บทที่ 186 ความงดงามที่สมบูรณ์แบบ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 186 ความงดงามที่สมบูรณ์แบบ
บทที่ 186 ความงดงามที่สมบูรณ์แบบ ตอนที่เขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เขาทำแบบนี้ด้วยหรือไม่นะ ในตอนที่เธอกำลังสะลึมสะลือ ปุริมที่เช็ดตัวเธอเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ ได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำได้อย่างชัดเจน ราวกับมีไอน้ำมาปกคลุมร่างเธอเช่นกัน เพ็ญนีติ์ค่อยๆหลับตาลง เธอง่วงแล้ว เธอโดนเขาพลิกไปมาจนเหนื่อย ท้องฟ้าสีเข้ม มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย และแล้วเพ็ญนีติ์ก็ได้หลับไป คืนนั้น เธอฝันถึงเขา เขาจูบเธอแผ่วเบา แล้วกล่าวกับเธออย่างอ่อนโยนว่า เพ็ญนีติ์ ผมรักคุณ แต่ว่าเขาไม่เคยพูดประโยคนั้นกับเธอเลย... ช่วงเวลาของความเป็นและความตาย ความรักนั้นอยู่ตรงนี้มาตลอด ตระกองกอดไว้จนหลับไป ยามตื่นขึ้นมาตรงหน้านั้นคือใบหน้าที่งดงามของเธอ ขนตาแพยาวไม่ได้ขยับ สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่หางคิ้วขอเธอ “ติ๊ง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นรวรคงกลัวว่าเขายังไม่ตื่น เลยตั้งใจส่งเป็นข้อความมาแทน ส่งข้อความมาเพียงสั้นๆว่า คืนนั้น เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านครับ แบบนั้น เธอยิ่งมีโอกาสที่จะจัดการลงมือกับรถของเพ็ญนีติ์มากที่สุด ในตอนนี้เขาคิดออกแค่เธอ รู้สึกไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ ข้อความจากนรวรทำให้เขาต้องเชื่อเสียแล้ว ร่างองอาจบิดขี้เกียจราวกับสิงโตที่เพิ่งตื่นนอน เขาช่างน่าหลงใหล จ้องมองเพ็ญนีติ์ที่ยังคงหลับอยู่ เขามานอนกับเธอที่ห้องพักผู้ป่วยนี้ไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขานอนเตียงเดียวกัน ค่ำคืนนั้นเธออิงซบกับอกของเขา ร่างเธอโอนอ่อนราวกับสายน้ำ ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากที่บวมเจ่อของเธอ หากได้พบกับเธอทุกวันในตอนที่ตื่นนอน เช่นนั้นเธอก็จะกลายเป็นภรรยาของเขาแล้วใช่ไหมนะ ความหมายของครอบครัวคงเป็นเช่นนี้สินะ แต่นิ้วของเขาก็ต้องหยุดไว้เพียงเท่านั้น แล้วลงจากเตียงเบาๆ อย่างเงียบๆ เขาไม่อยากให้เธอตื่น อยากให้เธอได้พักผ่อนต่อ เดินเข้าห้องน้ำ และรีบล้างหน้าล้างตาอย่างว่องไว ตอนที่เปิดประตูออกมา ป้าเหมียวได้มาถึงแล้ว เมื่อเห็นเขาก็กล่าวอย่างยิ้มๆ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณชาย” นิ้วชี้ของเขาแตะที่ริมฝีปาก “ชู่ว เบาหน่อย ให้เธอนอนต่ออีกสักหน่อย” “ค่ะ หากเธอยังไม่ตื่นดิฉันก็จะไม่เข้าไปค่ะ” “อือ รอเธอตื่นแล้วค่อยเก็บของ อีกสักครู่ผมจะส่งคนมารับเธอกลับวิลล่า” เมื่อปุริมพูดจบก็ขอแยกตัวกับป้าเหมียวทันที “คุณชายคะ...” ป้าเหมียวลังเลเล็กน้อย แต่ก็เลือกที่จะเรียกเขาไว้ “มีอะไร” “คุณชาย แล้วคุณ...” เธออยากจะถามว่าทำไมเขาถึงไม่มารับเพ็ญนีติ์ด้วยตัวเอง แต่ก็ถูกปุริมขัดขึ้นมาเสียก่อน เขามีธุระสำคัญที่ต้องรีบไปทำ “ตอนเย็นผมจะรีบกลับไป” “เช่นนั้นจะให้เตรียมอาหารค่ำให้คุณชายด้วยหรือไม่คะ” “ไม่... ไม่ต้อง ผมเองก็ไม่รู้ว่าธุระจะเสร็จเมื่อไหร่ ผมขอตัวก่อน” ป้าเหมียวมองแผ่นหลังของปุริมแล้วส่ายหน้าเบาๆ เธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นเสียเท่าไหร่ ช่างมันเถอะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเสียดีกว่า ป้าเหมียวนั่งรอเงียบๆอยู่ที่ข้างนอกนั่น โดยเร็วจรินทร์เองก็มาถึงเช่นกัน แต่ห้องพักผู้ป่วยหลังกำแพงนี้ก็ยังคงเงียบอยู่ เพ็ญนีติ์ตื่นแล้ว เธอตื่นตั้งแต่ตอนที่เขาโดดลงจากเตียงแล้ว นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขามาทั้งคืน แล้วจู่ๆอกที่เธอแนบอิงดันมาหายไป เธอย่อมรู้สึกตัวตื่นอยู่แล้ว เขายุ่งมากเลยหรือ เมื่อคืนกลับมาก็ดึก แถมตอนเช้ายังออกไปเสียเช้ามาก และตอนเย็นก็ยังไม่แน่ใจอีกด้วยว่าจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกันหรือไม่ ฮ่าฮ่า แล้วทำไมต้องมายุ่งมากๆในวันที่เธอออกจากโรงพยาบาลด้วยนะ เธอไม่โกรธอะไรเป็นเด็กๆหรอก แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยในวันแบบนี้เขาควรจะมาอยู่เคียงข้างเธอสิ “ป้าเหมียวคะ สายขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณหญิงถึงยังไม่ตื่นกันคะ” “ไม่อย่างนั้นพวกเราเข้าไปดูกันสักหน่อยเถอะ” ป้าเหมียวเองก็สับสน คุณชายออกไปนานแล้ว แต่เพ็ญนีติ์ที่อยู่ในห้องพักนั้นกลับดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย ถึงแม้ว่าปุริมจะกำชับว่า ให้เพ็ญนีติ์นอนต่อ แต่เธอก็อดที่จะกังวลไม่ได้ จรินทร์พยักหน้า ค่อยๆเดินไปที่หน้าประตู ในตอนที่กำลังจะเปิดเข้าไป เสียงของเพ็ญนีติ์ก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังประตู “ฉันเช็ดตัวสักหน่อยก็เสร็จแล้ว พวกเธอไปทำเรื่องเถอะ จะได้ออกไปพร้อมกัน” น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่ง ไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดใด “รับทราบค่ะคุณหญิง” จรินทร์เปลี่ยนมาเรียกเธอว่าคุณหญิงแล้ว เธอขี้เกียจจะขัด เพราะทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกัน ยิ่งเธอพูดคงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ยืนมองตัวเองในกระจกในห้องน้ำ บนผิวมีรอยช้ำสีม่วงและสีแดงอยู่ประปราย เธอคิดไม่ถึงว่าปุริมจะทิ้งร่องรอยไว้บนตัวของเธอมากขนาดนี้ หน้าพลันแดงขึ้นมาเมื่อนึกถึงฉากเมื่อคืน บางทีแม้แต่เธอยังคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะยอมให้เขาขนาดนี้ หมอบอกไว้ ว่าบาดแผลตรงนี้จะไม่เกิดรอยแผลเป็น แต่ก็อาจจะเหลือรอยจางๆอยู่ หลายวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้เข้ามาใช้ฝักบัวอาบน้ำเลย เธอทำได้เพียงแค่เช็ดตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด เธออยากจะล้างร่องรอยของเขาบนตัวเธอออกไปให้หมด ไม่อยากให้หลงเหลือไว้แม้แต่นิด เขาออกไปตั้งแต่เช้า นึกถึงตอนที่ร่างของเขาค่อยๆจางหายไปจากห้องนี้ ความกังวลถาโถมเข้ามาในหัวใจ สลัดอย่างไรก็ไม่ออก ยื่นมือไปเปิดฝักบัว ปล่อยให้น้ำอุ่นไหลลงมาชำระตัว เมื่อคืนเขามอบความอบอุ่นให้เธอ แต่เมื่อตื่นขึ้นมา เขาก็จากไป ใจเจ็บปวดจนเริ่มสูญเสียความรู้สึก เธอรู้สึกว่าเขาเหมือนกับหมอกควัน ให้ตายเธอก็ไม่มีทางคว้าเขาไว้ได้ ไม่รู้ว่าอาบน้ำไปนานแค่ไหน เพียงเป็นไปอย่างช้าๆ สายน้ำทำให้ร่างกายและจิตใจของเธอเริ่มผ่อนคลาย เธอยอมแล้ว การที่เขาช่วยเธอไว้นั่นก็เป็นหลักฐานที่บอกว่าในใจของเขาเองก็มีเธอ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อมาช่วยชีวิตเธอ เป็นเธอเองที่โกรธเป็นเด็กๆ เพราะป่วยและอยู่ในโรงพยาบาล ทุกคนต่างตามใจเธอ จนเธอเริ่มนิสัยเสีย เขาคงยุ่งจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ห้ามให้ป้าเหมียวเข้ามารบกวนเธอหรอก ทำไมเธอถึงจดจำแต่เรื่องแย่ๆ แล้วหลงลืมเรื่องดีๆของเขากันนะ เมื่อรู้สึกแล้วว่าเป็นความผิดของตัวเอง ในใจก็เริ่มมีความสุขขึ้น เช็ดตัวจนแห้ง ตัวเธอในกระจกดูผอมกว่าเมื่อก่อนมาก ไปเถอะ อย่าทำให้ป้าเหมียวและจรินทร์ต้องกังวล เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับพวกเธอเลย เปลี่ยนมาใส่ชุดที่เตรียมไว้ ผมยาวที่ปล่อยคลอเคลียหลัง ลาดยาวราวกับน้ำตก เมื่อเปิดประตูออกไป ห้องพักได้ถูกจัดการไว้อย่างเรียบร้อย ในมือของจรินทร์และป้าเหมียวได้ถือของรอไว้แล้ว เหมือนว่ารอเพียงเธอออกมาก็จะไปได้เลย ฉีกยิ้มอ่อน “ไปกันเถอะ” “คุณหญิงจะนั่งรถเข็นไหมคะ” “ไม่ล่ะ ฟื้นตัวมากแล้ว แผลเองก็ตกสะเก็ดแล้ว แค่ออกจากโรงพยาบาลเอง ไม่จำเป็นต้องนั่งหรอก” “อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะค่ะ” จรินทร์ได้รับคำสั่งจากปุริม ดังนั้นก่อนหน้านี้เธอจึงถูกบังคับนั่งรถเข็นอยู่ตลอด ปุริมมีเหตุผลของเขา เขาต้องการให้เธอได้รับการดูแลอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนที่เอวของเธอ ก้าวออกมานอกห้องพัก บอดี้การ์ดสามคนได้มารอที่หน้าประตูอยู่แล้ว เธอหุบยิ้มทันที เหมือนมาคุ้มกันประธานาธิบดีเลย และเมื่อมองเห็นถุงยาในมือของบอดี้การ์ด คิ้วของเธอก็เริ่มขมวด “จรินทร์ ทำไมยาถึงเยอะขนาดนี้” เธอเอียนจะแย่ ตอนอยู่ในโรงพยาบาลก็ทานอยู่ตลอด แต่ออกมาแล้วก็ยังต้องทานต่อหรือ เมื่อเธอถาม จรินทร์ก้มหน้าลอบมองถุงยาที่อยู่ในมือของบอดี้การ์ด แล้วตอบกลับมาเบาๆ “ค่ะ คุณหมอบอกว่า เพราะศีรษะถูกกระทบกระแทก คุณหญิงเลยยังต้องทานยาต่อ เพราะคงไม่ดีหากเกิดอาการปวดหัวในภายหลังค่ะ” เป็นเช่นนั้นหรือ เธอหัวเราะ ก้าวเดินเข้าไปในลิฟต์ ตลอดทางเดินนั้น เธอไม่เห็นใครเลยนอกจากหมอและพยาบาล ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆกัน เมื่อคิดขึ้นได้ เพ็ญนีติ์ก็เริ่มตื่นตระหนก แต่ในความตื่นตระหนกนั้นก็มีความอบอุ่นสอดแทรกเข้ามาด้วย ทั้งหมดถูกปุริมตระเตรียมไว้แล้ว เพียงเพราะกลัวว่าเธอจะมีอันตราย เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ก็ใช้เส้นทางทางออกของเจ้าหน้าที่ รถจอดอยู่ที่ประตูทางออก นั่นคือBMWสีดำของปุริม เธอคิดว่าเธอตาฝาด แต่เมื่อมองป้ายรถ เธอก็มั่นใจว่านี่คือรถของเขาจริงๆ ถึงแม้เธอจะจำป้ายทะเบียนได้ไม่แม่น แต่คุ้นเคยดี เมื่อเห็นท่าทีสงสัยของเธอ จรินทร์จึงกล่าวว่า “รถได้รับการตรวจสภาพมาอย่างดีแล้วค่ะคุณหญิง จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบในอดีตแน่นอน” จรินทร์คงคิดว่าเธอกลัวจะเกิดอุบัติเหตุทางรถอีก เธอจึงยิ้มอ่อนๆ “ขอบคุณ” แต่มันไม่ใช่ รถคันนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขามารับเธอด้วยตัวเอง ดังนั้นความน้อยใจจึงได้หดหายไป เหลือเพียงแค่ความพออกพอใจ แต่เมื่อเธอขึ้นมานั่งที่ตำแหน่งเบาะหลัง ใจเธอก็สั่นอย่างห้ามไม่ได้ ฉากเลือดและความอันตรายย้อนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง ในช่วงเวลาคาบเส้นของความเป็นและความตาย โชคดีที่มีเขา เธอถึงรอดชีวิตมาได้ มองทิวทัศน์ข้างนอกกระจกรถอย่างเงียบๆ ช่างมัน ปล่อยให้เป็นไปตามที่เขากำหนดเถอะ... “ป้าเหมียว รถจะออกไปรับพวกเด็กๆตอนกี่โมงหรือคะ” ตื่นนอนหลังจากนอนกลางวันแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใด ช่วงนี้หลังจากที่ทานยาไปเธอมักจะมีอาการง่วงตลอด จนทำให้เธอหลับไปสองชั่วโมงเต็มๆ “ออกไปรับตอนสี่โมงค่ะ ใกล้แล้วค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมง” “แบบนั้นฉันออกไปเดินเล่นนะคะ บอกคนขับให้รอฉันด้วย ฉันอยากไปรับเด็กๆด้วย” อยากเซอร์ไพรส์อ้อยและส้มสักหน่อย เด็กน้อยที่แสนสำคัญทั้งสองของเธอ “คุณหญิงคะ คุณชายบอกว่า...” “บอกว่าอะไรหรือ” เธอยิ้มน้อยๆ เป็นคำสั่งไม่รู้จบของปุริมอีกแน่ ช่วงนี้เธอเริ่มคุ้นชินกับการเอาใจใส่ของชายคนนี้แล้ว “คุณชายไม่ให้คุณหญิงออกไปข้างนอกคนเดียวค่ะ หากคุณหญิงจะออกไปข้างนอกให้พาบอดี้การ์ดไปด้วย” ถือเป็นเรื่องปกติ แต่เธอไม่ชอบที่ต้องมีคนมาตามยามที่ออกไปข้างนอก มันเหมือนกับโดนละเมิดความเป็นส่วนตัวก็ไม่ปาน “ป้าเหมียว ฉันไม่ได้ไปไกลเลยค่ะ เดินเล่นแถวๆนี้แหละ ฉันพกโทรศัพท์ไปด้วย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะรีบโทรหาทันที แบบนี้ดีไหมคะ”
已经是最新一章了
加载中