บทที่ 196 แสงความหวังในนรก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 196 แสงความหวังในนรก
บทที่ 196 แสงความหวังในนรก “อย่างนั้นหรือ ซวยจริง ยังไม่เคยมีคนตายที่นี่ คนที่ใกล้จะตายมักจะถูกทิ้งออกไป ถ้าตายที่นี่จะทำลายฮวงจุ้ย” “ลูกพี่ โยนผู้หญิงคนนี้ลงแม่น้ำเหมือนที่เคยทำดีกว่า” มีผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆแนะนำว่า ตอนนี้ไม่มีบรรยากาศสนุกสนานในห้องนี้อีกแล้ว ทุกคนก็ตกใจกับฉากนองเลือดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพ็ญนีติ์ยังคงมีเลือดพุ่งออกจากจมูก ลูกพี่คนนั้นมองไปที่เพ็ญนีติ์ แล้วพยักหน้า “แม้ว่าเธอจะไม่มีโรคเลือด แค่ไหลเลือดตลอดเช่นนี้ก็จะตายเหมือนกัน หรือว่าจะให้ส่งเธอไปโรงพยาบาลเพื่อช่วยเธออย่างนั้น ไม่มีทางหรอก มา ใช้ผ้ามาห่อ โยนลงไปในแม่น้ำให้ปลากินซะ” แล้วก็มีผู้ชายสองคนเดินมาพร้อมใช้มือปิดจมูก ทำหน้าไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ต้องยกร่างกายของเธอและห่อหุ้มตัวเธอด้วย เพ็ญนีติ์หมดสติ การกัดนั้นเธอได้ใช้แรงของเธอทั้งหมด ทำได้แค่หลับตา ปล่อยให้ผู้ชายสองคนห่อร่างกายของตนแล้วถูกยกขึ้นออกจากห้องอาบน้ำนั้น ร่างกายที่ห่อด้วยผ้านั้นถูกโยนเข้าไปในกล่องหลังรถกระบะคันหนึ่ง แสงจันทร์โรยลงมาอย่างเงียบสงบ อ่อนโยนขนาดไหน แต่เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หัวใจที่อ่อนแอของเธอจมลงไปเรื่อยๆ เธอจะตายแล้วจริงๆ ความร้อนผะผ่าวจางลงไปนาน เหลือแต่ความเจ็บปวดและความหนาวที่ไม่มีที่สิ้นสุด ร่างกายของเธอถูกห่อด้วยผ้านุ่มบางๆ เมื่อรถจอดที่ริมแม่น้ำของตำบลเล็กๆนั้น เพ็ญนีติ์ถูกยกขึ้นอีกครั้งด้วยผ้า แม้กระทั่งกลุ่มผู้ชายเหล่านี้ยังไม่แน่ใจว่าเธอตายแล้วหรือไม่ พวกเขาก็อยากจะโยนเธอลงไปในน้ำมากเช่นนี้ “อือ เดี๋ยว ผูกก้อนหินใหญ่ด้วยไหม มิฉะนั้นถ้าลอยขึ้นมาอีกจะลำบาก” “กลัวทำไม เขาบอกว่าคนที่ส่งผู้หญิงคนนี้มาเป็นคนที่มีพื้นหลัง ไม่มีใครกล้าไปยุ่งเรื่องของเธอ และอีกอย่างนายมองไปที่ชายฝั่งนี้สิ จะไปหาก้อนหินที่ไหน ถ้านายอยากลำบาก นายก็ไปหาเอง แต่ฉันให้นายสิบนาที ฉันไม่ได้ว่างเหมือนนายหรอก” ผู้ชายคนหนึ่งพูดอย่างหงุดหงิด เจอเรื่องซวยอย่างนี้ถือว่าโชคร้ายมากแล้ว เขาไม่ยอมทำอะไรอีกนิด “โอเค งั้นก็ตามนี้” ผู้ชายอีกคนก็ไม่พูดอะไรอีก ทีแรกคิดว่าจะเล่นผู้หญิงคนนี้กัน แต่สุดท้ายกลับเกิดเรื่องแบบนี้ ไม่เพียงแต่ยังให้พวกเขาเสียอารมณ์ไปหมด ยังทำลายแผนสนุกของพวกเขาด้วย ผู้ชายสองคนจับมุมแผ่นผ้าคนละข้าง ตะโกนคำขวัญว่า “หนึ่ง สอง สาม