บทที่ 197 แดนสุขาวดี   1/    
已经是第一章了
บทที่ 197 แดนสุขาวดี
บทที่ 197 แดนสุขาวดี “ไม่เป็นไร หายไม่หายก็ไม่เป็นไร ฉันมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ ก็สามวันเถอะ หลังจากนั้นฉันจะไปจัดการกับเรื่องหนึ่ง แล้วฉันค่อยกลับมา” เธอพูดอย่างรีบร้อน ที่จริงเธออยากไปตอนนี้มากกว่า เธอต้องการที่จะไปช่วยเด็กๆ” “น้อง ไปดูว่าข้าวต้มได้หรือยัง ถ้าได้แล้วก็ยกขึ้นมาเถอะ” ชายชราตะโกนที่ประตู แล้วก็มีเสียงของผู้หญิงตะโกนสวนกลับมา ทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนความฝันที่ไม่เหมือนจริงเอามากๆ มันไม่เหมือนในสมัยใหม่จริงๆ “มาแล้ว มาแล้ว” ข้าวต้มอุ่นๆถูกยกเข้ามา คุณยายป้อนเธอทีละคำๆ “กินเยอะๆนะ คุณนอนสามวันแล้ว สามวันนี้นอกจากยาคุณไม่ได้กินอะไรเลย” เธอกินไปเรื่อยๆพลางฟังคุณยายพูดอย่างเงียบๆ “คุณโชคดีที่ได้พบกับวีน มิฉะนั้นคุณจะมีโอกาสพบกับผัวของฉันได้ยังไง มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว สำคัญกว่าทุกอย่าง” ฟังคุณยายพูดคนที่ชื่อวีน แต่เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ตอนนี้เธอมีจิตใจที่ไปค้นหาอะไรอีก แค่คิดว่ารีบผ่านสามวันนี้ไปเถอะ แล้วหลังจากที่ได้กินยาสามวัน ร่างกายของเธอจะฟื้นมา” ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแออยู่ และหายใจก็ยังลำบาก เธอนอนอย่างเงียบๆ หลับตาพักผ่อน ห้องนี้นอกจากเตียง โต๊ะและเก้าอี้อย่างละหนึ่งตัว ไม่มีอะไรอีกแล้ว หลังจากนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน เพ็ญนีติ์เริ่มจะสามารถขยับตัวได้นิดหน่อย ลุกออกจากเตียง คุณยายช่วยประคองเธอออกไปที่ประตู บ้านในชนบท ทิวทัศน์สวยงามมาก ดอกท้อบานบนเนินเขา สีชมพูเต็มไปหมด ฤดูใบไม้ผลิที่นี่มาเร็วจริง “คุณยายคะ ที่นี่ที่ไหนคะ” มองไกลออกไปกลับไม่เห็นมีการก่อไฟและไม่มีบ้านคนอื่นๆเลย เพียงในภูเขาแห่งนี้มีคู่อายุสูงอาศัยอยู่ อิฐสีเขียวห้องกระเบื้อง ช่างอิสระเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง “โอ้ อยู่ในภูเขาเนี่ย” ฉันกับผัวเราสองคนรักความสงบ จึงย้ายมาอยู่ที่นี่” “ที่นี่ดีมาก” เธอก็ชอบ ถ้าหาเจอเด็กๆ ก็พาพวกเขามาอยู่ที่นี่จะดีแค่ไหน ต่อไปนี้ไม่ยุ่งกับเรื่องกลุ้มใจ มองดูดอกท้อบาน แดนสุขาวดีแท้ๆ แต่ความแค้นลึกๆในใจทำให้เธอตื่นทันที ไม่ได้ เธอต้องกลับไป เธอต้องไปแก้แค้น เปมิกา ปุริม เธอต้องไปเอากลับคืนทั้งหมด ห่างออกไปไม่กี่ก้าว คุณตานั่งอยู่บนก้อนหินทำงานอยู่ ราวกับว่าเขากำลังเตรียมยาอะไรบางอย่าง เธอชี้ไปทางนั้นอย่างลำบาก “นั่นเป็นยาอะไรหรือ” “มันเป็นยาของคุณ ตาเขาบอกว่าอีกสองวันคุณก็ต้องไปแล้ว แต่ร่างกายคุณยังอ่อนแอ ถ้าคุณไม่กินยานี้อาจจะต้องติดโรคที่ตกค้างจากการตกน้ำแทรกซ้อนขึ้นได้ ดังนั้นเราเลยเอายาที่เก็บไว้ทั้งหมดทำเป็นยาเม็ดให้เธอ อย่างน้อยต้องกินหนึ่งเดือน ถึงจะหาย” หัวใจรู้สึกอบอุ่นมาก โลกนี้ยังมีคนที่เป็นห่วงเธอมากเช่นนี้ ไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี ได้แค่ดูคุณตาทำยาเม็ดอย่างเงียบๆ พวกเขาดีกับเธอมากเช่นนี้ แม้จะเป็นยาพิษเธอก็จะกิน อย่าว่าพวกเขาแค่ตั้งใจอยากจะช่วยเธออย่างนั้นแล้ว วันที่อยู่ในภูเขาเงียบและสบาย สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็หายดีขึ้น เพ็ญนีติ์อยากกลับมากแล้ว เป็นห่วงอ้อยกับส้มเหลือเกิน ตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สาม “คุณยายเอาเสื้อผ้าที่สะอาดมาให้เธอ “วีนฝากให้คนเอามาให้ ลองใส่ดูสิ ว่าใส่ได้ไหม” ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมา เธอก็ใส่เสื้อผ้าเก่าของคุณยายที่ซักสะอาด เสื้อผ้าที่เรียบง่ายของชาวหมู่บ้าน แต่ให้ความสงบของจิตใจแก่เธอ มาดูเสื้อที่คุณยายเอามาให้ชุดนี้ ทันสมัยสุดๆเลย ชุดลำลองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสมัยนี้ ใส่เถอะ ถึงจะดูเข้ากับโลกสมัยนั้น เปลี่ยนเสื้อที่ห้องเสร็จ ตอนออกมาได้รับคำชมจากคุณยาย “ฉันคิดว่าเสื้อผ้าข้างนอกดูสวยกว่า ตาจ๊ะ พรุ่งนี้ให้วีนซึ้อมาให้อีกสองชุดดีมั้ย” “โอ้ คุณยายคุณก็เปรี้ยวจี๊ดเหมือนกันเนี่ย” “ไอ้ แค่คิดไปเองหรอก แก่แล้ว ใส่ไปก็ไม่มีคนมองหรอก บางทีก็คิดว่าใส่แล้วเปลืองเสื้อดีๆเปล่า” “ใครบอกว่าไม่มีคนมอง ฉันไม่ใช่คนหรือ” ทางโน้น คุณตาพูดแทรกเข้ามาอย่างฉับพลัน ทำให้เพ็ญนีติ์และคุณยายมองไปที่เขาด้วยกัน ยาเม็ดทั้งหมดก็ห่อไว้เรียบร้อยแล้ว คุณตาเดินไปหาเธอ “เอาไปด้วย” เมื่อเธอเอื้อมมือไปรับ คุณยายยิ้มว่า “ตาจะดูหรือ ตาก็รักแต่ยาพวกนั้นอย่างอื่นไม่สนเลย นอกจากยาเอาแต่อ่านหนังสือ” “ก็มีงาน แต่ถ้ายายใส่จริงๆ ตาก็จะดูบ้าง” สายตาคุณตาก็ไม่ได้กวาดถึงคุณยาย แต่พูดกับเธออย่างสนิท ช่างเป็นคู่ที่มีความสุขจริงๆ เพียงแค่มองเห็นก็ทำให้เธออิจฉา ชาตินี้เธอจะได้พบกับผู้ชายที่สามารถอยู่ด้วยผ่านฤดูใบไม้ผลิฤดูร้อนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวสี่ฤดูได้ไหม ขณะที่ใจลอยอยู่ คุณตาพูดอีก “ไปกันเถอะ ฉันจะส่งคุณลงภูเขา หลังจากข้ามแม่น้ำเสร็จ ส่วนที่เหลือคุณก็เดินไปเองนะ” ทางลงภูเขาสูงชันมาก มีไม้เท้าที่คุณตาส่งมาให้ ก็เดินง่ายขึ้น เล่ากันว่าขึ้นภูเขายาก แต่ลงง่าย แต่เธอไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น หัวใจของเธอบินไปที่เด็กๆนั่นนานแล้ว พวกเขาอยู่ที่ไหน” นาราซ่อนเด็กๆที่ไหนแน่ ขณะคิดอยู่ เท้าของเธอลื่นลงไปอย่างกะทันหัน เมื่อเธอคิดว่าเธอกำลังจะตกลงไป ไม้เท้าของคุณตาตกอยู่ในมือของเธอทันที คุณตาให้เธอจับ “ระวัง” หน้าแดงขึ้นทันที เมื่อเดินลงมันก็น่าตื่นตระหนกใจเช่นนี้ งั้นเวลาขึ้นจะลำบากแค่ไหน ที่จริงช่วงนี้เธอคิดอยู่เสมอว่าเธอได้รับการช่วยเหลือยังไง นึกถึงสภาพตกในน้ำนั้น และไม่รู้ว่าเสื้อชั้นในกับกางเกงในยังอยู่ไหม แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ถาม ก็เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ดีกว่า ไม่เป็นไรหรอก แค่มีอนาคตที่ดีก็ได้ ช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านไปนั้น เธอเลือกที่จะลืมมัน เรือเล็กๆแบกเธอข้ามแม่น้ำ เมื่อเธอหันกลับมา คุณตากำลังพายเรือกลับไปที่ทิศทางบ้าน แค่จำได้คำพูดของคุณตาเมื่อเธอขึ้นฝั่ง “อะไรควรปล่อยก็ปล่อยมันไป” ดวงตารู้สึกชื้นขึ้น บางเรื่อง เธอไม่สามารถปล่อยได้ เดินตามเส้นทางชายฝั่ง นานกว่าจะได้พบกับหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังจากสอบถามแล้ว ถึงรู้ว่าที่นี่ห่างจากเมืองดรัลไกลมาก ต้องนั่งรถหลายชั่วโมง เธอมองหารถ รีบขึ้นรถ กระเป๋าเป้ที่เรียบง่ายซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นเป็นยาที่คุณตาเตรียมไว้ให้เธอ เธอมีเงินติดตังอยู่ไม่มาก แค่มีสามร้อยหยวน เมื่อคุณยายเอาเงินให้เธอ เธอรู้สึกว่ามันมากเกินไป สำหรับคนแก่อย่างพวกเขา จะเก็บเงินจากที่ไหนได้ รถ ขับรถไปที่เมืองดรัล ยิ่งใกล้ถึง เธอยิ่งใจร้อนขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องยากที่จะคิดหาวิธีในการค้นหาอ้อยกับส้ม เพราะเธออ่อนแอมาก แต่เธอต้องไปทำ รถขับอย่างสั่นไหว มองไปที่ข้างนอก ที่นี่ก็เป็นทางที่เธอถูกนำตัวไปมั้ง รู้สึกมันไม่ได้ไกล แต่มันเป็นฝันร้ายของเธอ มันเป็นปาฏิหาริย์ที่จะหนีออกมาได้ วีนเป็นใคร ถ้ามีโอกาสที่จะกลับมา เธอต้องไปหาวีน ขอบคุณเขาสำหรับความช่วยเหลือชีวิต คุณตาและคุณยาย ช่างเป็นคนดีจริงๆ เห็นเมืองดรัล แล้ว รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา สุดท้ายเธอก็ได้กลับมา จริงๆแล้ว คุณตาอยากให้เธออยู่อีกหลายวัน แต่เธอปฏิเสธเขา เด็กๆเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเธอ แล้วเธอจะให้พวกเขาตกในความทุกข์ได้ยังไง อาบแสงแดดภายนอกจากหน้าต่าง ทุกอย่างดูเหมือนผ่านไปนานเป็นชาติ แต่เหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้น นารา เธอเกลียดชื่อนี้มากเหลือเกิน สายตาที่สดใสของเธอเอนล้มลงนอกหน้าต่าง แม้ว่ารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เธอยังอยากที่จะค้นพบบางสิ่งบางอย่างจากฝูงชนบ้าง บางทีอ้อยและส้มของเธอก็อยู่ในฝูงชนนั้น แต่เมื่อรถจอดที่สถานี เมื่อผู้คนก้าวลงจากรถ เธอไม่พบอะไรเลย เดินลงจากรถอย่างโดดเดี่ยว ยืนกลับเข้าไปในถนนของเมืองดรัลอีกครั้ง ทุกอย่างในที่นี่แปลกหน้าแต่ก็คุ้นเคย