ตอนที่ 35 การทดสอบสายโลหิต(2)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35 การทดสอบสายโลหิต(2)
ตอนที่ 35 การทดสอบสายโลหิต(2) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงเครื่องกลที่แปลกประหลาดซ้ำไปซ้ำมา... ครึ่งชั่วยามก่อนหน้า มีหนูตัวหนึ่งได้เดินผ่านหน้าหีบพระเจ้า จนไปเปิดโดนระบบอัจฉริยะของหีบพระเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เสียงเครื่องกลดังซ้ำไปซ้ำมา ในสายตาของทรราชและเสนาบดีที่ไม่เข้าใจภาษาจีน จึงเหมือนกับกำลังฟังเสียงประหลาดที่ดังว่า ตือดึ่ง ตือดึ่ง ตือดึ่ง ตือดึ่ง... โหรหลวงคุกเข่าลง คำนับเทพเจ้าสามครั้ง ทำเช่นเดิมอีกครั้ง และกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ฝ่าบาท คำเตือนจากสวรรค์บอกว่า กำลังเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่จากสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ” ทรราชคิ้วขมวด “ภัยพิบัติหรือ ภัยพิบัติอันใดกัน” โหรหลวงกล่าว “เป็นภัยพิบัติจากสวรรค์เพื่อลงโทษบุคคลผู้โง่เขลา จึงไม่อาจเปิดเผยไปได้” ทรราชกล่าว “แล้วจะแก้ปัญหาภัยพิบัติได้เยี่ยงไรกัน” โหรหลวงยกนิ้วคำนวณแล้วกล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีของจื่อวุย ดวงดาวเคลื่อนย้ายไปที่ตำหนักจื่อวุย ตำหนักจื่อวุยอยู่ทิศตะวันออก บุคคลชั้นฟ้า จะเป็นผู้ที่ช่วยผู้คนของแผ่นดินนี้ให้พ้นจากภัยพิบัติ และตามหาบุคคลชั้นฟ้า ทางทิศตะวันออก ตำหนักจื่อวุย ชั้นฟ้า...” ทรราชกล่าวเสียงเย็น ใบหน้าตกอยู่ในความตะลึง “ตำหนักจื่อวุย ตำหนักจวนอ๋องโจว๋อย่างนั้นหรือ จะบอกว่า คนผู้นั้นอยู่ที่จวนอ๋องโจว๋หรือ โหรหลวง จวนอ๋องโจว๋ตั้งอยู่ทิศใดของเมืองหลวง” โหรหลวงตอบกลับมาว่า “ทางทิศตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ” ทรราชกล่าว “เป็นใครกันที่ถอดความลับสีฟ้าแห่งสวรรค์ได้” เสนาบดีคนหนึ่งตอบกลับมา “นายท่านโจว๋แห่งจวนอ๋องโจว๋พ่ะย่ะค่ะ เป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ผู้เกรียงไกร ถูกขนานนามว่าจอมดาบผู้ไร้พ่าย ระดับชั้นของนายท่านโจว๋เองก็ติดอยู่ที่ชั้นฟ้าพ่ะย่ะค่ะ” ทรราชกล่าว “ทวยเทพได้ชี้แนะมาแล้วว่าจวนอ๋องโจว๋คือเบาะแสที่สำคัญ โหรหลวง กองกำลังลับ เฉิงเสี้ยง รีบจัดเตรียมพิธีการ หลังการเคารพทวยเทพ จะต้องตรงไปยังจวนอ๋องโจว๋ทันที ข้าจะนำหีบพระเจ้าติดตัวไปยังจวนอ๋องโจว๋ด้วย” “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เสนาบดีต่างกู่ร้องสรรเสริญ โหรหลวงรีบเตรียมพิธีการ เสนาบดีรีบเตรียมสิ่งของ ทหารรักษาการณ์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการออกนอกพระราชวัง แต่ท้ายที่สุดทรราชก็เลือกวิธีแปลงกาย และพาทหารรักษาการณ์ โหรหลวงกับหัวหน้าเฉิงเสี้ยงถางเปิ่นไปด้วยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หีบพระเจ้ากำลังแจ้งเตือน ว่าพื้นใต้นภากำลังจะเกิดภัยพิบัติขึ้น ห้ามป่าวประกาศเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด ไปยังจวนอ๋องโจว๋เพื่อตามหาผู้ที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติ ไม่สามารถไปอย่างเอิกเกริกได้ เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนตื่นตกใจ จำต้องรู้ หนึ่งร้อยสามสิบปีที่ผ่านมา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หีบพระเจ้าได้ออกนอกพระราชวังหลวงนอกจากช่วงพิธีประจำปี เมื่อแปลงกายเสร็จ ทรราชพากำลังคนไม่กี่คนและหีบพระเจ้าขึ้นรถม้าออกนอกพระราชวังไป รถม้ามาจอดที่ต้นไม้ใหญ่นอกจวนอ๋องโจว๋ ทรราชมองลอดผ่านจากผ้าม่านภายในรถม้า เมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของจวนอ๋องโจว๋ ความหรูหรานั้นถือว่าทัดเทียมกับพระราชวัง