ้านดื่มแต่เหล้า และเมื่อบังเอิญเห็นโฆษณาของWMที่ถ่ายทำในวันนั้น ทั้งยังถูกถ่ายทอดโดยสื่อชั้นนำเสียด้วย จิดาภาสวมชุดแต่งงานงดงามราวกับนางฟ้า และผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น เนื่องจากมองไม่เห็นหน้า ยิ่งเพิ่มความรู้สึกให้ความลึกลับกับเขามากยิ่งขึ้น “หึ!” รเมศหัวเราะเยาะแล้วมองจ้องไปยังหน้าจอ แล้วเขวี้ยงขวดเหล้าที่อยู่ในมือ เสียงเพล้งดังขึ้น เศษกระจกแตกเกลื่อนพื้น ผู้จัดการของเขาได้ยินเสียงแล้วจึงเดินเข้ามาดู เห็นท่าทางที่ไม่มีชีวิตชีวาของเขาแล้วนั้น จึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมเขาว่า “อย่าโมโหไปเลย ไม่คุ้มกันกับคนพวกนี้หรอก” "WMกำลังยั่วโมโหผม! พวกเขาปล่อยข่าวแบบนี้ออกมาหมายความว่าอย่างไร? คิดว่าผู้ชายคนนี้เก่งกว่าผมงั้นหรือ? ไม่ได้คิดถึงตอนนั้นที่มาขอร้องให้ผมเซ็นสัญญาเลยรึไง!" "รเมศ..." ผู้จัดการไม่สามารถหยุดเขาได้ มองดูเขาที่กำลังจะเปิดขวดเหล้าอีกขวด แล้วตะโกนออกมาด้วยความโมโห "เป็นเพราะจิดาภา นังผู้หญิงสารเลวคนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเอาตัวเข้าแลกก็ต้องใช้เงินฟาดหัวใครแน่ๆ สารเลว!" หากเขาทำตัวเช่นนี้ต่อไป แล้วถูกนักข่าวถ่ายรูปไว้ได้ล่ะก็คงจะเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีกแน่ๆ ผู้จัดการจึงบอกได้แค่เพียงว่า "จิดาภาก็ถูกทางโอเลกักตัวไว้แล้ว งานละครและโฆษณาที่เคยคุยไว้ก่อนหน้านี้โอเลก็แบ่งไปให้ศิลปินคนอื่น เธอไม่สามารถมาสู้อะไรกับเราได้แล้วล่ะ เธอดูข่าวก็ได้ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวอะไรของจิดาภาเลย" "จริงหรือ?" รเมศเริ่มตาสว่างขึ้นมา แล้วลุกขึ้นนั่ง "ไม่ใช่ข่าวเท็จที่หลอกเราอีกใช่ไหม?" "ไม่หรอก ปาปารัซซี่ที่ฉันหาเชื่อถือได้" "ฮ่าๆ คิดจะสู้กับผมหรือ ถุย!" "ถึงแม้ว่าจิดาภาจะเป็นศิลปินในสังกัดของโอเล ซึ่งตอนนั้นดูจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไม่มีขีดจำกัดซักเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้ว คุณญาณินีดูเหมือนจะไม่ได้ดันเธอเลย คาดว่าอีกไม่นาน เธอก็คงจะหายไปจากวงการนี้" ผู้จัดกับเอ่ยขึ้นพร้อมกับเก็บขวดเหล้าไปด้วย "เพราะฉะนั้น เธอก็ไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว รอข่าวซาลง เธอก็ยังคงเป็นนักแสดงที่โด่งดังอยู่ดี" รเมศรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก และเพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน จึงโพสต์ข้อความหนึ่งลงโซเชียลอย่างไม่สนใจใคร "คนทำผิด รสชาติของการโดนบริษัทระงับงานเป็นอย่างไรบ้าง?" สองสามวันนี้การเคลื่อนไหวของเขานั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับโฆษณาของWMทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าข้อความนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ทุกคนก็รับรู้ได้เองว่าต้องเกี่ยวข้องกับจิดาภาและโอเลอย่างแน่นอน โอเลเพิ่งจะเซ็นสัญญากับจิดาภา แล้วจะสั่งงดงานของเธอแล้วหรือ? เรื่องนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่! หรือว่ารเมศจะเกลียดชังจิดาภามากถึงขั้นที่จะตั้งใจปล่อยข่าวเหล่านี้ออกมาเพื่อให้ทุกคนเกิดความสับสน แต่ในเมื่อรเมศปล่อยข่าวเช่นนี้ออกไปแล้ว บรรดานักข่าวสื่อต่างๆก็จะต้องพากันไปสืบหาความจริง และในเวลานั้นเองก็มีสายโทรเข้าทางออฟฟิศของโอเลเป็นจำนวนมาก ญาณินีคิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะระงับงานของจิดาภาไป รเมศกลับปล่อยข่าวพวกนี้ออกไปแล้ว! หลังจากที่เธอเซ็นสัญญากับจิดาภาแล้ว เธอก็ใช้จิดาภาเพื่อบีบให้จงกลออกไปจากโอเล ทั้งยังใช้เรื่องการถ่ายโฆษณาในครั้งนี้ แบนจิดาภา หากภายนอกรู้ว่าเมื่อเธอได้รับผลประโยชน์แล้วถีบหัวส่งไปแบบนี้.....วิธีการเช่นนี้ของเธอจะให้ใครมาเปิดเผยมันไม่ได้! ในวงการนี้เต็มไปด้วยข่าวของจิดาภาที่ถูกโอเลระงับงาน ทางด้านภารดีเองก็ได้รับการยืนยันให้เล่นภาพยนตร์แทนจิดาภาเป็นที่เรียบร้อย เรื่องนี้โอเลคงจะออกมาอธิบายยากเสียแล้ว ภพธรอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ดูเหมือนรเมศจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้เรานะ" ไอคิวของเด็กคนนี้นี่น่าเป็นห่วงเสียจริงๆ เดิมทีภพธรคิดที่จะปล่อยข่าวนี้ออกไป ให้นักข่าวได้ไปจับตามองที่ญาณินี เพื่อให้เธอได้ลดความทะเยอทะยานนี้ลง ไม่นึกเลยว่ารเมศจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เขาเองเสียก่อนแล้ว โชคดีที่เทพเจ้ายังอยู่ข้างพวกเขา --โปรดติดตามตอนต่อไป 02/12/2019--