บทที่ 199 สิ่งที่พวกคุณต้องการ
1/
บทที่ 199 สิ่งที่พวกคุณต้องการ
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 199 สิ่งที่พวกคุณต้องการ
บทที่ 199 สิ่งที่พวกคุณต้องการ แต่ความจริงแล้วการร่อนแร่นั้นมีแต่ความโดดเดี่ยว มีเพียงแค่เงาของเธอเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนร่วมทาง ตลอดการเดินทางที่แสนยาวไกลนั้น... ที่ไหลอยู่นั้นไม่ใช่ลำธาร แต่คือน้ำตาของเธอ... การขับกลับที่พักของนารานั้นยาวนานมาก ราวกับไกลจนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ เพลงนั้นยังคงกรอซ้ำไปมาอยู่ในหูของเธอ ใบหน้าของเธอเปียกปอนไปด้วยน้ำตา ภายในรถ นาราเงียบ เงียบจนทำให้เพ็ญนีติ์เริ่มง่วง บางทีตอนนี้นาราอาจจะกำลังอิงซบปุริมอยู่ ดีแล้วที่เธอมองไม่เห็น แบบนี้มันดีที่สุดแล้วจริงๆ ในใจคอยนับแกะไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการฆ่าเวลา รถยังคงไม่ถึงที่หมาย เธอเหมือนกำลังจะเป็นบ้า เหมือนกำลังจะเสียสติแล้วจริงๆ เธอไม่กล้าขยับแม้แต่นิด ขาชาแล้วชาอีก ทำได้แค่อดทนไปเท่านั้น หากถูกนาราเจอตัว น่ากลัวว่าเธอจะได้เจอกับความตายอีกครา นึกถึงชายคนนั้นที่เจอที่โรงอาบน้ำในตอนที่มือของเขาจับตัวของเธอไว้ เธอยังจดจำความกลัวนั้นได้ ในที่สุดรถก็หยุดลง เพ็ญนีติ์ตั้งใจฟัง เสียงของนาราทำลายความเงียบไปท้ายที่สุด “ญาณัฐ เปิดประตู” เธอคงใช้เครื่องรับส่งวิทยุบอกให้รปภ.เปิดประตูให้ ดังนั้นรถที่ถูกหยุดลงก็ได้ถูกเหยียบคันเร่งและตรงไปข้างหน้า ในความมืด เพ็ญนีติ์มองอะไรไม่เห็นเลย แต่เธอพอจะเดาไปว่ารถเต่าตอนนี้ได้มาถึงที่พักของนาราแล้ว ปึง รถหยุดลงแล้ว ประตูถูกเปิดออก แล้วทั้งสองก็ลงตามกันมา เพ็ญนีติ์ยังคงนอนไม่ขยับอยู่ที่ท้ายรถ เธอต้องรอให้ปุริมกับนาราไปก่อนเธอถึงจะออกไปได้ ไม่อย่างนั้นหากถูกจับได้ขึ้นมา ซวย นี่คือคำที่อธิบายสถานการณ์นั้นได้ทั้งหมด แต่ตอนนั้นขาของเธอชาจนเธอทนนอนไม่ได้ ค่อยๆขยับมัน ความรู้สึกเหมือนมีมดกัดที่ขาทำให้เธอรู้สึกทรมาน ขบกรามแน่นถึงจะข่มกลั้นเสียงไว้ได้ เธออยากสูดอากาศ ซ่อนอยู่ที่ท้ายรถนานเกินไปแล้ว ค่อยๆดันท้ายรถให้เปิดออก แสงสีเงินของดวงจันทร์สาดส่องมา รถได้มาจอดอยู่ที่ลานบ้านของนารา กลิ่นดอกไม้ที่หอมสดชื่นลอยมา เธอจึงอดใจไม่ได้ที่จะสูดดมเสียหลายๆครั้ง บริเวณสวนนี้เงียบมาก ตอนนี้เธอคงจะออกไปได้แล้ว ออกแรงดันท้ายรถให้เปิดกว้างขึ้น บิดขี้เกียจหนึ่งรอบ แล้วค่อยๆกลิ้งไปยังสนามหญ้าที่อยู่ข้างหลังรถ สนามหญ้าโดนน้ำค้างจนชื้น และทำให้เกิดเสียงขึ้น เพ็ญนีติ์กลั้นลมหายใจด้วยความตื่นเต้น ไม่กล้าส่งเสียงใดใด ทันใดนั้นห่างไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น “ใคร” ปุริม นั่นคือปุริม พระเจ้า เขาไม่ได้เข้าไปข้างในกับนาราแล้วหรือ ทำไมถึงยังอยู่ข้างนอกนี่กัน เพ็ญนีติ์ลนลาน หลังจากนั้นกลิ้งไปบนสนามหญ้า แล้วรีบซ่อนตัวที่ใต้ท้องรถ เสียงรถดังขึ้น ไม่ใช่นาราก็เป็นปุริมที่หยิบกุญแจมาเปิดประตูรถ ไฟดวงใหญ่หน้ารถสาดไปยังสนามหญ้าข้างหน้า ถึงแม้จะเป็นแค่ชั่วพริบตา แต่เพ็ญนีติ์ก็มองเห็นสองขาของชายหญิงคู่นั้นได้อย่างชัดเจน อยู่ใกล้กันมาก พวกเขากำลังทำอะไร จูบหรือ หรือว่า... หลับตาแน่น ถึงแม้ว่าไฟรถจะดับไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็กลัวที่จะต้องเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ปุริมกับนารา ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน แต่ฉากที่เหมือนกับภาพวาดนั้นยังคงทำให้เธอเจ็บอยู่เสมอ เธอมันไร้ค่า มันเป็นความจริงที่เธอยังคงเจ็บเพราะเขาอยู่ “ปุริม มีอะไรหรือคะ” น้ำเสียงนุ่มนวลของนาราดังขึ้น มันนุ่มมากจริงๆ “ผมเหมือนได้ยินเสียงอะไรดังขึ้นมา คุณได้ยินไหม” เสียงแหบเสน่ห์ของปุริมนั้นแตกต่างกับของนารา มันเต็มไปด้วยความยั่วยวนในแบบของชายหนุ่ม “ปุริม ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...” ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เหมือนนารากำลังต่อว่าปุริมที่ไม่ยอมจดจ่อ “นารา ผมได้ยินจริงๆ ไปเถอะ พวกเราไปดูด้วยกัน...” เพ็ญนีติ์สบถอยู่ในใจ ปุริม เจ้าคนโง่นี่ นอกจากจะไม่ช่วยกันแล้ว ยังจะมาเปิดโปงที่อยู่เธอในตอนนี้อีกหรือ “ปุริม ไม่มีค่ะ มันไม่มีจริงๆ ตอนที่คุณเปิดรถเมื่อครู่ ไฟที่ส่องไปก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ คุณน่าจะตาฝาดแล้วล่ะค่ะ ไปกันเถอะ ฉันเหนื่อยมากแล้ว ปุริม อื้อ...” ในเสียงฟังดูกระเง้ากระงอด และล่อลวงให้ปุริมเลิกสนใจเสียงที่ดังขึ้น ในน้ำเสียงของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยความมึนเมาและความปรารถนา ดูอยากจะเปลือยกายจะแย่แล้ว “คุณมันจอมยั่ว โอเคครับ...” กล่าวเช่นนั้น แล้วจู่ๆเสียงของเขาก็หายไป ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรเหมือนกัน แต่น้ำเสียงของนาราฟังดูอ่อนลง “คนเลว คุณแกล้งฉัน” “หึหึ แล้วคุณไม่ชอบหรือ” เพ็ญนีติ์หน้าแดง เดาได้ทันทีว่าปุริมเพิ่งจะจูบกับนารา หลับตาแน่น พร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดหู เธอไม่อยากได้ยินอีกแล้ว ไม่อยากได้ยินสักนิด “ปุริม คุณก็รู้นี่คะ” “รู้อะไรหรือครับ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างมีเลศนัย น้ำเสียงเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ร้ายกาจ “เกลียด...” ตีชายหนุ่มเบาๆจนเกิดเสียงที่หนักแน่น หลังจากนั้นก็ได้เสียงหัวเราะของปุริมดังขึ้น “หึหึ นารา คุณความรู้สึกไว...” เสียงของชายหญิงคู่นั้นออกห่างไปไกลแล้ว