บทที่ 200 หวั่นไหว
1/
บทที่ 200 หวั่นไหว
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 200 หวั่นไหว
บทที่ 200 หวั่นไหว แนบตัวกับกำแพงแล้วเดินไปอย่างระมัดระวัง ครั้งนี้เธอขนาบกับกำแพงที่อยู่ตรงข้ามกับประตูใหญ่ ย่อตัวลงแล้วเดินไปข้างหน้า ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัย ลองดันหน้าต่างทุกๆบาน แต่ลองมาสามด้านแล้ว ก็ไม่มีอันไหนที่เปิดได้เลย เธอไม่ย่อท้อ หากยังไม่ใช่หน้าต่างบานสุดท้าย ก็แสดงว่าเธอยังมีโอกาสอยู่ หน้าต่างอีกบาน เพ็ญนีติ์กวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใคร จึงออกแรงดันหน้าต่างจนเปิดออก หน้าต่างบานนี้ไม่ได้ถูกล็อคจากข้างใน และมีช่องว่างไว้ให้เห็นอยู่ ข้างในหน้าต่างนั้นมีแสงอ่อนๆลอดออกมา เปิดไว้เพียงแค่ไฟดวงเล็กเท่านั้น ทันใดนั้นจมูกก็ได้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของห้องน้ำ หากเป็นเมื่อก่อน เธอจะต้องหนีไปเพราะขยะแขยงแน่ แต่ตอนนี้และในสถานการณ์เช่นนี้ นี่คือที่ที่เธอจะปลอดภัยที่สุด ทันใดนั้นก็เข้าใจทันที มีเพียงสถานที่นี่เท่านั้นที่จะต้องเปิดหน้าต่างไว้ ถึงนาราจะฉลาด แต่ก็ไม่สามารถบอกให้คนในบ้านปิดประตูหน้าต่างได้ ลองอยู่ไม่กี่ครั้งก็ปีนถึงขอบหน้าต่างได้ มองเข้าไปก็เป็นห้องน้ำจริงๆ มีอะไรให้ทนไม่ได้กัน ปีนลงจากหน้าต่างเข้าไปในห้องน้ำ แต่เข้ามาทั้งแบบนี้ก็ไม่ปลอดภัยนัก เพ็ญนีติ์คิ้วขมวด นิ่งคิดก่อนจะยื่นหัวออกไปนอกประตู ข้างนอกเงียบมาก ทุกบ้านประตูถูกปิดอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นมีคนอยู่หรือไม่ ห้องครัว ห้องน้ำ หรือห้องคนรับใช้ ต่างก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะบานไหนเธอก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ในตอนที่เพ็ญนีติ์กำลังคิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรดี ตรงทางเดินนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา และเหมือนว่ากำลังตรงมาทางเธอเสียด้วย พระเจ้า เธอแย่แล้ว หากมีคนเดินเข้ามาในห้องน้ำในตอนนี้เธอก็ซวยทันที เหมือนจะเป็นห้องน้ำรวมของชายหญิง ดังนั้นอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ เสียงฝีเท้าดังเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ใกล้จนเธอได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายสองคนที่กำลังเดินมา “โชติ นายว่าตอนนี้ภูรีจะหลับไปหรือยัง” “สาวใช้นมโตที่เข้ามาใหม่ในวันนี้หรือ” “ใช่ จากที่เห็น อย่างน้อยก็คัพซีแน่ๆ” “ได้อยู่ อยากลองขย้ำดูเหมือนกัน ต้องนุ่มมือมากแน่ๆ” “เวร