บทที่ 193 ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ
1/
บทที่ 193 ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 193 ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ
บทที่ 193 ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ แต่ว่าตอนนี้ เขาไม่มีเวลามาสนใจเธอแล้ว “นภนต์ ถ้านายบอกฉันมาว่าเด็กๆอยู่ที่ไหน ฉันจะยอมอยู่ที่นี่” รู้สึกได้ว่านภนต์จะต้องรู้เรื่องนี้แน่ “เฮ้อ...” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ “เพ็ญนีต์ที่ฉันพูดได้ฉันก็พูดไปหมดแล้ว ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฉันล่ะ?” “นภนต์ ฉันรู้ตัวฉันดี อ้อยและส้มออกไปหาปุริมตั้งแต่คืนวันที่29 ตอนนี้ก็ผ่านไปหนึ่งคืนแล้วที่ไม่ได้อยู่กับฉัน ตั้งแต่เด็กจนโต พวกเราไม่เคยห่างจากอกฉันเลย นภนต์ ฉันไม่สบายใจจริงๆ” ด้วยความหวังว่านภนต์จะบอกเรื่องที่เขารู้กับตน แต่กลับไม่ใช่ เขาจับมือของเธอและจูงเข้าไปในบ้าน จะพูดยังไงเขาก็ไม่ยอมเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เธอใช้แรงสลัดมือออก “นภนต์ นี่นายจะทำอะไรน่ะ?” “เพ็ญนีติ์ บ้านฉันที่นี่มีคนอยู่เยอะ จะปลอดภัยกว่า อีกอย่าง ถ้าฉันได้ข่าวอะไร ฉันจะได้บอกเธอเป็นคนแรกเลยไง” “โทรศัพท์ก็มีไม่ใช่หรอ?” เริ่มรู้สึกว่าการที่เขารั้งเธอไว้ให้อยู่ที่นี่มันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ใจเริ่มเต้น “ตุ๊บๆ” “นภนต์ นายกับปุริมมีข้อต่อรองอะไรกันใช่ไหม?” “เพ็ณนีติ์...” เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ ในที่สุดมือของชายหนุ่มก็ยอมปล่อยจากมือหญิงสาว ในแววตาเต็มไปด้วยร่องรอยของความบอบช้ำ แม้ว่าจะเป็นเสี่ยงนิ่งๆ แต่กลับทำให้เพ็ญนีติ์สัมผัสรู้ได้ “ขอโทษ” เธอมองหน้าเขาอย่างมึนงง แม้ว่าวินาทีนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือจะไปดีก็ตาม มองเห็นมือเธอที่จับชายเสื้อแน่น บวกกับแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล นภนต์ ยื่นมือไปคว้าเอวเธอเข้ามากอดไว้แนบอกทันใด โอบเธออย่างแนบแน่น ไออุ่นจากลมหายใจถี่แรงลดลงไปที่หน้าผากของเธอ เขาตัวสูงมาก กลิ่นอายความเป็นผู้ชายในตัวเขาทำให้เธอสับสนวุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกันก็มอบความรู้สึกปลอดภัยมาด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มคนนี้มักจะมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกครั้งที่เธอกำลังต้องการใครสักคน เธออยากจะผลักออก แต่ตอนนี้กายเธอนั้นโรยแรงยิ่งนัก เหมือเขากำลังบนอะไรพึมพำ งึมงำอะไรสักอย่างเธอเองก็ฟังไม่ชัดเจน รู้สึกแค่ว่าตอนนี้ใจเต้นว้าวุ่นเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเวลาหยุดเดินนิ่งสงบลง ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าที่ผ่านมาเขาจะเคยพูดอะไรไว้ แต่ครั้งนี้เป็นการกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัวที่สุดแล้ว ผ่านไปนาน เพ็ญนีต์รู้สึกว่าตัวเองถูกโอบแน่นไปจนเริ่มหายใจลำบาก เขาจึงค่อยๆคลายมือที่จับมือเธออยู่ จากนั้นใช้มือทั้งสองของเขาประคองหน้าเธอขึ้น “เพ็ญนี้ติ์ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตามแต่ ให้โทรศัพท์หาฉัน เข้าใจไหม?” “อืม” เธอพยักหน้ารัวๆ อย่างเข้าใจ จนในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยมือ “ไปเถอะ” เขาค่อยๆปล่อยมือออกจากแก้มเธอ จากนั้นอาศัยจังหวะที่เธอยังไม่หันหลังกลับ เขากลับหลังไปก่อน เหลือไว้แค่แผ่นหลัง.