บทที่ 194 แต่กลับไม่รู้ว่าคือใคร
1/
บทที่ 194 แต่กลับไม่รู้ว่าคือใคร
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 194 แต่กลับไม่รู้ว่าคือใคร
บทที่ 194 แต่กลับไม่รู้ว่าคือใคร แต่กลับไม่รู้ว่าคือใคร? เป็นคนเดียวกับที่วางแผนให้รถเธอเกิดอุบัติเหตุรึเปล่านะ? นี่คือสิ่งที่เธอกำลังสงสัย ไม่รู้จริงๆว่าคนคนนั้นมีความหมาดหมางโกรธแค้นอะไรกับเธอถึงเพียงนี้ จึงมาคอยตามรังควานแบบนี้ ไม่รู้ว่าถูกจับพาไปที่ไหน แต่เชื่อได้เลยว่าไม่ใช่ที่ที่ดีแน่นอน อ้อยกับส้มจะถูกลักพาตัวไปแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ? พอนึกถึงพวกเด็กๆ เธอกลับรีบอยากจะเจอหน้ากับผู้บงการเรื่องนี้เร็วๆ ถ้าเป็นแบบที่คิดจริงๆ เธออาจจะได้พบกับส้มและอ้อยก็เป็นได้ หรือบางที เด็กๆอาจจะไม่ได้อยู่ในมือของปุริม ทุกอย่าง มีความเป็นไปได้ทั้งหมด ทุกอย่าง ต่างก็ยากที่จะคาดเดาได้ เพ็ญนีติ์หลับตาพยายามจับทิศทางที่รถนั้นกำลังมุ่งหน้าไป แต่ว่าต่อจากนั้นไม่นาน เธอก็รู้สึกเวียนหัว เหมือนกับรถคันนี้กำลังหมุนวนไปวนมาอย่างไม่หยุด เลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่แบบนั้นไม่หยุด จนทำให้เธอไม่สามารถรู้ได้ว่ารถนั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางใดได้ รถคันนั้น เริ่มออกตัวเร่งให้เร็วขึ้น ภายในรถนั้นเงียบสงบ ไม่มีเสียงเพลงหรือเสียงโฆษณาใดๆ มีเพียงแค่เสียงเครื่องยนต์ของรถที่กำลังแล่นไป ทำให้เธอที่ไร้ที่พึ่งรู้สึกเริ่มกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาล่วงผ่านเลยไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ รถจึงหยุดความเร็วให้ช้าลง จากเส้นทางที่เลี้ยวโค้งที่ผิดปกติ ทำให้เธอพอจะเดาได้ว่าที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองอย่างแน่นอน อีกอย่างต้องเป็นทางขึ้นเขา มีเพียงทางขึ้นเขาที่สูงๆต่ำๆที่ทำให้รถต้องขับแบบนี้ ความมืดมิดในกระสอบบวกกับทางที่ขรุขระทำให้เพ็ญนีติ์เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ลำคอก็เริ่มรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา เป็นเพราะปากที่ถูกปิดไว้จึงไม่สามารถอาเจียนออกมาได้ บนหน้าผากมีเหงื่อผุดออกมา เธอรู้สึกว่าถ้ารถคันนี้ยังไม่ยอมหยุด ถ้ายังไม่ให้เธอได้หายใจเอาอากาศที่บริสุทธิ์กว่านี้ เธอคงจะต้องตายแน่ๆ คงต้องตายจริงๆ ตอนนี้บรรยากาศข้างนอกคงจะมืดลงแล้ว ไม่รู้ว่ามีใครรู้หรือเปล่าว่าเธอหายตัวไป เธอช่างโง่จริงๆ แต่ทว่า ใครจะไปคิดว่าเจ้าของห้องของตัวเองจะกล้าทำแบบนี้กับตนเอง