บทที่ 192 ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย
1/
บทที่ 192 ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 192 ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย
บทที่ 192 ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย นภนต์ตอบรับกลับมา แต่ว่าในน้ำเสียงนั้นดูหมดหวังไม่ได้อยากจะตามหาปุริมอีกต่อไปแล้ว ปฏิกิริยาแบบนี้ ยิ่งทำให้เพ็ญนีติ์ปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรได้บางอย่าง “นภนต์ นายรู้ทุกเรื่องแล้ว ใช่หรือไม่?” “เพ็ญนีติ์ ให้ฉันไปรับเธอเถอะ แล้วฉันจะบอกทั้งหมดให้เธอฟัง” ใจเต้น “ตุ๊บตุ๊บ” “ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังไปที่บ้านของนาย นภนต์ นายห้ามไปไหนเด็ดขาด รอฉันอยู่ที่บ้านนั่นแหละ” ดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรที่ปิดบังได้อีกต่อไปแล้ว ไม่เช่นนั้น นภนต์จะบอกเธอแบบนั้นทำไมกัน “ตู้ด” เสียงตัดสาย “พี่คะ รบกวนขับเร็วกว่านี้หน่อยค่ะ” เช้าตรู่ขนาดนี้ บนท้องถนนไม่มีรถเลยจริงๆ ขับเร็วสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกมั่ง ตอนนี้เธอโกรธจนแทบอยากให้ถึงบ้านของนภนต์เอาตอนนี้เลย “คุณขับเร็วเดี๋ยวโดนปรับได้นะครับ แต่ถ้าตรงไหนไม่มีกล้องตรวจจับเดี๋ยวจะเร่งให้นะครับ” “ขอบคุณนะ” ก็ต้องตามนั้นแหละ ต่อให้เธอจะรีบยังไงก็แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแค่สับสนกระวนกระวายอยู่ในใจแบบนี้ เกิดเรื่องแล้วจริงๆ แล้วสรุปมันคือเรื่องอะไรกันแน่นะ? ง่วงนอนอยู่บนรถ เธอที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน จนเริ่มส่งผลถึงเส้นเลือดในตาทำให้ตาแดงออกมา มองออกไปดูวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็เริ่มไม่ชัดเท่าไหร่แล้ว เธอรู้สึกว่าเริ่มที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ในใจมันสับสนมันเหนื่อยหล้ามากเหลือเกิน แต่พอกลับมาคิดถึงเด็กๆอีกครั้ง นึกถึงประโยคที่ป้าเหมียวกำชับไว้เป็นพิเศษที่ว่า คุณผู้ชายบอกว่า ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ จะต้องทานยาจนครบ ประโยคนั้น ความมีชีวิตชีวากระปี้กระเป๋านั้นก็กลับมาทันที ในที่สุดรถก็ไปจอดอยู่ที่หน้าบ้านนภนต์ ที่นี่เป็นที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าตั้งแต่สมัยเรียนมาที่นี่แล้วไม่รู้กี่ครั้งแล้ว กำลังคิดว่าจะเข้าบ้านยังไงดี กลับมองเห็นนภนต์ยืนพิงอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ เสื้อเชิ้ตสีขาวบวกกลับกางเกงอยู่บ้านสบายๆ บนสันจมูกคมๆนั้นมีแว่นตาสวมทับอยู่ ราวกับเขานั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย แต่บุหรี่ที่คีบอยู่ในมือนั้นกลับบอกให้รู้ได้อย่างชัดเจนว่ามีเรื่องอะไรในใจ เขามีเรื่องในใจ และเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เธอเดินเข้าไปเบาๆ ยื่นมือไปหยิบบุหรี่ในมือเขาออก “นภนต์ เลิกสูบได้แล้ว มันเกิดอะไรขึ้น นายรีบบอกฉันมาสิ” ชายหนุ่มหันกลับมา กลิ่นบุหรี่ยังคงคลุ้งเข้มเต็มตัว ชัดเจนเลยว่า บุหรี่มวลนี้ไม่ใช่มวลแรกแน่ๆ ก่อนหน้านี้เขาก็สูบมาตลอด “เพ็ญนีติ์ เธอมาแล้วหรอ?” รอยยิ้มของเขาดูอบอุ่น เหมือนปกติทั่วไป แต่ว่าเคราที่อยู่เหนือคางยังดูเป็นระเบียบดี บงบอกว่าเมื่อคืนนี้เขายังไม่ได้นอน