นายพูดจนฉันแข็งแล้ว...” “ฮ่าฮ่าฮ่า...” ใบหน้าเพ็ญนีติ์แดงแล้วแดงอีก ยื่นมือไปกดล็อคประตูอย่างแผ่วเบา แล้วยื่นมือไปที่ปุ่มกดของชักโครก หากพวกเขาจะเข้ามา เธอก็จะทำตัวเป็นคนของที่นี่ เธอกำลังใช้ห้องน้ำ พวกเขาคงไม่รั้นจะเข้ามาหรอก มืออยู่ที่ปุ่มกด ตาจดจ้องอยู่ที่ประตู ใจเธอเริ่มเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง มันตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด เสียงของผู้ชายข้างนอกประตูนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ มีคนดันประตู จนประตูขยับแต่ก็ไม่ได้เปิดออก “บัดซบ ใครอยู่ข้างใน ทำไมถึงล็อคประตู...” เพ็ญนีติ์หลับตาลง เธอต้องเดิมพันเท่านั้น มือกดลงไป เสียงน้ำไหลดังซ่า ทำเหมือนว่าเสียงมันดังกลบเสียงคนข้างนอก เธอจึงไม่ได้ตอบไป “เวรเอ๊ย มีคนจริงๆด้วย เฮ้ย ใครวะ” “เฮ้ย ฉันว่าน่าจะถ่ายหนัก นายดู กดอยู่นั่นแหละ น่าขยะแขยง ไอ้เวรนี่เข้าเสร็จฉันคงไม่กล้าเข้าต่อ นายว่า พวกเราลองไปหาภูรีดูดีไหม ห้องของเธอมีห้องน้ำนี่” “ดีดี พวกเราไปกันเถอะ โชติ นายนี่ความคิดดีจริงๆ ฉันให้เลยร้อยหนึ่ง” ฟังสองคนข้างนอกคุยกัน เพ็ญนีติ์ตื่นเต้นจนซีดไปทั้งร่าง เธอเหมือนจะเป็นลมให้ได้ เธออ่อนแรงจนขยับไม่ไหว เมื่อครู่โชคดีที่เธอหัวไว ไม่อย่างนั้นคงจะโดนจับได้ ระทึกขวัญไปแล้ว เธอไม่สามารถอยู่ที่ห้องน้ำนี่ได้อีกต่อไปแล้ว เสียงฝีเท้าข้างนอกห่างไปไกลแล้ว มือที่สั่นเทาของเพ็ญนีติ์ยื่นไปเปิดประตู จากช่องลอดของประตูเห็นเงาของชายสองคนนั้นเดินหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่อยู่ห่างจากห้องน้ำไปสามห้อง และตรงกันข้ามกับห้องนั้นก็คือบันได เป็นบันไดสำหรับขึ้นบนตึก อ้อยกับส้มจะต้องอยู่ชั้นบนสินะ ชายสองคนที่เดินผ่านไปได้เข้าไปในห้องคนที่ชื่อภูรีแล้ว เพ็ญนีติ์อดสงสารภูรีคนนั้นไม่ได้ แต่เธอไม่มีกำลังที่จะไปช่วยจริงๆ แค่ปกป้องตัวเองในตอนนี้ยังยากเลย เก็บมือเก็บเท้าแล้วรีบวิ่งไปยังบันได ไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงทำได้แค่ยกมือขึ้นมาบังไว้ ถึงแม้จะอันตราย แต่เธอมีวิธีนี้เท่านั้น ได้ยินเสียงของชายสองคนนั้น และมีเสียงน่ารักของผู้หญิงแว่วมาด้วย “พี่ อย่า อย่าเข้ามา...” “เมียจ๋า เธอต้องเรียกว่าอะไรนะ มาให้พี่สัมผัสหน่อย... นุ่มและใหญ่จริง...” “โชติ อย่าจับไว้สองข้างสิ ส่งอีกข้างให้ฉัน ให้น้องชายของฉันได้สัมผัสบ้าง...” เพ็ญนีติ์อดหน้าแดงไม่ได้ เธอบังคับมันไม่ได้ เดินมาถึงหน้าห้องของภูรี ความคิดแล่นปราบเข้ามาทันที นั่นคือชุดคนใช้ของภูรี และผู้ชายที่นี่ต่างรู้จักเธอ หากเธอใส่ชุดของภูรีก็จะไม่เป็นที่จับตามองของคนในบ้านแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนี้ เพ็ญนีติ์ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้หน้าห้อง ในห้องมัน... บางทีเพราะยังอยู่ในช่วงทำงาน ดังนั้นชายทั้งสองจึงยังใส่เสื้อผ้าอยู่ ดูเหมือนแค่อยากเดินเกมไวๆ รีบหลบสายตาอย่างรวดเร็ว แล้วมองชุดคนใช้ที่แขวนอยู่ที่หน้าประตู นั่นเป็นชุดคนใช้ที่เห็นอยู่บ่อยๆ เพ็ญนีติ์เคยเห็นในตระกูลพลสังข์ และในตระกูลศาสตร์พงษ์ เอื้อมมือไปดึง ตอนที่หยิบมาได้ เธอก็กลัวจนหน้าซีด แต่ก็ไม่สามารถหยุดพักได้ รีบวิ่งกลับไปยังห้องน้ำที่เพิ่งออกมา ล็อคประตูจากข้างใน เพ็ญนีติ์รีบเปลี่ยนมาใส่ชุดคนรับใช้ของภูรีทันที หน้าอกของเธอไม่ได้ใหญ่เท่าภูรี ชุดหลวมไปมากแต่ก็ปกปิดได้ทั้งร่าง มองตัวเองในกระจกห้องน้ำ ผมยาวของเธอดูไม่ต่างจากภูรีเท่าไหร่ ปล่อยยาวลาดหลัง ก็ยิ่งดูเหมือน ไม่สนแล้ว ไปทั้งอย่างนี้นั่นแหละ หากจะต้องถูกจับได้ เธอก็จะขอลองสักตั้ง แบบนั้นจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง เพ็ญนีติ์สวมรองเท้าส้นแบนเดินไปตามทางเดินอย่างช้าๆ เพียงแค่เดินผ่านห้องของภูรีไป ก็จะปลอดภัยแล้ว รีบไม่ได้ รีบเกินไปไม่ได้ แบบนั้นเธอถึงจะหลบกล้องวงจรปิดของบ้านหลังนี้ได้ เหยียบบันไดไปทีละขั้น เธอรู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นรัว มันดังมากๆ กดฟันอดทนไป ก้มหน้าไว้ตลอด ดีที่เมื่อครู่ได้ปัดผมลงมาบังหน้าของเธอไปเสียครึ่งหน้า เธอจึงรู้สึกปลอดภัยไปอีกขั้น ชั้นสองเงียบมาก ทุกห้องไม่มีเสียงลอดออกมาเลย เธอจึงเดินไปอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อมาถึงชั้นสาม บ้านหลังนี้ไม่มีใครเดินตรวจตราเลย บางทีคงมีคนคอยมองอยู่ที่ห้องควบคุมเพียงแค่คนเดียว และส่งคนออกไปเฝ้าข้างนอกบ้านทั้งหมด แต่คงไม่คิดว่าเธอจะหลบเข้ามาในบ้านจนได้ หยุดยืนที่สุดทางเดินของชั้นสาม ทันใดนั้นเพ็ญนีติ์ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เพียงพริบตาเหมือนกับว่าเธอเห็นแสงอะไรอีกแล้ว เหมือนกับว่าบนฟ้านั้นมีเครื่องบินจริงๆ เพียงแต่ดึกขนาดนี้แล้วคงไม่มีสายการไหนทำงานแล้วกระมัง บางทีอาจจะเป็นบอลลูน ไม่ก็เธอตาฝาดไปเอง ไม่น่าใช่เครื่องบิน ไม่มีทางใช่แน่ๆ เพ็ญนีติ์กำลังจะเดินขึ้นชั้นสี่ ในตอนที่เพ็ญนีติ์กำลังเดินขึ้นบันได ห้องห้องหนึ่งบนชั้นสามนี้ ก็มีชายที่กำลังคุยโทรศัพท์รีบวิ่งออกมา “นาราหลับแล้ว ให้เธอดื่มเหล้าที่ผสมยานอนหลับไปด้วย ฉันกำลังจะไปชั้นบนสุด ฉันคิดว่าเด็กๆต้องอยู่ที่ชั้นบนสุดนั่น เมื่อครู่ฉันลองหลอกถามเธอ ฉันบอกว่าอยากขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้า แต่เป็นตายเธอก็ไม่ยอม