เป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ได้จริงๆ ในขณะที่เพ็ญนีติ์กำลังครุ่นคิดฟุ้งซ่านอยู่แบบนั้น เบรกรถยนต์ถูกเหยียบทันใด จากนั้นรถก็เริ่มสั่นไปมาและหยุดลงในสุดท้าย เพ็ญนีติ์สนใจเพียงแค่ชายหนุ่มคนขับรถคนนั้น เธอได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถ จากนั้นก้าวลงจากรถ ในรถขณะนั้นเริ่มมีอากาศที่บริสุทธิ์พัดผ่านเข้ามา อากาศนั้นพัดผ่านถุงกระสอบกระทบเข้ากับจมูกของเธอ ทำให้เธอรีบสูดหายใจถี่ๆ จึงเริ่มรู้สึกดีขึ้นมา ด้านนอกรถมีเสียงเบาๆลอดผ่านเข้ามา ตามมาด้วยมีคนเปิดประตูฝั่งคนขับด้านหลังที่เธอนั้นนั่งอยู่ จับมาที่ถุงกระสอบ เพ็ญนีติ์ถูกอุ้มขึ้นพาดบนบ่าอีกครั้ง ก้าวเท้าที่ไม่สม่ำเสมอทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกพาเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง “ตุ๊บ” กายสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและหนาวเย็น เพ็ญนีติ์ถูกโยนลงบนพื้น “เปิดออก” เป็นเสียงผู้หญิง ที่ดุเยือกเย็น ดังจากที่สูงด้านบนสั่งลงมา เพียงแค่เสียงนั้นเสียงเดียว ทำให้เธอรู้สึกตกใจ ไม่อยากจะคิดเลยว่าที่แท้จะเป็นนารา คนที่ พาปุริมให้ไปพบกับพวกเขาที่อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟ และเป็นหญิงสาวที่ให้โอกาสเธอและปุริมในหลายๆครั้ง เพ็ญนีติ์คิดไม่ตกจริงๆ เมื่อก่อนทำดีกับเธอมากขนาดนี้แต่ตอนนี้ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับตนเองได้? ปากกระสอบกำลังจะถูกเปิดออก วินาทีที่ถุงกระสอบถูกเปิดออก แสงสว่างจากด้านนอกที่สาดส่องกระทบมาทำให้ดวงตาของเพ็ญนีติ์รู้สึกแสบๆ จนทำให้เธอไม่อาจที่จะลือตาขึ้นมาได้ในทันที ได้เพียงแค่ค่อยๆปรับตาลืมตาขึ้นมาช้าๆ ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงลืมตาขึ้นได้ เก้าอี้หมุนที่อยู่ตรงหน้ามีนารานั่งอยู่อย่างสง่า นาราในตอนนี้กำลังยิ้มจ้องมาที่เพ็ญนีติ์ที่ขดอยู่บนพื้นอย่างสะใจ ใช่แล้ว เธอโหดเหี้ยมนัก แม้ว่าจะสามารถมองเห็นรอบๆได้ แต่มือและเท้ายังคงถูกมัดไว้อยู่ ปากยังคงถูกผ้าขนหนูผืนหนึ่งมัดไว้ ทำให้เธอไม่อาจที่จะขยับตัว หรือเอื้อนเอ่ยได้ แต่ว่า เธอยังคงจ้องมองไปที่นาราด้วยสายตาที่ไม่กลัวอะไร ถ้าเกิดว่าแววตาสามารถฆ่าคนได้ เธออยากจะสับนาราให้เป็นชิ้นๆเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่ในหัวมีความคิดอยากจะฆ่าคน เธอคิดแบบนั้นจริงๆ นารายิ้มและยื่นขึ้น รองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้นทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมา เพียงแค่ก้าวสั้นๆ เธอก็ไปถึงตรงหน้าของเพ็ญนีติ์ได้แล้ว ค่อยๆมองลงไป มือเล็กเรียวยาวจับมาที่ค้างของเพ็ญนีติ์ ใช้แรงบีบเชยคางเพ็ญนีติ์บังคับให้เงยหน้าขึ้น สายตาทั้งคู่จ้องมองกัน ความโกรธแค้นของเพ็ญนีติ์พวยพุ่งจนอยากจะเผาไหม้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามอดมลาย คำว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจมันเป็นแบบนี้นี่เอง ที่แท้พิษร้ายธาตุแท้ของนารามันเป็นแบบนี้เอง นาราคือคนที่สักพาตัวเธอมา “เหอะ เหอะ เพ็ญนีติ์ ภาระหน้าที่ของเธอได้จบสิ้นลงแล้ว ดังนั้น เมืองนี้ไม่ต้องการตัวเธออีกต่อไป เธอเข้าใจไหม?” เพ็ญนีติ์ส่ายหัวรัว ต่อให้ต้องตายก็ต้องตายอย่างสง่าผ่าเผย เธออยากจะพูด ต้องพูดออกมาให้ได้ จ้องมองทีท่าของเธอ นาราหัวเราะและเอ่ยขึ้น : “ได้ ฉันจะให้แกได้ตายตาหลับ อย่างสง่าผ่าเผย” มือของเธอดึงผ้าที่ปิดปากเพ็ญนีติ์ออก เธอรีบสูดลมหายใจเข้าทางปากลึกๆ จากนั้น อาศัยช่วงที่นาราไม่ทันระวังตัว เพ็ญนีติ์ถ่มน้ำลายออกไป “เพ็ญภัทร์ แกมันสมควรตาย” “เหอะ เหอะ ฮ่า ฮ่า ...” หญิงสาวหัวเราะเสียงดัง เสียงนั้นดังราวกับเสียงของผีของมารจนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น “เพ็ญนีติ์ แกยังกล้าดีนักนะ ฮ่าฮ่า บอกตามตรงเลยนะ ฉันละชอบแกในตอนนี้จริงๆ ช่างกล้าดีจริงๆ ในเมื่อแกทำให้ฉันชอบได้แล้ว งั้น ถ้าฉันจะไว้ชีวิตแกจะเป็นยังไงนะ?” “ถุย ใครสนใจความหวังดีของแกกัน แกบอกมาเดี๋ยวนี้นะ อ้อยและส้มอยู่ที่ไหน?” จ้องมองนาราอย่างไม่เกรงกลัว ไม่รู้จริงๆว่าใครทำให้เธอมีอำนาจถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่คนที่อยู่มานาน จะมีคนมากมายมาปกป้องเธอแบบนี้ได้อย่างไรกัน? หรือไม่ก็ เธอเอาเงินจ้างมารึเปล่า? “เพ็ญนีติ์ แกอยากรู้จริงๆหรอว่าพวกเด็กๆอยู่ที่ไหน?” เพ็ญนีติ์หลับตาลง นี่คือจุดอ่อนของเธอ เธอขบริมฝีปากแน่น เอ่ยขึ้น : “ใช่” “ได้ แกมีความสุข ฉันก็มีความสุข ฉันจะบอกแกให้ ให้ความหวังแกสิ้นลงตรงนี้ จากนั้นจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข แกคิดว่า การที่ให้แกใช้ชีวิตแบบอิสระในทุกๆวันแบบนี้ มันจะดีมากขนาดไหนกันนะ” สีหน้าของเพ็ญนีติ์เริ่มปรากฏความหวั่นกลัวออกมา เธอเข้าใจเหตุผลที่นาราให้เส้นทางชีวิตนี้กับเธอแล้ว ที่แท้ก็อยากให้เธอ.... เธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ “ใครก็ได้มานี่หน่อย เอาวิทยุสื่อสารมานี่” พอหญิงยื่นมือออกไป