บทที่ 190 แรงเยอะอะไรขนาดนี้   1/    
已经是第一章了
บทที่ 190 แรงเยอะอะไรขนาดนี้
บทที่ 190 แรงเยอะอะไรขนาดนี้ “เวรเอ๊ย จู่ๆก็แรงเยอะขึ้น” ชายคนหนึ่งใช้เท้าเตะเข้าที่ร่างของเธอ ขานั้นโดนเข้าที่เอวของเธออย่างจังๆ ตรงกับจุดที่เป็นแผลเต็มๆ ความเจ็บนั้นทำให้เหงื่อซึมทั่วใบหน้าของเธอ แต่เธอยังคงไม่ร้องออกมา ยังกล่าวกับปุริม “คุณคืนลูกของฉันมา คืนอ้อยกับส้มของฉันมา...” เธอยังตะโกนประโยคนี้ไปมาไม่หยุด น้ำเสียงมีความร้อนรนและสั่นเครือ ใบหน้าแดงก่ำ แต่เธอไม่รู้ตัวสักนิด “คุณปุริม เพ็ญนีติ์ แก...” พี่แดงไม่กล้ามอง อยากจะไถ่ถามเรื่องราวแต่ก็ถูกปุริมขัดขึ้นมาเสียก่อน “เอาเธอออกไป เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ก็ปิดhok clubไปซะ” น้ำเสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นมา แต่ละคำโจมตีกับใจของเพ็ญนีติ์ เธอเริ่มปวดหัวขึ้นมา ปวดไปทั้งหัวจนเธอเริ่มนึกคิดอะไรไม่ออก เธอไม่สามารถสู้แรงของการ์ดสองคนได้อยู่แล้ว ร่างถูกฉุกกระชากลากออกไปข้างนอกห้องส่วนตัวนั้นทันที แต่ปากของเธอยังตะโกนต่อไปไม่หยุด “ปุริม คุณคืนลูกของฉันมา คืนให้ฉันมา...” ไม่มีใครสนใจเธอ มีเพียงพี่แดงที่ส่ายหน้าห้ามปราม แต่ก็ลงมือปิดประตูห้องส่วนตัวนั้นให้ปุริม ชายหญิงคู่หนึ่งในห้องส่วนตัวคิดว่าเขาจะทำอะไรกันล่ะ... จู่ๆค่ำคืนนี้ก็มืดดับลง ไกลๆนั้น เสียงที่เจ็บปวดของหญิงสาวในคืนนี้ก็คงไร้หนทางจะสงบลงเช่นกัน มีใครไหมที่จะใจเต้นแรงและหนักอึ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ห่างไกลนี้ จะมีใครบ้างไหมที่จะรีบมาช่วยหญิงสาวที่โดดเดี่ยวและเจ็บปวดคนนี้ เพ็ญนีติ์ถูกลากมาจนถึงด้านนอกของhok club ลมเย็นพัดมากระทบร่าง ความเจ็บที่เอวแล่นขึ้นมา จนทำให้เธอหน้านิ่วคิ้วขมวด พี่แดงกล่าวกับการ์ดทั้งสองเสียงต่ำ “วางเธอลง ที่เหลือฉันจัดการเอง” การ์ดทั้งสองพยักหน้า จากไปอย่างเงียบๆทันที ไม่สนว่าจะเป็นใครมาจากไหน แต่อย่างไรก็ต้องไว้หน้าพี่แดง เธออยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่วันสองวัน เพ็ญนีติ์หายใจหอบ เธอใช้แรงไปกับการตะโกนและขัดขืนจนหมดแล้ว แต่ชายในห้องส่วนตัวคนนั้นกลับไม่มีท่าทีใจอ่อนแม้แต่น้อย ไม่สนด้วยซ้ำว่าเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร มือกุมที่เอว ทันใดนั้นก็รู้สึกระบมที่บาดแผล และยิ่งปวดมากขึ้น “เพ็ญนีติ์ แกไม่เป็นไรใช่ไหม” พี่แดงเมื่อเห็นเธอหน้านิ่ว ก็โน้มตัวลงมา แล้วกล่าวเสียงเรียบ “ที่นี่ก็มีกฎของที่นี่ ฉันเองก็จนปัญญาจะปกป้องเธอเหมือนกัน” เพ็ญนีติ์ไม่อาจทนอาการเจ็บปวดที่เอวได้ น้ำใสๆคลออยู่ที่สองตา “พี่แดง ฉันแค่ต้องการให้เขาคืนลูกของฉันมา แค่ขอร้องไห้เขาคืนมาเท่านั้น เด็กหายไปไหนก็ไม่รู้ เป็นเขาที่พาไป เป็นเขาทั้งนั้น...” ร้องไห้สะอึกสะอื้น โลกของเธอพังทลายแล้ว คนที่เคยโอบอุ้มเธอไว้ไม่รู้ตอนนี้เขาหายไปที่ไหนแล้ว “เพ็ญนีติ์ บางทีเขาอาจจะกำลังต่อสู้กับอะไรอยู่ก็ได้ แกอย่าลน รอดูพรุ่งนี้ว่าจะเกิดอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจดีกว่า” พี่แดงเอ่ยห้ามเสียงต่ำ เป็นความประทับใจของเธอ ที่เธอได้มารู้จักน้องสาวที่แสนดีคนนี้ เธอยังจำได้เสมอ จึงรีบวิ่งมาหาน้องสาวคนนี้ เธอไม่สามารถทิ้งขว้างเพ็ญนีติ์ไว้ตามข้างทางเช่นนี้ได้ คำพูดของพี่แดงเหมือนน้ำที่รดใจของเพ็ญนีติ์ บางทีพี่แดงอาจพูดถูก เธอมองพี่แดงอย่างเศร้าสร้อย “ฉันแค่ต้องการเด็กๆจริงๆ ลูกที่ฉันคลอดเอง เด็กน้อยทั้งสองที่แสนน่ารัก ฉันเลี้ยงด้วยตัวเองมาหกปี แต่จู่ๆเขาก็... จู่ๆก็มาขโมยจากฉันไปแบบนี้ก็ได้หรือ” ความรู้สึกเจ็บใจยับยั้งความเจ็บปวดที่เอวไปจนสิ้น สายตาพร่ามัวกวาดมองhok club เพ็ญนีติ์เกลียด เกลียดที่ตัวเองไร้กำลัง จนถูกคนบัดซบอย่างปุริมแย่งเด็กทั้งสองไป พี่แดงดึงแขนของเธอ “ลุกขึ้นมา พื้นมันเย็น เป็นผู้หญิงต้องรู้จักรักตัวเอง อย่าปล่อยให้ป่วย” หนึ่งมือยันพื้น แต่เธอเจ็บที่เอวจนไม่กล้าขยับ พยายามใช้แรงกับใจที่บอบช้ำนี้ เหงื่อซึมไปทั่วใบหน้า เธอร้อนรน “เพ็ญนีติ์ เจ็บที่ตรงไหน” เธอหัวเราะอย่างขมขื่น “ฉันเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาวันนี้ ที่เอวยังมีแผลผ่าตัดอยู่เลย” “หะ เกิดอะไรขึ้น” “อุบัติเหตุทางรถ” เธอกล่าวเสียงแผ่ว ดวงตาสั่นไหวเพื่อพูดถึงเหตุการณ์ตอนนั้น เพราะมันทำให้เธออดคิดถึงปุริมไม่ได้ เขาช่วยชีวิตเธอ เขาช่วยเธอไว้ แต่ตอนนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมเขาถึงเย็นชาใส่เธอกัน ผู้ชายที่แสนอบอุ่นของเธอคนนั้นหายไปไหนแล้ว ความเด็ดเดี่ยวความโหดร้ายของเขาทำให้เธอตกใจและตื่นกลัว ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ เพียงแค่คืนเดียว เขาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรือ พี่แดงโอบร่างของเธอไว้ เพ็ญนีติ์ผ่อนคลายก่อนจะโอบพี่แดงแล้วลุกขึ้นยืน เธอรู้ว่าพี่แดงนั้นยังคงใส่ใจและคอยดูเธออยู่เสมอ แต่ไม่ว่าอย่างไรพี่แดงก็ยอมให้เธอเข้าไปในhok clubไม่ได้ ที่นี่มีกฎตายตัว เธอเองก็รู้ดี มือสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบมือถือที่ยังคงสั่นอยู่ตลอดขึ้นมา เธอโทรกลับหาป้าเหมียว ป้าเหมียวคนดี ป้าเหมียวเองก็ร้อนรนที่จะอยากรู้ว่าตอนนี้เด็กๆเป็นเช่นไรเหมือนกันกับเธอ แต่เธอคงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้านายของเธอเองที่เป็นคนพาเด็กๆไป นี่คือเบอร์โทรของวิลล่า เพ็ญนีติ์คิดไว้ว่าอาจจะต้องรอสักหน่อยกว่าจะมีคนรับ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรับสายทันทีที่โทรไป เป็นป้าเหมียวที่รับสาย หญิงชราคงประจำอยู่ตรงนั้น “คุณหญิง คุณใช่ไหมคะ คุณทั้งไม่รับสาย ส่งข้อความก็ไม่ตอบ คุณหญิงอยู่ที่ไหนหรือคะ คุณชายกับเด็กๆยังไม่กลับมาเลยค่ะ ทุกคนที่ออกไปตามหา ไปจนทั่วเมืองดรัลแล้วก็ไม่เจอแม้แต่เงาเลยค่ะ” น้ำเสียงฟังดูร้อนรน ไม่คิดว่าปุริมจะไม่สนใจเลยว่ามีคนกำลังตามหาเขาอยู่มากมาย ไม่แม้แต่จะโทรกลับไปบอกสักคำ หายใจเข้าลึกๆ แล้วเพ็ญนีติ์ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ป้าเหมียว ให้ทุกคนพักผ่อนเถอะ ฉันหาพวกเขาเจอแล้ว” “อะไรนะคะ คุณชายอยู่ที่ไหนคะ” ขบริมฝีปากเพื่ออดกลั้นเสียงหัวเราะไว้ ป้าเหมียวเป็นคนดีมากจริงๆ ต้องไม่มีทางคิดว่าปุริมจะมากระทำหยาบช้าเช่นนี้แน่นอน เช่นนั้นปล่อยให้ทุกคนได้พักผ่อนเสียดีกว่า ถึงเธอพูดไปก็ทำอะไรไม่ได้ เธอทำอะไรปุริมไม่ได้ ชายคนนั้นต้องการขโมยอ้อยและส้มไปจากเธอ “ป้าเหมียว เขาอยู่ข้างๆฉันค่ะ” “เช่นนั้นให้ท่านรับสายหน่อยค่ะ” ป้าเหมียวกล่าวอย่างไม่ได้นึกคิด “ฮะฮะ เขาเมาแล้วค่ะ พิงฉันหลับไปแล้ว” ที่ต้องโกหกเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้คนที่วิลล่าต้องมาวิ่งเต้นตามหาเด็กๆแทนเธอและเขา หากปุริมไม่อยาก ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางหาอ้อยและส้มเจอ เธอเองก็ด้วย “คุณหญิง เป็นเช่นนั้นฉันก็สบายใจค่ะ คุณต้องดูแลท่านดีดีนะคะ ท่านดื่มเหล้ามากไม่ได้ หากตรงนั้นมีชาแก้อาการเมาค้างก็ให้ท่านทานสักหน่อยนะคะ ใช่แล้ว เด็กๆล่ะคะ ขอฉันได้ยินเสียงของพวกเธอหน่อยได้ไหมคะ เช่นนั้นฉันถึงจะนอนหลับอย่างสบายใจ” “ป้าเหมียว เด็กๆหลับแล้วค่ะ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะคะ” “ก็ได้ค่ะ เช่นนั้นฉัน และคนอื่นๆขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ตอนที่กลับมาก็กดกริ่งด้วยนะคะ ฉันจะได้ตื่นขึ้นมาอุ่นอาหารให้ แน่นอนว่าอาจจะทานมาจากข้างนอกแล้ว แต่อาหารข้างนอกจะทำให้อิ่มได้อย่างไรล่ะคะ...” เหมือนป้าเหมียวต้องการจะพูดต่อ แต่เพ็ญนีติ์ยืนไม่ไหวแล้ว เธอรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกจากร่าง เจ็บมาก เจ็บมากๆ “ป้าเหมียว ฉันต้องไปดูแลพวกเขาแล้ว ฝันดีค่ะ” ไม่รอให้ป้าเหมียวตอบกลับ เพ็ญนีติ์รีบตัดสายทันที ไม่รู้ทำไม ตอนนี้นอกจากความเจ็บที่เอว