โยน” “พ่า” เสียงของหนักทุบกับน้ำ เพ็ญนีติ์ถูกโยนลงในแม่น้ำ ทำให้พื้นผิวของแม่น้ำเกิดระคอกน้ำ แต่ก็จางหายไปในแสงจันทร์ รถกระบะหายไปทันที แม่น้ำเงียบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สงบมาก กลางคืนก็ยิ่งมืดลง ห้องอาบน้ำ วีนเดินเข้าไปในห้องพักของตนอย่างเงียบๆ ทำงานที่สถานที่เช่นนี้ เป็นทางเลือกที่ไม่มีเลือก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความ “คุณปู่ มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกโยนลงในแม่น้ำ เธอดูเหมือนเป็นโรคเลือดที่คุณศึกษามานาน ปู่จะช่วยหรือไม่ก็แล้วแต่” ส่งสร็จ วีนลบข้อความที่ส่งไปและเก็บไว้ในโทรศัพท์ของตน แล้วปิดเครื่อง คลานไปที่เตียงแล้วหลับไปอย่างเงียบๆ ราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่เกี่ยวกับเขาเลย ผู้หญิงคนนั้นตายหรือไม่ตายต้องอาศัยโชคของตนแล้ว เพ็ญนีติ์แค่รู้สึกหนาว หนาวมากๆ น้ำที่เย็นโอบล้อมร่างกายของเธอ และปลุกจิตวิญญาณที่กำลังจะหลับของเธอ ได้สติคืนเรื่อยๆ แต่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดประเดประดังไหลเปียกทั่วร่างกายของเธอ ปลายนิ้วของเธอสัมผัสถึงความเย็นของน้ำ เธอเสียใจที่ไม่ได้เรียนว่ายน้ำในบ่อน้ำพุที่อุทยานธรณีวิทยาภูเขาไฟ ดังนั้นเวลานี้จึงมีมวลน้ำมากมายไหลเข้าปากทุกครั้งที่เธออ้ามัน กลิ่นน้ำเหม็นคาว น้ำในแม่น้ำนี้ไม่สะอาดเลย เธออยู่ที่นี่ได้อย่างไร เธออยู่ในห้องที่ปิดสนิทในห้องอาบน้ำไม่ใช่หรือ จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น มือว่ายไปมาอย่างทุลักทุเล สัญชาตญาณการอยู่รอดทำให้เธออยากว่ายหนีขึ้นจากน้ำ แล้ว่างเข้าหาฝั่ง เธอมีอ้อยกับส้ม เธอต้องมีชีวิตอยู่ เธอต้องช่วยลูกๆของเธอ ทันใดนั้น มือได้สัมผัสบางอย่างเหมือนไม้ ไม่ว่าสิ่งใดจึงรีบจับ ร่างกายเบาลงทันที ช่วงนี้ไม่ค่อยมีฝน ดังนั้น น้ำในแม่น้ำก็เลยไม่ค่อยไหลเชี่ยว แต่น้ำก็ไม่ตื้น เท้าของเธอสัมผัสดินใต้ฝ่าเท้าไม่ได้ ตอนนี้เพ็ญนีติ์ได้ตื่นขึ้นมาสติกลับสมบูรณ์แล้ว ค่อยๆเห็นชัดทุกอย่าง น้ำ น้ำ มีแต่น้ำและร่างกายของเธอลอยลงไปกับท่อนนี้ เจ็บลิ้น ไม่มีแรง เธอกัดลิ้นตัวเองไป แต่เธอยังมีชีวิตอยู่และเดินออกมาจากถ้ำผีปีศาจนั้นแล้ว ลองกัดริมฝีปากดู เจ็บจริงๆ นี่เป็นความจริง เธอเดินออกมาจากถ้ำผีปีศาจนั้นแล้วจริงๆ นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆ น้ำพัดพาเธอให้ลงลึกลงไปเรื่อยๆ ความเย็นทำให้ฟันของเธอสั่น ตอนนี้เธอจะตื่นตระหนกหรือสับสนไม่ได้ เธอต้องคิดทางที่จะลอยขึ้นชายฝั่งแม่น้ำแต่ได้ แต่เธอว่ายน้ำไม่เป็น มันเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเธอ ฝั่งแม่น้ำยิ่งห่างไกลออกไป น้ำยิ่งลึกเข้าไป เพ็ญนีติ์ลอยในผิวน้ำอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือที่จับท่อนไม้จับแน่นๆ ไม่ว่ายังไงก็ปล่อยไม่ได้ เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ว่านานแค่ไหน แสงรุ่งอรุณค่อยๆขึ้นจากขอบฟ้าเธอเห็นมีเรือลำเล็กๆกำลังแล่นในแม่น้ำ “ช่วย ด้วย ” เธอพยายามร้องสุดเสียง แต่แม้ตัวเธอเองก็ไม่สามารถได้ยิน หนาวมาก เธอรู้สึกว่าจะแข็งตัวด้วยความหนาวไป ถ้าไม่ใช่อ้อยกับส้มที่เป็นกำลังใจเธอ ในสถานที่ห่างไกลแบบนี้ เธออาจจะยืนยันไม่ได้ถึงป่านนี้ แต่ความหนาวก็ทำให้เลือดของเธอหยุดไหล ลอยบนท่อนไม้อย่างไร้เรี่ยวแรง มือข้างหนึ่งจับหญ้าในน้ำพยายามโบก “ช่วย ด้วย ” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่ เธอก็จะพยายาม ถ้ายังมีแสงแห่งความหวังของชีวิตอยู่ เธอก็จะยืนยันถึงสุดท้าย ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าของเรือก็ตั้งใจจดจ่อกับสภาพของน้ำ ดังนั้นดูเหมือนจะเจอเธอ แล้วพายเรือมาทางของเธอ ในที่สุดก็มีความหวังของชีวิตมาถึง ความสุขที่ปรากฏบนใบหน้าของเพ็ญนีติ์ แต่จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าเธอควบคุมตัวเองอีกต่อไปไม่ได้ หนาวจนตัวแข็ง ร่างกายเหมือนไม่ใช่ของตน มันอยากจะบินออกไป แขนที่โบกอยู่นั้นห้อย9dลงมา เมื่อสติของเธอยังไม่หายสิ้น เธอบอกตัวเองว่าเธอต้องจับท่อนไม้ไว้แน่นๆ ต้องจับมันไว้ เพ็ญนีติ์หลับอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่านอนนานแค่ไหน แค่รู้สึกว่าเหมือนผ่านไปหนึ่งศตวรรษแล้ว เมื่อเธอตื่นขึ้นมา แสงอ่อนๆนั้นอุ่นจิตวิญญาณของเธอ เธอรอดแล้ว ร่างกายรู้สึกอบอุ่น เธอกำลังห่มผ้าห่มหนาๆ แต่ห้องนี้ไม่ค่อยคุ้มหน้า เป็นที่พักของผู้ที่พายเรือช่วยชีวิตเธอไว้หรือ “น้ำ ” เธอพูดเบาๆ แต่มันเบาเกินไป แม้แต่ตัวเองก็ไม่ได้ยินเช่นกัน ที่ห้องเงียบมาก ไม่มีคนในสายตาของเธอ แต่มีชามวางอยู่บนโต๊ะข้างๆเตียงของเธอ มีกลิ่นหอมของน้ำยา ไอน้ำร้อนกระจายออกมา เหมือนน้ำยาต้มจากสมุนไพรจีนแบบดั้งเดิม เพ็ญนีติ์รออย่างเงียบๆ ถ้าใครช่วยเธอแล้ว งั้นก็ต้องไม่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวแน่ เอ่ยปากเบาๆ ริมฝีปากแห้งมาก เจ็บราวกับว่ามีแผลในนั้น กลืนน้ำลายอย่างลำบาก แม้ว่าเธอตื่นแล้ว แต่เธอยังรู้สึกไม่สบายอยู่ ประตูถูกเปิดเบาๆ มีคนเดินเข้ามา ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองอย่างงง