แต่มันยังคงหลอนอยู่ในหูของเพ็ญนีติ์ ลบอย่างไรก็ลบไม่ออก รอบข้าง เงียบลงทันที เพ็ญนีติ์ไม่กล้ารีบร้อนขยับตัวอีกแล้ว ถ้าเมื่อครู่ถูกจับได้ ทุกอย่างที่เธอพยายามมาย่อมสูญเปล่า หลับตาลงและบอกตัวเองให้ลืมทุกอย่างที่ปุริมเคยทำ ตอนนี้เขาและเธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว ตอนนี้เธอเกลียดดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่สุด ลองนับเวลา คาดว่าเวลานี้ปุริมน่าจะขึ้นเตียงไปกับนาราแล้ว เพ็ญนีติ์จึงค่อยๆคลานออกมาจากใต้ท้องรถ เมื่อมองออกไป ที่พักของนาราก็ดูไม่เลว ถึงแม้จะไม่ได้มีเนื้อที่มากเท่าตระกูลพลสังข์และตระกูลศาสตร์พงษ์ แต่พื้นที่ที่แพงราวกับทองของเมืองดรัล มีแค่คนรวยเท่านั้นที่จะมีพื้นที่ได้ขนาดนี้ คงเป็นปุริมที่ส่งให้อีก บางที อาจเพราะเป็นน้องสาวของเพ็ญภัทร์ด้วย ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะให้ทุกอย่าง ข้างหน้าวิลล่านั้นมีไฟสลัวของทางเดินอยู่ แต่มันทำให้มองเห็นทั้งสวนได้อย่างชัดเจน หากเด็กๆอยู่กับนาราจริงๆ เช่นนั้นเธอก็ต้องเพิ่มการป้องกันให้มากขึ้น หากเธอไปโผล่ตรงที่แสงไฟสาดมา เธออาจจะถูกจับตัวในทันทีเลยก็เป็นได้ เพื่อเด็กๆแล้วเธอต้องระมัดระวังให้มาก จะกระโตกกระตากไม่ได้ แนบตัวไปกับรถ ก่อนจะมวนตัวไปหลังต้นไป เงาของต้นไม้คงบังแสงไฟข้างทางเดินไปได้มากโข คลานไปโดยร่างกายแนบติดพื้นไว้ เพ็ญนีติ์ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไปให้ใกล้กับจุดที่มืดของคฤหาสน์ของนารา จากระยะเท้าคงเดินแค่ไม่กี่ก้าวแต่เพราะเธอคลานจึงใช้เวลาไปสิบกว่านาที จนถึงตอนนี้ก็ยังคอยลอบมองรอบข้างอยู่ ในตอนนี้เธอห้ามพลาดอีก เพื่อเด็กๆแล้ว เธอจะแพ้ไม่ได้ ดันตัวลุกขึ้นยืนด้วยกำแพงด้านนอกของคฤหาสน์ แอบอยู่หลังกำแพงและลอบมองไปยังข้างหลังบ้าน ในความรู้สึกของเธอ หากมีคนคอยรักษาความปลอดภัยที่นี่จริงๆ จุดบอดที่ใหญ่ที่สุดย่อมอยู่ที่ด้านหลังบ้าน เป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น เธอไม่รู้อะไรเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาที่นี่ แต่เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น พร้อมกับเสียงของผู้ชาย “โคตรซวยเลยให้ตาย คืนที่ดีแบบนี้แต่กลับมีพวกเราเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ขึ้นรักษาการณ์นางแพศยาข้างบนนั่น แล้วสั่งให้พวกเราลงมาคอยดูแลบ้าน แต่เธอกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข” “ชู่ว เบาเสียงหน่อย เธอเป็นใครกัน พวกเรายังต้องไว้หน้าแก่คุณหนูอยู่นะ อีกอย่างนายไม่ใช่ว่ามาเพื่อเงินหรือ อยากได้เงินก็รู้จักเก็บความรู้สึกไว้หน่อย เผชิญหน้ากับทุกคืนด้วยความนิ่ง” “โอ้โห พี่เด่น