เธอยังรู้สึกเจ็บที่ใจขึ้นมาด้วย เธอมองไฟถนนและไฟหน้ารถที่อยู่ข้างหน้าด้วยความสับสน ทำไมโลกป่วยๆนี่ถึงได้มอบแต่ความเจ็บปวดให้แก่เธอกัน เธอไม่เข้าใจ เธอคิดอะไรไม่ออกจริงๆ พี่แดงโบกมือเรียกรถแท็กซี่มาหนึ่งคัน “เพ็ญนีติ์ นี่ก็ดึกมากแล้ว แกกลับไปก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยมาคุยกันใหม่ในวันพรุ่งนี้นะ” เพ็ญนีติ์ขึ้นนั่งบนรถแท็กซี่ และโบกมือให้กับพี่แดง “ขอบคุณนะ” คนขับออกรถไปโดยไม่ได้บอกกล่าว “คุณผู้หญิงจะไปที่ไหนครับ” สายตาของเธอจ้องเขม็งไปข้างหน้า ชุดหงส์นี้เป็นที่ดึงดูดสายตามาก เมื่อได้สติขึ้นมา เธอก็ชี้ไปข้างหน้า “เลี้ยวแล้วจอดตรงหน้านั้นเลยค่ะ” “คุณผู้หญิง ใกล้ขนาดนี้คุณเดินมาก็ได้ มันไม่คุ้มกันเลย” คนขับโมโห พูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ที่มาถนนเส้นนี้เพื่อที่จะหาลูกค้ากระเป๋าหนัก แต่ขึ้นรถมาเพียงหนึ่งนาทีลูกค้าคนนี้ก็ขอลงเสียแล้ว “ขอโทษด้วยค่ะ” เธอกล่าวเสียงเบา แค่อยากจะกลับไปที่hok clubให้เราที่สุดก็แค่นั้น เธอจะรอเขาออกมา เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าลูกของเธออยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นเธอต้องเป็นบ้าแน่ๆ เมื่อจ่ายเงินแล้ว เพ็ญนีติ์ก็เดินกะโผลกกะเผลกกลับไปทางเดิน นั่งรถมาหนึ่งนาที แต่ตอนเดินกลับกินเวลาไปมาก แต่เพราะกลัวว่าปุริมจะไปเสียก่อน ดังนั้นเธอจึงกัดฟันวิ่งไป ลานจอดรถของhok club เพ็ญนีติ์กวาดตามองไปรอบๆ รถของเขาใช้มารับเธอออกจากโรงพยาบาล ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาใช้รถคันไหน ทำได้แค่ตามหาตามความรู้สึกเท่านั้น ทันใดนั้นเธอเห็นรถเต่าคันหนึ่ง มันเหมือนกับคันของเธอ นั่นคงเป็นรถของนารา มองหาที่หลบซ่อน เพื่อรอปุริมออกมา เมื่อนึกถึงเสื้อผ้าที่ยังถอดไม่เสร็จของพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะไม่รีบร้อนออกมาขนาดนั้น หลับตาพักผ่อน เธอต้องการพักฟื้นตัว และคิดว่าหากปุริมและนาราออกมาพร้อมกัน เธอจะเจรจาขอเด็กๆคืนจากเขาอย่างไรดี ถึงตาจะหลับ แต่หูของเธอยังคงฟังเสียงรอฟังเสียงขยับจากรอบๆ แม้ว่าจะเงียบ แต่มันก็สร้างความกังวลให้แก่เธอเช่นกัน เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่ารอมานานเท่าไหร่แล้ว แต่ก็นานจนเธอที่พิงรถคันหนึ่งอยู่เริ่มง่วง แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและแผ่วเบาของคนสองคนดังขึ้นในลานจอดรถแห่งนี้ แต่ว่ามาจากทางเดียวกัน เสียงนั้นดังฟังชัดในค่ำคืนที่เงียบสงัดเช่นนี้ เพ็ญนีติ์ที่ถูกรบกวนจึงลืมตาตื่นทันที
已经是最新一章了
加载中