เขาจึงรู้สึกอึดอัดขึ้นในใจ “ทหารรักษาการณ์ลงไปเคาะประตูเสีย วันที่ดีเช่นนี้แต่ประตูใหญ่ของจวนอ๋องโจว๋กลับปิดสนิท มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ทหารรักษาการณ์ที่แต่งชุดข้ารับใช้ทำธรรมดาลงจากรถมา และตรงไปยังประตูจวนโจว๋ ข้ารับใช้เคาะประตู ทันใดนั้นก็มีคนเปิดประตูออกมา ข้ารับใช้และผู้ที่เปิดประตูพูดคุยกันชั่วครู่ แล้วจึงกลับมารายงาน “ฝ่าบาท ความจริงวันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่จวนอ๋องโจว๋พ่ะย่ะค่ะ” “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” “หลายเดือนที่ผ่านมา ตระกูลโจว๋ได้ตามหาตัวคุณหนูเก้าที่หายตัวไปพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในวันนี้คนของตระกูลโจว๋ต่างมารวมตัวกันที่ศาลเจ้าตระกูลโจว๋เพื่อทำการทดสอบสายโลหิตพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นวันนี้จวนอ๋องโจว๋จึงปิดประตู และไม่ต้อนรับผู้ใดทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ” ทรราชเหลือบสายตามองอย่างรวดเร็ว “ก็หาตัวเจอมาตั้งหลายเดือนแล้ว เหตุใดถึงเพิ่งมีการทดสอบสายโลหิตกัน หรือว่ามีเหตุผลอื่นด้วย” ข้ารับใช้กล่าว “เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่อาจทราบพ่ะย่ะค่ะ” ทรราชกล่าว “เช่นนั้นพวกเราเข้าไปดูกัน ใช้ตราประจำตัวของข้าเข้าไป อย่าเอิกเกริก พวกเราแค่ไปแอบดูเท่านั้น อาจมีอะไรที่คาดไม่ถึงกำลังรออยู่เบื้องหน้าก็เป็นได้” เมื่อซินเหยาและโจว๋ปี้หลัวกลับมาถึงศาลเจ้า ใจกลางกลุ่มคนในศาลเจ้ามีชั้นไม้เพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น บนชั้นไม้นั้นมีอ่างน้ำใสวางไว้อยู่ โจว๋เส้าฉียืนอยู่ข้างตรงนั้น ถือกริชขนาดเล็กสองด้ามไว้ในมือ ใบหน้าของโจว๋ปี้หลัวดูทุกข์ระทม บ่นพึมพำว่า “คิดว่าจะหลบหนีไป กลับไปโรงครัวเพื่อทานโจ๊กเท่านั้นหรือ” ซินเหยากล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ทานอะไรก่อนกรีดเลือด เดี๋ยวได้เป็นลมล้มพับกันไปพอดี” โจว๋ปี้หลัวพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด การที่ซินเหยามีท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีของนาง นางคาดหวังที่จะเห็น ซินเหยาเลือกหลบหนีไป ยามที่นางจับตัวซินเหยาที่คิดจะหลบหนี มาส่งคืนที่ศาลเจ้า แล้วนำนางมารร้ายมารุมประณามต่อหน้าคนทั้งตระกูลโจว๋ได้ ยามนั้นนางจะเป็นผู้ชนะ และจากความพยายาม นางยังสามารถทวงคืนบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ของนางคืนมาได้อีกด้วย แต่เรื่องราวในตอนนี้ กลับไม่เป็นไปตามที่โจว๋ปี้หลัวคาดหวัง ความเชื่อมั่นของซินเหยาทำให้ใจของนางเริ่มไหวหวั่น “ซินเหยา เจ้าพร้อมหรือไม่” โจว๋เส้าฉีถามอย่างเคร่งเครียด “เจ้าค่ะ” ซินเหยาพยักหน้า “หยิบมันขึ้นมา” โจว๋เส้าฉีส่งกริชเล่มหนึ่งให้กับซินเหยา ซินเหยารับมาอย่างเงียบๆ โจว๋เส้าฉีรู้เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของนาง จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ซินเหยา ไม่ต้องกลัว ง่ายดายนัก เพียงแค่ใช้กริชเล่มนี้เฉือนที่ผิว แล้วหยดเลือดลงไปในอ่างน้ำนี่ก็เท่านั้น หากเลือดของพวกเรารวมเข้าด้วยกัน เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าคือสายเลือดที่แท้จริงของข้า แต่หาก... แต่หากว่าเลือดไม่รวมกัน นั่น...” ซินเหยาเอ่ยถาม “ท่านพ่อ หากข้าไม่ใช่ลูกสาวของท่าน ท่านจะฆ่าข้าหรือไม่เจ้าคะ” สีหน้าของโจว๋เส้าฉีล้ำลึก ไม่ได้ตอบกลับไป ซินเหยายิ้มอ่อน “ข้าทราบแล้ว ท่านพ่อ ลงมือเถอะ” โจว๋เส้าฉีพยักหน้า แล้วหยิบจับกริชไว้มั่น ก่อนจะเฉือนข้อมือของตัวเองอย่างรวดเร็ว หยดเลือดได้ร่วงหล่นลงไปแล้ว...
已经是最新一章了
加载中