ชายหนุ่มร่างกำยำที่อยู่ด้านหลังก็ยื่นวิทยุสื่อสารมาวางลงบนมือของเธอ “เอาไมล์ให้กับยัยเด็กคนที่โตกว่า คนนั้นพอจะรู้ความกว่าหน่อย อย่างน้อยมันก็ไม่ร้องไห้” ใช่อ้อยใช่ไหม ต้องเป็นอ้อยแน่ๆ เพ็ญนีติ์ใจสั่นเต้นรัวราวกับจะกระเด็นออกมาด้านนอกด้วยความเป็นห่วง หยิบวิทยุสื่อสารมาวางไว้ข้างหูเพ็ญนีติ์ เสียงที่เล็ดลอดผ่านออกมาเป็นเสียงของส้มจริงๆ “หม่ามี๊ หม่ามี๊ใช่ไหมคะ?” เสียงเล็กๆที่กำลังสะอื้นให้ทำให้เธอเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังเอาไม่รอด “ส้ม หม่ามี๊เองลูก ลูกสบายดีไหม?” “หนูสบายดี อ้อยก็สบายดี หม่ามี๊ หนูไม่กลัว หม่ามี๊ หม่ามี๊และแดดดี้จะต้องมา...” “ตุ๊ด” วิทยุสื่อสารถูกนาราแย่งไป “เพ็ญนีติ์ คิดไม่ถึงว่า เด็กที่แกคลอดมานั้นจะรู้จักความเหมือนกันนะ จนถึงตอนนี้ยังกลัวว่าแกจะเป็นห่วง ช่างรู้ความเกินไปแล้ว แต่ทว่า แกฝันไปเถอะ เพ็ญนีติ์ชาตินี้แกจะไม่ได้ใกล้ชิดพวกเขาอีกแล้ว และอีกคนหนึ่งที่ยัยเด็กนั่นเอ่ยถึงเมื่อสักครู่นี้ เธอคิดว่า เธอจะได้เจอเขาอีกไหม?” “แก...” เพ็ญนีติ์สับสนไปหมดแล้ว เรื่องที่เกี่ยวข้องกับปุริม ตอนนี้เธอไม่เข้าใจอะไรแม้แต่น้อย เธอไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร กำลังคิดอะไร และหุ้นเมื่อตอนบ่ายนี้ก็เป็นเขาเองหรือเปล่าที่เอาเงินไปกว้านซื้อมา? เธอไม่รู้เลยจริงๆ ไม่รู้อะไรแม้แต่นิด “เพ็ญนีติ์ แกเชื่อหรือไม่ว่า จริงๆแล้วคนที่มอบอ้อยและส้มให้มานั้นก็คือปุริม เด็กทั้งสองนั้นเขาก็ไม่ชอบตั้งแต่แรกแล้ว และไม่เคยมองว่าเป็นลูกตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพ็ญนีติ์ เธอหวังจะเกาะปุริมใช่ไหม?” พอเธอปล่อยมือ วิทยุสื่อสารก็หล่นลงที่พื้น ส่งเสียงดังสะเทือนแก้วหู และทำให้สีหน้าของเพ็ญนีติ์เริ่มเปลี่ยนไป นาราจงใจ จงใจพูดประโยคนี้ให้พวกเด็กได้ยินด้วย ในตอนนี้ อ้อยและส้มจะต้องตกใจมากอย่างแน่นอน ความหวังของพวกเขาดับมอดลง ไม่มีใครที่จะช่วยพวกเขาได้ เธอเองก็ไปไม่ได้ ปุริมยิ่งไม่มีทาง “อ้อย ส้ม...ไม่ต้องกลัวนะลูก..” เธอตะโกนเสียงดัง แต่ว่า นารายิ้มเยาะและกดปิดสัญญาณของอีกฝั่งไปแล้ว “แกตะโกนเลยสิ ตะโกนยังไงพวกเขาก็ไม่ได้ยินหรอก ตอนนี้ก็เอาแต่ร้องไห้ ฮ่าฮ่า ร้องดังซ่ะด้วย เพ็ญนีติ์ เธอเอาตัวเธอให้รอดเสียก่อน รอให้ผ่านไปสามสี่ปีให้พวกเขาโตขึ้นกว่านี้สักหน่อย คาดว่าก็น่าจะสามารถมารถมาเจอหน้าเธอได้ เหอะเหอะ ฉันอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจริงๆ ถึงตอนนั้นสามแม่ลูกอยู่ร่วมกับชายอีกคน