ราวกับว่า ยังคงมีความหวัง “นภนต์...” เธอรู้สึกเสียใจ สุดท้ายก็เป็นเธอที่ทำร้ายความรู้สึกเขาอีกครั้ง “ไปเถอะ รีบไปเถอะ ฉันให้เวลาเธอแค่หนึ่งนาที รีบออกจากสวนนี้ไป ถ้าหลังจากหนึ่งนาทีนี้ไปแล้ว ฉันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเอ่ยออกมา ทำให้เธอใจสั่นแปลกๆ และสุดท้ายจึงกลับหลังหันก้าวเท้าเดินออกมา พระอาทิตย์ในเมืองดรัลค่อยๆจะตื่นขึ้นมาโผล่พ้นขอบฟ้า คนบนถนนก็ค่อยๆมีเพิ่มมากขึ้น เพ็ญนีติ์มุ่งหน้าเดินไปทางที่จะกลับบ้านเธอ เธอไม่ยอมนั่งรถ อยากจะเดินไปแบบนี้เรื่อยๆ บางที ถามไปเรื่อยอาจจะได้เบาะแสของเด็กๆก็เป็นได้? คิดแบบนั้นจริงๆ อยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ “ฉันเอาหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง” ที่แผงขายหนังสือพิมพ์ตรงหน้ามีชายคนหนึ่ง ถือเงินมาซื้อหนังสือพิมพ์ พ่อค้าแผงรับเงินมาพร้อมยื่นหนังสือพิมพ์ให้เขาไป “ลุงกรวันนี้บริษัททัดธนกรุ๊ป ขึ้นหน้าหนึ่งอีกแล้ว” “ฉัดคิดว่าเป็นอย่างนั้น อ่อ นี่เดือนที่แล้วลุงพึ่งซื้อหุ้นของบริษัทบริษัททัดธนกรุ๊ปมาเอง ตอนนี้ขาดทุนย่อยยับแล้วนิ ขายออกไปก็ขาดทุน ถ้าไม่ขายก็ต้องเก็บไว้ก่อนสิ” “ธุรกิจของบริษัททัดธนกรุ๊ป ดีมาตลอด ครั้งนี้ไม่รู้ว่าบริหารจัดการกันยังไงกัน” “ได้ยินข่าวว่าขาดทุนเสียเปล่านิ ประธานบริษัททัดธนกรุ๊ปเอาหุ้นทั้งหมดไปจำ” “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ?” “เขาพนันกลับมาไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องเอาออกมาปล่อย” เพ็ญนีติ์รุดเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าแผงขายหนังสือพิมพ์ “ฉันเอาฉบับหนึ่ง” เธอรีบไปซื้อมาฉบับหนึ่ง จากนั้นย่อตัวลงอ่านอยู่ที่ข้างทาง หน้าหลักพาดหัวข่าว ข่าวทั้งหมดในสองหน้าหลักต่างก็เป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัททัดธนกรุ๊ปทั้งหมด มีปัญหาแล้วจริงๆ” ทันใดนั้น เพ็ญนีติ์นึกขึ้นได้ว่าปุริมเคยลงหุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปไว้ให้กับอ้อยและส้มถึงสิบหกเปอร์เซ็นต์ต์ ไม่รู้ว่าหุ้นส่วนนี้จะสามารถช่วยปุริมได้หรือไม่ จึงรีบโทรศัพท์หานภนต์ทันที “นภนต์ ในมือของฉันยังมีหุ้น16%ของบริษัททัดธนกรุ๊ปอยู่ ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยได้ไหม?” และก็ไม่รอให้นภนต์พูดอะไร เธอรีบร้อนเอ่ยออกไป “อย่าแตะต้อง ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละอย่าเอามาถมรูรั่วที่ไม่รู้จบนี้เลย เพ็ณนีติ์ หุ้นสิบหกเปอร์เซ็นต์ต์นี้เธออย่าพูดออกไปนะ เข้าใจไหม?” “ออ ฉันเข้าใจแล้ว” ในตอนแรก โชคดีที่เขาแบ่งหุ้น16%นี้ไว้ให้กับอ้อยและส้ม ไม่เช่นนั้นเกรงว่าปุริมจะไม่เหลืออะไรใดๆเลย มือกุมหนังสือพิมพ์วิ่งไปยังตลาดหลักทรัพย์ บนหน้าจอแต่ละจอปรกกฎตัวเลขเขียวๆแดงๆขยับอยู่ไม่หยุดนิ่ง เพ็ญนี้หาชื่อหุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปเจอแล้ว ตัวเลขเป็นสีเขียวทั้งหมด เขียวจนทำให้คนรู้สึกตกใจ ราวกับว่าทุกคนยอมขายหุ้นหมด แม้จะขาดทุนก็ขายถอน แต่ว่ายิ่งมีคนขายมากเท่าไหร่กลับไม่มีคนซื้อ เพ็ญนีติ์ยืนนิ่งชะงักอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ มองเห็นหุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ป ที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง เที่ยง แล้ว ตลาดหลักทรัพย์ก็พักเที่ยงแล้ว แต่เธอกลับยังคงไม่อยากออกมาจากที่นั่น ยังคงยื่นนิ่งๆมองอยู่เช่นนั้น น้ำก็ไม่ดื่ม ข้าวก็ไม่อยากกิน ถ้าเกิดว่าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เธอคงไม่เชื่อจริงๆ แต่ตอนนี้ ทุกอย่างคือความจริง บริษัททัดธนกรุ๊ปมีปัญหาแล้วจริงๆ เด็กๆก็หาไม่เจอแล้ว ทั้งหมดนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับเธอด้วยอย่างแน่นอน สองชั่วโมงที่พักเที่ยง เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ตัวเลขสีเขียวที่ไม่มีวี่แววว่าจะขยับขึ้น คุณปู่จะต้องไม่อยากเห็นภาพนี้อย่างแน่นอน แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ มันกลับเป็นแบบนี้ไปแล้ว เมื่อทุกหน่วยงานเริ่มกลับมาประจำการอีกครั้ง เพ็ญนีติ์นั่งไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไป ค่อยๆลุกขึ้นยืน ต้องพยุงตัวเองตามกำแพงจึงสามารถพาตัวเองเดินไปที่บันไดไปได้ ไม่ดูมันแล้ว ไม่ว่าจะดูหรือไม่ดูสุดท้ายผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน บริษัท....จะล้มละลายแล้วจริงๆ แต่ว่า เพ็ญนีติ์พึ่งจะลงไปถึงห้องโถงได้ไม่กี่ก้าว กลับได้ยินเสียงที่ร้องดังขึ้นมาจากด้านหลังที่พึ่งจากมา “ ขึ้นแล้ว ขึ้นแล้ว ดูสิ ขึ้นเป็นสีแดหมดแล้ว” เพ็ญนีติ์ชะงักไปครู่ รีบกลับหลังหันไปมองจอมอนิเตอร์ที่ติดอยู่ผนังห้องโถง หุ้นที่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งเลยคือหุ้นของบริษัท... จากที่ก่อนหน้านี้เป็นสีเขียวตอนนี้กลายเป็นสีแดง ราคาหุ้นขึ้นแล้วจริงๆ เธอรีบก้าวเข้าไปดูใกล้ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ หุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปถูกคนกว้านซื้อไปหมดอย่างบ้าคลั่ง เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไงกัน? เพ็ญนีติ์เดินไปหามุมสงบๆมุมหนึ่ง และหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาปุริม แต่ว่า แม้ว่าครั้งนี้เขาจะไม่ได้ปิดเครื่อง แต่ปุริมก็ยังไม่ยอมรับสายเหมือนเดิม ครั้งแล้วครั้งเล่า ในหูได้ยินแต่เสียงรอสายอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเสียงของเขาเล็ดลอดออกมาเลย แต่คนที่มากว้านซื้อหุ้นไปทั้งหมดนั้น เธอไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือเปล่า? อยากจะโทรไปหานภนต์ แต่ก็คิดว่าโทรหาเขาเพื่อเรื่องของปุริมอีกแล้ว คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สุดท้ายจึงไม่ได้กดโทรออกไป บ่ายวันนี้ สิ่งที่เห็นก็คือหุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตลาดปิดสถานการณ์ก็ยังคงเป็นแบบนี้ หลังจากที่ตลาดปิด เพ็ญนีติ์จึงเรียกรถแท็กซี่กลับไปยังบ้านของเธอ พึ่งจะผลักประตู เสียงของต้นน้ำก็เอ่ยทักทายมา “เพ็ญนีติ์ กลับมาแล้วหรอ” “อืม” เธอเอ่ยเสียงเรียบ ตอนนี้แทบไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร มีเรื่องราวเต็มหัวไปหมดไม่รู้จะระบายกับใครดี เธอสับสนเหลือเกิน กำลังจะเดินออกมา ต้นน้ำเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : มีพัสดุของเธอสองชิ้น เธอไม่อยู่ ฉันก็เลยช่วยรับไว้ให้ เดี๋ยวจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้แหละ” “ขอบคุณค่ะ” เข้าก้มลงหากุญแจในกระเป๋า จากนั้นไขเปิดประตูเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่ทำเลยคือ เปิดดูข่าวของเมืองดรัล ผลปรากฏว่า รายการทุกรายการต่างกำลังพูดถึงเรื่องของบริษัททัดธนกรุ๊ป เธอดูอย่างตั้งใจ แม้ขนาดว่ามีฝีเท้าก้าวมาข้างหลังยังไม่รู้ตัว หันไปเห็นกล่องพัสดุสองกล่องกำลังถูกวางลง เธอกลับเอาแต่นั่งจ้องอยู่หน้าจอ ไม่รู้สึกใดๆ ทันใดนั้น รู้สึกมีบางอย่างมาจับเอวไว้แน่น กลิ่นอายแห่งความน่ารังเกลียดพัดเข้าจมูกของเธอ มือหนึ่งโอบรัดเอวเธอแน่นจากนั้นจับร่างของเธอให้หมุนพลิกมา กลิ่นของชายหนุ่มคนแปลกหน้าทำให้เพ็ญนีติ์ตัดสินใจจะตะโกนร้อง ทันใดนั้นถูกมือของเขาปิดปากเธอไว้ “อย่าส่งเสียงเด็ดขาด ไม่งั้น ฉันจะฆ่าแก” กริชด้ามหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ เสียงของต้นน้ำดุดัน จนทำให้คนฟังรู้สึกกลัวจนตัวสั่น ทำไมเป็นต้นน้ำไปได้นะ เธออยากจะร้องตะโกน แต่ทั้งตัวกลับถูกล๊อกไว้แน่น ปากก็ถูกปิดไว้ เสียงที่เล็ดลอดออกมาดังอู้อี้ ข้างนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มดำลง แสงแดดในช่วงพลบค่ำสาดส่องเข้ามาในห้อง พอตกลับขอบฟ้าไปแสงสีทองนั้นกลับไม่เหลืออีกแล้ว กลายเป็นความมืดหน้ากลัวไร้ขอบเขต คิดไม่ถึงเลยว่า ต้นน้ำจะมีแผนการแบบนี้ ยิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือการลงมือของเขานั้นช่างดูช่ำชองยิ่งนัก เขาสามารถนำเชือกมามัดมือมัดเท้าของเพ็ญนีติ์ไว้ได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว แม้ขนาดที่ปากก็มีผ้าขนหนูมัดปิดปากไว้ “อี้...” แม้ว่าเพ็ญนีติ์จะพยายามดิ้นร้องอย่างสุดเสียง แต่ ต้นน้ำกลับไม่ให้โอกาสให้เสียงเธอเล็ดลอดออกมาได้แม้แต่น้อยนิด เพ็ญนีติ์ถูกจับยัดเข้าไปในกระสอบ จากนั้นถูก ต้นน้ำแบกขึ้นเดินไป ราวกับว่า ไม่ได้ตั้งใจเอาออกไปจากห้องเธอจริงๆ แต่แค่เอาหลบไว้ที่มุมมืดๆที่ไหนสักแห่ง จิตใต้สำนึกเธอบอกว่า เหมือนต้นน้ำแบกเธอไปที่โกดังเล็กๆข้างห้องเธอ ศีรษะชนไปที่อกของต้นน้ำโดยมีกระสอบเป็นสิ่งกางกั้น ชนชิดจนกระทั่งรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา ช่างทำให้เธอรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก มีคำพูดมากมายอยากจะพ่นด่าออกมา แต่กลับเอ่ยออกไปไม่ได้แม้แต่คำเดียว การเจรจากันผ่านไปได้ครู่หนึ่ง เพ็ญนีติ์ได้ยินเสียงเหมือนเสียงอะไรบางอย่างถูกเปิดออก ราวกับว่าเป็นเสียงเปิดประตูของรถสักคัน ต่อด้วยเธอถูกโยนเข้าไปในนั้น ข้างๆไปหูได้ยินเสียงของต้นน้ำดังขึ้นมา “ฉันต้องการเงินส่วนที่เหลือในตอนนี้” “เอาไป แต่ว่า นายต้องรีบหายตัวไปจากเมืองนี้ ไม่เช่นนั้น นายรู้ผลที่จะตามมาดี” “ฉันรู้แล้วน่า” ต้นน้ำพูดจบ เพ็ญนีติ์ก็ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าเบาๆเดินห่างจากรถออกไป ความหวาดกลัว ตกใจ แต่ว่าก็ทำได้เพียงแค่เฝ้ารอเวลาเท่านั้น รู้สึกเสียใจนิดหน่อย ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เธอคงตัดสินใจพักอยู่บ้านของนภนต์ก่อนเป็นแน่ เห็นได้ชัดว่าคนขับรถคนนี้มีการวางแผนล่วงหน้าไว้กับต้นน้ำนานแล้ว อัพเดทครั้งหน้า วันที่29 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 193 ในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A