นึกไม่ถึงเลยว่าพอนายได้ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มแล้วจะดูสุขุมขึ้นขนาดนี้ พูดมาแต่ละที ฉันนี่ค้านไม่ได้สักคำ บอกหน่อยสิ ไปเรียนกับใครมาหรือ” “ไม่ใช่จากคุณหนูหรอก เธอกำชับฉันอยู่หลายครั้ง ว่าฉันจะต้องอดทน แค่นี้ยังทนไม่ได้แล้วจะไปทำการใหญ่ได้อย่างไร ดังนั้นรอคอยคำสั่งจากผู้หญิงบนตึกก็พอ แบบนั้นหากมีอะไรผิดพลาดก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา” “โอเค ฉันจะฟังนาย โอ๊ย อยากดื่มสักสองกลม ฉันเหมือนได้กลิ่นเหล้าเลย” “ตรงไหนของนาย ลองดมใหม่สิ มีกลิ่นเหล้าที่ไหนกัน มีแต่กลิ่นน้ำค้างเท่านั้นแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า...” เพ็ญนีติ์ตื่นตระหนก เธอไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิเศษ เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แนบร่างกายไปชิดกำแพงโดยไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย คอยฟังบทสนทนาของทั้งสองโดยที่หลับตาแน่น ลืมว่าตัวเองกำลังซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ไปเสียสนิท โชคดี ที่ทั้งสองกำลังคุยเล่นกันอยู่จึงไม่ได้หันมาทางเธอ เดินคุยกันเข้าไปในสวน เงาของร่างสูงและร่างเล็กตกกระทบอยู่ที่ข้างหน้าเพ็ญนีติ์ จนเหงื่อซึมทั่วหน้าผากของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด ข้างหลังบ้านเข้าไม่ได้ เพ็ญนีติ์เริ่มกังวล ในสายตา บ้านหลังนี้ใหญ่มาก แต่เธอไม่รู้ว่าจะเข้าไปข้างในได้อย่างไร เธอเลือกที่จะหยุด อย่างน้อยเธอต้องเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ก่อน ทิ้งตัวนั่งกอดเข่าอยู่ที่ข้างกำแพง วาดหวังให้เด็กๆโผล่ออกมาตรงหน้าของเธอตอนนี้และเดี๋ยวนี้ หลังจากนั้นเธอจะพาเด็กๆจากไปอย่างมีความสุข และจะทำอาหารอร่อยๆให้ทาน ได้แบบนั้นมันคงจะวิเศษที่สุด ในอดีต ภาพที่เห็นบ่อยที่สุดคือเธอและเด็กๆได้อยู่ด้วยกัน เธออยากกลับไปยังตอนนั้น แต่ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเด็กได้อย่างไรกัน นั่งอยู่ประมาณสิบกว่านาที ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าท้องฟ้าเหนือหัวมีแสงอะไรแวบผ่านมา เมื่อเงยหน้าขึ้น บนฟ้านั้นกลับมีอะไรสักอย่างกำลังบินตรงมาที่เธอ นั่นเหมือนกับเครื่องบิน ใช่สิ นั่นเหมือนเครื่องบินจริงๆ ส่ายหน้า เครื่องบินไม่เกี่ยวกับเธอ สิ่งที่เธอต้องทำคือตามหาเด็กๆในบ้านหลังนี้ บริเวณบ้านนั้นมีคนคอยตรวจตราอยู่ตลอด ประมาณสิบนาทีก็มีคนมาแทนที่สองคนนั้น คนพวกนี้ช่างพลังเหลือล้นจริงๆ เธอต้องลงมือ จะไม่ทนรออีกต่อไปแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 199 สิ่งที่พวกคุณต้องการ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A