เพ็ญนีติ์ซื้อแว่นตาใส่ แค่ไม่อยากให้ใครเห็น เธอกลับมาแล้ว ถ้านารารู้ เธอคงไม่พอใจแน่ ไปกินข้าวเย็นที่ร้านเล็กๆ หลังจากกินเสร็จ ไฟนีออนข้างนอกแววตา เหมือนคืนที่เธอจากไป ทุกอย่างที่นี่ไม่ได้เปลี่ยนไป สิ่งที่เปลี่ยนไป แค่มีหัวใจเธอและหัวใจของผู้ชายคนนั้น “คิดเงิน” เอาเงินไปให้เด็กในร้าน ขณะรอเงินทอนเงิน ก็นึกถึงเมื่อก่อนเธอจ่ายเงินและปุริมไม่ให้เธอรับเงินทอนเกิดเศร้าขึ้นทันที มันเหมือนทุกสิ่งพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน” ออกจากร้าน เธออยากจะไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน ไม่รู้ว่าตอนนี้ใครเป็นเจ้าของบริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัด วันนั้นคนที่ซื้อหุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัดเป็นใครหรือ นี่เป็นสิ่งที่เธอสับสนมานาน เปิดหนังสือพิมพ์ภายใต้ไฟถนน อาศัยแสงสลัวอ่านอย่างละเอียด แต่แปลกที่เขาไม่เจอเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัดเลย มันเป็นไปไม่ได้ เธอจำได้ว่าบริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัดได้ขึ้นพาดหัวข่าวในวันนั้นด้วย แต่เธออ่านหนังสือพิมพ์ไปทั่วแล้วก็ไม่เจอ เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์อื่นๆมาอ่านก็ไม่เจอเช่นกัน ส่ายๆหัว ดูเหมือนว่าเธอจะต้องไปที่บริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัดหรือไม่ก็ต้องไปหานภนต์ โทรศัพท์หายไปนานแล้ว ตอนนี้เธอถือว่าเป็นคนยากจนหมดทาง ไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะและกดเบอร์ที่คุ้นเคยตามความทรงจำ แต่ไม่มีคนรับสาย แค่มีเสียงบริการ “ เบอร์ที่ท่านโทรไม่อยู่ที่เขตให้บริการค่ะ ไม่สามารถติดต่อได้ค่ะ กรุณาโทรในภายหลังค่ะ” นภนต์อยู่ที่ไหน? ทำไมโทรศัพท์ไม่อยู่ในเขตให้บริการ เขาไปทำธุระนอกสถานที่อีกแล้วเหรอ วางโทรศัพท์ลงอย่างกลุ้มใจ เธอพบว่าในเมืองดรัล นอกจากนภนต์แล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้เธอเชื่อใจได้ เดินบนทางม้าลายอย่างเงียบๆ ดูที่ปลายรองเท้า มองดูเงาตัวเองที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสะท้อนจากโคมไฟถนน เธอไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ข้างๆหูมีเสียงพูดคุยดัง เพ็ญนีติ์เงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สนามตรงข้ามมีงานแฟชั่นกลางแจ้ง ตอนนี้สนามเต็มไปด้วยผู้คนต่างๆ มองจากหน้าจอขนาดใหญ่ในสนามถึงจะมองเห็นสถานการณ์ที่คึกคัก เมื่อเพ็ญนีติ์กวาดไปที่หน้าจออย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นใบหน้าสองคนที่คุ้มเคย อัพเดทครั้งหน้า วันที่1 ธ.ค. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中