มือเขาจับไปที่มือของเธอ “ตามฉันมา” เขาเดินนำหน้าเธอ ร่างสูงโปร่งของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เดินไปพลางเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ : “เด็กๆไม่เป็นอะไรหรอก เธอวางใจได้” “พวกเด็กๆอยู่ที่ไหนหรอ?” “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็นอะไร ก็ต้องไม่เป็นอะไรสิ” น้ำเสียงของนภนต์เริ่มขึ้นเสียงขึ้นมานิดหน่อย เป็นน้ำเสียงที่เธอเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยขึ้นเสียงแบบนี้ใส่เธอมาก่อน เห็นได้ชัดเจนว่า นภนต์กำลังกลุ้มใจมากๆ “แล้วนายล่ะ? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนายใช่ไม่ใช่?” จับมือเธอจูงไปนั่งที่โต๊ะยาวในสวน ส่วนเธอนะหรอทนรอไม่ไหว ก็ได้เอ่ยถามเขาขึ้นตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องแล้ว ข้างบนโต๊ะยาวมีเครือของต้นองุ่นที่แห้งเหี่ยว ช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ เวลานี้ที่นี่นั้นช่างไม่สวยเลย เธอนั่งมองเขาอย่างเงียบๆ รอให้เขาบอกความจริงทั้งหมดกับตัวเอง ริมฝีปากขยับเอ่ย นภนต์ให้มือดันไปที่แว่นตาที่อยู่เหนือจมูก “เพ็ญนีติ์ บริษัททัดธนกรุ๊ปมีปัญหาแล้ว” “ห่ะ....” เขาตกใจ มัวแต่ตามหาอ้อยและส้มอยู่ทั้งวัน เธอจึงไม่ได้ดูข่าวอะไรเลย ดังนั้นจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย “เกิดอะไรขึ้นหรอ?” “หุ้นของบริษัทบริษัททัดธนกรุ๊ปถูกปุริมนำไปจำหมดแล้ว ตอนนี้ ไม่รู้ว่าไปตกอยู่ในมือของใคร แน่นอนว่าคงปล่อยให้คนนอกหมดแล้ว” เพ็ญนีติ์ตกใจ “เอาไปจำเท่าไหร่หรอ?” เธอไม่รู้อะไรเลยจริงๆ “หุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือเขาก็น่าจะเอาไปจำทั้งหมด” “เขามีปัญหาเรื่องเงินหรอ?” “อันนี้....” นภนต์กระแอ้มออกมา เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องที่บอบบางยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะเอ่ยต่อไป “เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว นายยังมีอะไรที่ต้องปิดบังฉันอีกหรอ นายรีบบอกฉันมาเถอะ” เธอขู่เสียงต่ำ อยากจะกระโดดเข้าไปในสมองของเขาเพื่อให้รู้ทุกอย่างในนั้นจริงๆ “ถ้าฉันเล่าให้ฟังแล้ว เธอต้องรับปากกับฉันนะว่าจะไม่โกรธ” นภนต์กุมมือเธอเบาๆ สายตาคู่นั้นมองเธอด้วยความกังวลใจ “พูดมาเถอะ ฉันรับปากนายว่าฉันจะไม่โกรธ” เรื่องราวมากมายเธอยังผ่านมาได้ ยังมีเรื่องอะไรที่ยากที่เธอจะผ่านได้อีกหรอ? จริงๆแล้ว ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจเท่าตามหาอ้อยและส้มไม่พบอีกแล้ว “เพราะเพ็ญภัทร์ขอยืมเงินเขา” นภนต์พยายามควบคุมน้ำเสียงจนต่ำสุด เหมือนกับกลัวว่าเธอจะได้ยินอย่างไรอย่างนั้น ทันใดนั้นเพ็ญนีติ์นึกถึงเช้าวันที่เธอตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลวันนั้น ปุริมได้ถูกเพ็ญภัทรเรียกให้ออกไปคุยอะไรกันข้างนอก พอตอนกลับมา เขาเป็นคนเอ่ยปากกับเธอเองว่า เพ็ญภัทร์มีเรื่องอยากให้เขาช่วยอะไรสักหน่อย ตอนนั้น เธอไม่ได้เอะใจถามอะไรมาก ดูออกว่า วันนั้นเพ็ญภัทร์ขอยืมเงินเขา แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเงินที่จำนวนมากขนาดนี้ นั้นไม่ใช่เงินล้านที่จำนวนน้อยๆนะ แต่เป็นหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เอาไปจำของบริษัททัดธนกรุ๊ปเชียวนะ นั่นร้อยกว่าล้านเลยนะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยจริงๆ เงินมากถึงขนาดนี้ เธอก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่า ปุริมจะตอบตกลงโดยไม่ผ่านการพิจารณาใดๆก่อน แต่ว่าตอนนี้ เธอเองก็ไม่สามารถจะถามอะไรเขาได้อีกต่อไปแล้ว “แล้วทำไมเขาจึงต้องให้ด้วย?” “เขาจำนำเพียงแค่ครึ่งเดือน แต่ตอนนี้ครบกำหนดแล้ว กลับไม่พบคนตระกูลกรธัชเลย เงินก็ไม่ได้คืนให้เขาแม้แต่แดงเดียว” ใช่แล้ว เย็นวันนี้เธอเองก็ไปหาเพ็ญภัทร์ แต่ว่าบ้านตระกูลกรธัช แต่ลูกบิดประตูดำมันเงาราวกับไม่มีใครอยู่ เธอจึงลองไปเขย่าๆดู เธอบ่นพึมพรำเบาๆ : “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้กัน?” “เพ็ญนีติ์ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? นภนติ์รีบยื่นมือไปโอบรอบเอวเธอไว้ สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก ทำให้เขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เธอส่ายหัวเบาๆ “ฉันไม่เป็นอะไร แค่เมื่อคืนไม่ได้นอนเอง นภนติ์ นายรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วใช่ไหม ?” เพราะอย่างนี้เมื่อวานเขาจึงโทรหาเธอตามหาปุริม “ใช่” “แล้วในมือเขาไม่มีสินทรัพย์อื่นที่สามารถเอามาผ่อนแก้ขัดก่อนหรอ?” “ฉันถามเขาแล้ว ตอนนี้เขามีกิจการลงหุ้นกับต่างประเทศอยู่ร้อยกว่าล้าน ดังนั้น ภายในเวลาที่รีบเร่งแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาเงิน....” “งั้นความหมายของนายตอนนี้คือ บริษัททัดธนกรุ๊ปกำลังจะล้มละลายอย่างงั้นหรอ?” “แต่ก็ยังมีลู่ทางอยู่บ้าง เพียงให้ฝั่งตรงข้ามเอาหุ้นออกมาขาย แล้วให้ปุริมไปกว้านซื้อมาให้หมดยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี แบบนี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว” “เหอะๆ ฉันเข้าใจแล้ว แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีเงินที่จะซื้อกลับมา” เธอลุกขึ้นอย่างโซเซ “นภนต์ ฉันไปก่อนนะ” เมื่อรู้ทุกอย่างแล้ว เธอกลับยิ่งนั่งอยู่เฉยๆไม่ติด ยังจำคำที่ปู่ยิ้มและบอกเธอว่า ปุริมคนนี้จริงๆแล้วเป็นเด็กดี ถ้าเกิดว่าหาภรรยาที่ดีได้ก็จะได้ดีไปตลอดชีวิต ถ้าเกิดว่าแต่งผิดคนไป ชาตินี้คงไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้เลย ตอนนั้น คุณปู่รู้แล้วว่าเพ็ญนีติ์คิดยังไงกับปุริม “เพ็ญนีติ์ เธออยากจะช่วยเขาใช่หรือไม่?” นภนต์ที่อยู่ด้านหลัง ตะโกนถามขึ้นรั้งเธอไว้ “เหอะๆ ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ไปก่อนล่ะ” เธอมองไปรอบๆสวนด้วยความเศร้าสลดใจ การที่ปุริมให้เธอออกจากบ้านเขานั้นมันถูกต้องแล้ว เขาไม่อยากให้เธอต้องตกมาอยู่ในสภาวการณ์แบบนี้ด้วย “เพ็ญนีติ? ถ้าเธออยากจะช่วยจริงๆ งั้นฉันจะช่วยเขา” นภนต์เอ่ยขึ้น แต่น้ำเสียงกลับแผ่วเบา ราวกับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่อย่างไงอย่างงั้น เขาทำเพื่อเธอ เพียงใครให้เธออารมณ์ดีขึ้น ให้เธอมีความสุข ทันใดนั้นเอง เธอน้ำตาคลอ นึกว่าเขาจะหมดใจกับตัวเองแล้ว เวลานี้พึ่งจะรู้ว่าเขาคอยผลักดันตนเองให้กับสมหวังปุริมมาตลอด ที่แท้ รัก นั้นไม่ใช่การครอบครอง แต่เป็นการปล่อยมือ ให้คนที่อยู่ในใจคนนั้นมีความสุขในทุกๆวันคืน.... บรรยากาศตอนเช้าในสวน เพ็ญนีติ์มองดูชายหนุ่มที่ถูกแสงอรุณบดบังไว้อย่างเงียบๆ ผิวที่ขาวของเขา ทำให้เธอนึกถึงเทวดาบนสวรรค์ “นภนต์ นายเป็นเทวดาไหม?” เขาส่ายหัว จิตใจดูไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ “เธอต่างหากที่เป็น” จากนั้นใช้แรงเตะไปที่ก้อนหินก้อนเล็กๆที่อยู่ทางด้านเก้าอี้ไม้ข้างหน้า ก้อนหินที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ราวกับว่าจงใจให้ถูกวางไว้รอให้เขามาเตะอยู่ตรงนี้ คำพูดของเขาทำให้เธอยิ้มออกมา เธอไม่ใช่นางฟ้า เพราะเธอทำให้นภนต์ไม่มีความสุข “นภนท์ เงินมากมายขนาดนี้ นายแน่ใจหรอว่านายมีพอ?” อีกอย่าง ต่อให้เขามีจริงๆก็เถอะ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้ปุริมยืม ใครปลูกเหตุอะไรไว้ คนนั้นก็ควรรับผลกรรมนั้นเองสิ เพราะว่าพวกเขาก็โตๆกันแล้ว นภนต์เม้มปาก นิ่งไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น : “ฉันสามารถหามาได้ แต่ว่า ต้องให้เวลากับฉันสักหน่อย” “ไม่ต้องหรอก อีกอย่างฉันกับปุริมก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” เธอรีบปฏิเสธการตัดสินใจของเขาโดยทันใด “แต่ว่าในตอนแรกตระกูลศาสตร์พงษ์…” “เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว อีกอย่างนายก็คืนเงินเขาไปแล้วไม่ใช่หรอ? และตอนนั้นเงินที่เขาให้นายยืมก็ไม่กี่สิบล้านเองไม่ใช่หรอ แต่ตอนนี้มันมากกว่าร้อยล้านเลยด้วยซ้ำ นภนต์ เรื่องของปุริมมันไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลย” “ได้” กัดฟัน นภนต์ถือว่ารับปากเธอแล้ว “นภนต์ นายบอกฉันมาได้ไหมว่าพวกเด็กๆอยู่ที่ไหน?” เงินที่นภนต์ติดหนี้ก็จำต้องเป็นเขาที่ไปจัดการให้ เธอช่วยไม่ไหว แต่ว่าเรื่องเด็กๆ เธอจำเป็นต้องเข้ามายุ่งด้วย นภนต์สยายมือออก “เพ็ญนีต์ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเด็กอยู่ที่ไหน” “แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าพวกเด็กๆไม่เป็นไร?” เธอถามขึ้นอย่างประหลาดใจ แต่เมื่อสักครู่นี้เขาบอกกับเธออย่างนั้นจริงๆ “อ่า ปุริมเขาเป็นคนรับปากกับฉันเอง” เป็นเขาอีกแล้ว แต่ว่าเขาไม่ยอมให้เธอพบกับพวกเด็กๆ “งั้นฉันกลับก่อนนะ” เขาเอ่ยจบ ก็กลับหลังกันเดินจากไป แม้ว่าจะไม่ยอมกลับไปยังบ้านหลังเดิมเพราะกลัวว่าภาพในอดีตจะยิ่งทำให้ปวดใจ แต่ตอนนี้ก็จำเป็นต้องกลับรอเด็กๆอยู่ที่นั้น แต่มือเธอนั้นกลับสั่นเหลือเกิน “เพ็ญนีติ์ อยู่ที่นี่ก่อนเถอะ” นภนต์รั้งเธอไว้ “ไม่แล้วล่ะ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันอยากกลับไปรอเด็กๆ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่แห้งเบาน้ำตาในตานั้นแห้งเหือดไปนานแล้ว “เพ็ญนีต์ อย่ากลับไปเลย” เขากุมมือเธอแน่นไม่ปล่อย เสียงนั้นทำให้คิ้วเธอขมวดเข้าหากัน “ปล่อยมือ” “ไม่ปล่อย ขึ้นไปข้างบนกับฉัน” นภนต์เอ่ยพร้อมลากเธอขึ้นไปข้างบน ไม่อยากให้เธอไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “เว้ย นายทำแบบนี้นี่มันบังคับกันชัดๆ” “ข้างนอกไม่ปลอดภัย” เขาเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง น้ำเสียง... ทันใดนั้น เพ็ญนีติ์กลับนึกถึงตอนที่ตัวเองออกจากโรงพยาบาลวันนั้น ปุริมก็สั่งให้บดิการ์ด มาตามติดเธอเหมือนกัน ตอนนั้นก็ไม่รู้เลยว่าอาจจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 192 ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A