เห็นคนแก่คนหนึ่ง เสื้อสีขาวทำให้เธอนึกถึงหมอสมัยโบราณ แต่ตอนนี้เป็นสมัยใหม่หรือว่าตนย้อนยุคไปที่สมัยโบราณ “คุณตา ” เธอพยายามจะพูด เสียงต่ำๆนั้นได้ดึงดูดสายตาของชายชราท่านนั้น “โอ้ คุณตื่นแล้ว กินยาเถอะ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฉันไม่ต้องป้อนยาให้เธออย่างลำบากแล้ว” แล้วชายชราก็เดินไปที่โต๊ะของเธอ วางชามยาต่อหน้าเธอแล้วใส่หลอดลงไป วางบนริมฝีปากของเธอ “ดื่มซักหน่อยเถอะ แม้มันจะขมหน่อย แต่ยาดีมักจะมีรสขมนะ” สายตามองตามที่หลอดนั้นอย่างเงียบๆ เห็นหลอดแล้วเธอถึงวางใจลงบ้าง นี่เป็นของในสมัยนี้ ดื่มยาอย่างเชื่อฟัง ไม่ว่าความอยากรู้อยากถามมีมากเท่าไหร่แต่ตอนนี้การรักษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาช่วยเธอ เธอก็ต้องเชื่อใจเขา ดูดยาลงผ่านหลอดนั้น มันขมมากจริงๆ แต่เธอดื่มมันให้หมดโดยไม่ได้ขมวดคิ้วแม้แต่นิด ใช้เวลานานกว่าจะดื่มหมด ชายชรารับชามกลับมา “คุณหนู คุณป่วยหนัก คุณรู้มั้ย” เพ็ญนีติ์ส่ายหน้าอย่างสับสน เธอแค่ล้มลงในน้ำ ไม่มีอะไรอื่นและก่อนหน้านี้ยาที่ป้าเหมียวให้เธอกินก็เพราะยังมีอาการแทรกซ้อนที่ยังตกค้างแทรกซ้อนในอุบัติเหตุ “แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะสั่งยาให้คุณอีกหน่อย ก็น่าจะหายได้ แต่มันต้องใช้เวลาเป็นเดือน ถึงจะหายขาด” ชายชราพูดอย่างผาดๆ แค่เขารู้ว่าเขาศึกษาสามวันสามคืนเพื่อหาทางรักษา สุดท้ายเธอก็ตื่นขึ้นมา เขาก็โล่งใจ “ขอบคุณมากค่ะ” หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความขอบคุณที่ยากเอื้อนเอ่ย ขอบคุณคุณตาที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ความเมตตาอย่างนี้ชาตินี้ไม่สามารถลืมได้ แต่ตอนนี้นอกจากคำว่าขอบคุณ เธอไม่รู้ที่จะพูดอะไรอีก ซาบซึ้งสุดหัวใจ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรื่องนิดเดียวเอง พอดีฉันชอบตกปลาในตอนเช้า ก็เจอเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ” เธอโชคดีจริงๆ ยิ้มเล็กน้อย มักจะถูกชะตากับผู้สูงอายุ “แค่กินยาต่ออีกไม่นาน ฉันก็ไปได้แล้วใช่ไหมจ๊ะ” เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของเธอเอง เป็นห่วงแต่อ้อยกับส้ม เธอคิดถึงเด็กๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม นึกถึงเวลาส้มร้องไห้ เป็นห่วงพวกเขาเหลือเกิน “อืม อีกประมาณสามวัน แต่หลังจากสามวันนี้ไปยังต้องตรวจร่างกายอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณหายดีหรือยัง และแม้ว่าคุณจะกลับไป แต่คุณก็ต้องกินยาต่อนะ”
已经是最新一章了
加载中