ภาพนั้นมันคงน่าประทับใจมากเลยเนอะ...” “เปมิกา ทำไมแกทำอย่างนี้กับฉัน? ฉันก็ไม่เคยทำผิดอะไรกับแกตรงไหนนิ” “เพ็ญนีติ์ แกอยากจะรู้จริงๆหรอ?” เพ็ญนีติ์พยักหน้า เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก ตัวเองเคยทำผิดอะไรไว้กันหญิงสาวที่ยิ้มอย่างเยือกเย็นคนนี้ นาราลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆยื่นทิชชู่เปียกให้กับเธอ นาราเช็ดหน้าของเธออย่างละเอียด กลับมีจุดหนึ่งที่ทำให้เพ็ญนีติ์ถึงกลับอึ้ง ท่าทีเขาอย่างผู้ชนะ ดังนั้น เธอจึงไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย “เพ็ญนีติ์ ฉันคิดว่าแกก็เหมาะสมดีนะ ฉันอยากจะคิดหาวิธีการให้แกและปุริมได้เจอกัน และก็จงใจให้เพ็ญภัทร์มาเห็นฉันอยากจะให้เพ็ญภัทร์หมดใจกับปุริม จริงๆแล้วในโลกใบนี้หญิงที่สามารถได้ใจของปุริมได้มีเพียงเพ็ญภัทรเท่านั้น และต้องเป็นเช่นนั้น ฉันคิดว่าต้องเป็นแบบนี้..” นาราพูดประโยคสุดท้ายซ้ำๆ แต่น้ำเสียงกลับทำให้คนรู้สึกว่าเธอไม่ได้คิดแบบนี้จริงๆ เพ็ญนีติ์ยังคงฟังต่อไปเรื่อยๆ นาราเอ่ยขึ้นอีก: “ฉันใช้เธอมาเป็นเครื่องมือแยกปุริมและเพ็ญภัทร์ออกจากกัน หากไม่เช่นนี้เธอก็ไม่ได้เข้ามาเป็นแน่ ฮ่าฮ่า ฉันแค่เปิดหลักฐานที่บอกว่าส้มและอ้อยไม่ใช่ลูกของปุริมแค่นี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว เขาเห็นแล้ว และก็ไม่ได้พูดอะไร แม้ขนาดหลังจากเด็กๆไปตรวจเลือดและหายตัวไปที่โรงพยาบาล เขายังไม่ถามหาเลย เพ็ญนีติ์ แกคงคิดไม่ถึงล่ะสิ ลูกทั้งสองคนที่เธอตั้งครรภ์มาอย่างยากลำบากถึงเก้าเดือน กลับถูกพ่อแท้ๆของเขาทอดทิ้งแบบนี้ไปได้ ฮาฮา นี่ช่างเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ปุริมมอบให้ฉันจริงๆ ฉันรักเขา” ที่แท้ นาราทำเพื่อความรักของเธอ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เธอรักมากที่สุด ที่แท้ ตัวเองก็เป็นหมากตัวหนึ่งที่อยู่ในมือของนารา ที่เขาจะเอาไปวางไว้ที่ตรงไหนก็ได้ ที่แท้ เป้าหมายของนาราตั้งแต่แรก คือใช้เธอเป็นเครื่องมือแยกปุริมออกจากเพ็ญภัทร จากนั้น ค่อยกำจัดเสี้ยนหนามอย่างเธอออก แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เชื่อ ไม่เชื่อแม้แต่น้อยนิด “เปมิกา แกพูดมั่วแล้ว ปุริมไม่มีทางที่จะไม่เชื่อ ผลตรวจอีเอ็นเอสามารถพิสูจน์ได้ว่าอ้อยและส้มเป็นลูกของเขา......
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 194 แต่กลับไม่รู้ว่าคือใคร
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A