พยายามยั่วให้ฉันขึ้นเตียงท่าเดียว ณัฏฐพล ผู้หญิงของนายคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังหรอกนะ...” “คุณปุริม วันนั้นที่เมาไม่ใช่พูดว่าอ้อยและส้มไม่ใช่ลูกสาวหรอกหรือ ทำไมตอนนี้ถึงได้มาใส่ใจอีกแล้วล่ะ ไหนนายบอกมาสิสรุปใช่ไม่ใช่” “ณัฏฐพล ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาคุยกับนายหรอกนะ ฉันต้องขึ้นไปข้างบนแล้ว” ปุริมตะคอก ปรายตาหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง รูปร่างดีอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเกลียด เกลียดมากจริงๆ สะบัดหน้าอย่างแรง เหมือนต้องการสะบัดสัมผัสของผู้หญิงที่อยู่บนร่างให้หลุดไป ปุริมรีบออกมาจากห้องของนารา เพ็ญนีติ์ป่วย วันที่เกิดอุบัติเหตุทางรถเขาให้ตรวจร่างกายของเธอโดยละเอียดด้วย เธอมีอาการเลือดออกผิดปกติ แต่อาการเลือดออกนั่นแปลกมาก มันไม่เหมือนอาการเลือดออกผิดปกติแบบทั่วไป แต่เพราะอาการป่วยนี้เพ็ญนีติ์ถึงเลือดกำเดาไหลบ่อย อาการป่วยนี้ยาธรรมดาทั่วไปไม่สามารถรักษาได้ ตามการวินัยโรคของหมอในโรงพยาบาลแล้ว ไม่มีวิธีอื่นแล้วนอกจากการปลูกถ่ายไขกระดูกแล้ว ตลอดเวลาที่เพ็ญนีติ์อยู่ที่โรงพยาบาล เขาพยายามตามหาไขกระดูกที่จะสามารถปลูกถ่ายให้เธอได้ แต่การตามหาไขกระดูกที่จะเข้ากับเพ็ญนีติ์ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ความน่าจะเป็นต่ำมาก ความจริงหมอบอกไว้ว่าไขกระดูกที่จะเข้ากันกับเพ็ญนีติ์ได้ดีที่สุดนั่นก็คือคนร่วมสายเลือดของเธอเอง เรื่องนี้เขาก็คิดไว้เช่นกัน แต่พ่อแม่ของเพ็ญนีติ์ได้เสียไปนานแล้ว นอกจากอ้อยและส้ม เธอก็ไม่มีคนร่วมสายเลือดแล้ว แต่อ้อยและส้มยังเล็กนัก... นี่คือสิ่งที่เขารับไม่ได้ ในวันที่เพ็ญนีติ์ออกจากโรงพยาบาล หมอได้ติดต่อมา บอกว่าอาการป่วยของเพ็ญนีติ์นั้นร้ายแรงมาก หากไม่รีบรักษา น่ากลัวว่าจะ... ขบกรามแน่น เด็กๆคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ เธอรักเด็กๆมาก บางทีมีเพียงแค่เด็กๆเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเธอได้ หมอบอกว่าการปลูกถ่ายไขกระดูกนั้นถึงแม้จะเป็นสร้างอาการบาดเจ็บให้กับร่างกายของคนให้ เพียงแค่ดูแลร่างกายให้ดีภายหลังก็พอ ความจริงผลที่ตามก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น คนที่บริจาคไขกระดูกก็ยังสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ปุริมเริ่มหวั่นไหว หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาต้องช่วยเพ็ญนีติ์ไว้ให้ได้
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 200 หวั่นไหว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A