ตอนที่202 เพียงแค่อยากลืมคุณ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่202 เพียงแค่อยากลืมคุณ
ตอนที่202 เพียงแค่อยากลืมคุณ ปุริมเกือบจะหลุดคำพูดออกไป แต่ว่าเพียงเวลาสั้นๆก็ทำให้เขาอดกลั้นเอาไว้ โดยแก่นแท้แล้วฝ่ายตรงข้ามคือนารา นาราเป็นน้องสาวสนิทที่สุดของเพ็ญภัทร์ “นารา หล่อนไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก เธอเชื่อฉันเถอะ” “จริงไหม” นาราไม่เชื่อและถามย้อนกลับ แล้วก็ให้เขาอยู่ในสถานการณ์อันฉุกเฉินนี้เชื่อนารา “ใช่สิ นารา เธอบอกฉันมาว่าเธอตอนนี้อยู่ที่ไหน” ปุริมก้มหัวลงมองนาฬิกาข้อมือ เขาต้องรีบไปบริษัทบันเทิงบีเอมจริงๆ “ก็อยู่ที่ถนนXXX พี่เขย พี่มีธุระอะไรไหม ถ้ามีเรื่องอะไรก็พูดมา ขอเพียงแต่พี่รับรองว่าพี่สาวของฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะช่วยพี่อย่างแน่นอน” ปุริมคำนวณระยะห่างของถนนXXXกับโรงพยาบาลที่ลูกๆอยู่นั้นใกล้มาก ดังนั้น ไม่ได้คิดอะไร ก็บอกที่อยู่โรงพยาบาล และให้หล่อนรีบมา “ได้ค่ะ พี่เขย ฉันจะไปทันที” สูบบุหรี่อีกอันหนึ่ง ปุริมบอกกับพยาบาลแล้วก็ไปที่หน้าประตูใหญ่โรงพยาบาล ที่จริงแล้ว การตรวจของเด็กๆใกล้จะเสร็จแล้ว เขาจะพาเด็กๆไปเลยก็ได้ เพียงแต่ว่า ต้องไปบริษัทบันเทิงบีเอมพาอ้อยกับส้มไปคงจะไม่ดี แล้วอีกอย่างเวลาก็ไม่ทันแล้ว เพียงแต่ให้นาราช่วยดูแลเด็กๆ เขาไม่ได้คิดอย่างอื่นอีกจริงๆ แต่ว่า เขาทำไมไม่คิดว่าแบบนี้ จริงๆแล้วเป็นการผลักให้เด็กๆลงหลุมไฟ “พี่เขย ฉันมาแล้ว มีเรื่องอะไร” รถเต่าของนาราก็จอดที่หน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แล้วหมุนกระจกออกมาถามดวงตางามดั่งไฟลงมาที่ปุริม “ช่วยฉันดูแลอ้อยกับส้มหน่อย พวกหล่อนเชื่อฟังมาก พวกหล่อนอยู่ในโรงพยาบาลตรวจอยู่ ตรวจเสร็จแล้วเธอช่วยฉันส่งเด็กๆกลับคฤหาสน์ได้ไหม” “ไม่มีปัญหา พี่เขย ถ้าพี่มีธุระ ก็ไปเถอะ ฉันสัญญาว่าต้องทำภารกิจให้สำเร็จ” นาราบอกรับประกัน ปุริมถึงจะวางใจออกไป แต่ทว่า เกี่ยวกับเรื่องหุ้นส่วน ใจของเขากลับวางไม่ลง เขาไม่รู้ว่าบริษัทบันเทิงบีเอมจะวางหมากอะไรไว้หรือเปล่า ตอนนี้เขาต้องไปดูเองกับตาแล้วล่ะ ขับรถตรงไปที่ บริษัทบันเทิงบีเอม แต่ว่า ตอนที่เขาจอดรถอยู่หน้าบริษัทบันเทิงบีเอม บนรถของเขากระจายเสียงวิทยุออกมาเป็นข่าวที่น่าตกใจ หุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัดกำลังลงอย่างรวดเร็ว มีคนจำนวนมาก ทิ้งการขายออกหุ้นของบริษัททัดธนกรุ๊ปจำกัด เลือดขึ้น ปุริมแค่รู้สึกว่าฟ้ากำลังหมุน เขาปวดหัวมาก นั่งบนรถโทรศัพท์หาผู้จัดการฝ่ายการเงินของบริษัท “พูดมาเถอะ ถ้าไม่มีเงิน โดนละทิ้งหุ้นอย่างนี้ต่อไป บริษัทจะยืนหยัดได้นานเท่าไหร่” เขายังโทรไม่เสร็จ ก็มีข้อความเข้ามา เวลานี้ทำให้เขาหยุดกังวลกับสิ่งที่จะทำให้เขารับรู้ข่าวคราวไม่ได้ ครั้นจึง เขาก็หยุดโทรแล้วก็ดูข้อความ แต่ว่าทันทีนั้น เดิมทีสีหน้าที่ตรึง ก็ยิ่งหนักหน่วง เขาดูข้อความอย่างไม่น่าเชื่อ ลืมว่ากำลังคุยกับผู้จัดการฝ่ายการเงินอยู่ ผู้จัดการฝ่ายการเงินอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “ท่านประธาน คุณยังอยู่ไหม” เขาอยู่ไหม เขายอมที่จะไม่อยู่ เวลานี้ ฟ้าของผู้ขายกำลังจะพังทลายลง เนื้อหาของข้อความคือ พี่เขย ผลการตรวจเลือดออกมาแล้ว พี่เขย ทำไมฉันรู้สึกว่าพี่กับอ้อยและส้มไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดล่ะ พี่คือกรุ๊ปA พวกหล่อนคือกรุ๊ปB เขาใจเต้นทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ว่าอ้อยและส้มเป็นลูกของเขา เพียงแต่ เพ็ญนีติ์แน่ใจว่าเป็นลูกเขา เขาก็เชื่อแล้ว จนกระทั่งเขาจำไม่ได้ว่าคืนแรกของเขากับ เพ็ญนีติ์ จำอะไรไม่ได้เลย สูดลมหายใจดูข้อความอยู่นาน กรุ๊ปเลือดของเขาคือกรุ๊ปA กรุ๊ปเลือดของเด็กๆคือกรุ๊ปB เขาถูกเพ็ญนีติ์หลอกแล้ว สุดท้ายบริษัทบันเทิงบีเอมก็ไปไม่สำเร็จ คนอื่นเค้าได้ทิ้งหุ้นของเขาแล้ว เขาไปก็ไม่เหมาะสม จะทำให้ตัวเองอับอายมากกว่า นั่งเงียบๆอยู่ในรถ นวดขมับ เรื่องทุกอย่างเสมือนภูเขาใหญ่ที่กดทับเขาแต่ว่าครู่หนึ่ง เขาก็หงุดหงิดและส่งข้อความให้นาราหนึ่งข้อความ “พาพวกหล่อนไปซะ ผมไม่อยากเห็นพวกเขาอีก" เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่า เขาคือย้ายลูกสาวแท้ๆของเขาผลักลงหลุมไฟ บินเร็วไปทีชั้นบนสุด ปุริมเพียงแต่อยากช่วยอ้อยและส้มออกมาเร็วๆ หาเพ็ญนีติ์ไม่เจอแล้ว สองวันนั้นเขายุ่งอยู่กับหาอ้อยและส้มก็ฝากความปลอดภัยของเพ็ญนีติ์ให้ นภนต์ดูแล ดังนั้น เขาไม่รู้สักนิดเลยว่าพ็ญนีติ์เกิดเรื่องแล้ว โทรศัพท์ ติ๊ด เสียงดังขึ้น นั่นเป็นรหัสลับณัฏฐพลส่งมาช่วยเหลือ ขอเพียงแต่เขาหาลูกๆเจอ ก็จะไปดาดฟ้าขึ้นเครื่องบิน ก็จะมองอย่างไกลว่าเป็นที่ที่ยุ่งยาก เขาเคยหาแล้ว อ้อยกับส้มก็อยู่ที่ตึกแห่งนี้ เดินย่ำบันไดก้าวใหญ่ กวาดสายตาอันหนักหน่วงไปที่ข้างหน้า ข้างหน้าส่งเสียงทื่อ ๆมาอย่างไม่หยุด ราวกับว่าข้างหน้ามีคน นี่ก็ทำให้เขาไม่กล้าเดินเร็ว ถ้าหากถูกจับได้แล้ว กลัวแค่ว่าจะช่วยอ้อยกับส้มไม่ได้ง่ายแล้ว ในห้องตรวจสอบ ผู้ชายที่เคลิ้มและขยี้ตามาโดยตลอดแล้วก็สแกนหน้าจอกล้องวงจรปิดอย่างประมาท ทุกวันก็มองอันนี้ มองเห็นก็เป็นภาพเดียวกันหมด ไม่เคยแก้เลยสักนิด นี่ทำให้เขาขี้เกียจดูแล้ว แต่ทว่า สายตาของเขาจากชั้นสามมองกวาดไปถึงชั้นสี่ ทันใดนั้น ผู้ชายที่ตามกลับมาพร้อมนาราก็เขามาอยู่ในสายตาของเขา แต่ทว่า ผู้ชายข้างๆนารากลับไม่ปรากฏตัว ผู้ชายตะลึง รีบหยิบเครื่องส่งรับวิทยุขึ้นมา “ทุกคนระวัง ปุริมปรากฏตัวอยู่ที่ชั้นสี่ คุณผู้หญิงไม่อยู่ๆ” ในลาน ทุกคนได้ยินหมดแล้ว รีบมารวมตัวกัน “เขาค้นพบเด็กหญิงสองคนแล้วหรือเปล่า” “ไม่รู้ “ “ตอนนี้ทำยังไงดี” “ขึ้นไปก่อน ดูสถานการณ์ทำตามสัญชาตญาณ” ใครก็คาดเดาไม่ออกว่าปุริมไปข้างบนทำอะไร หรือว่าจะไปข้างบนสูบบุหรี่ล่ะ ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ถ้าหากพวกเขารบกวนแฟนของเจ้านาย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ถูกอนุญาต วุ่นวายมาก หลายคนต่างก็พยักหน้า แล้วก็รีบเข้าไปในห้อง เสียงเท้าและเสียงพูดที่คลุมเครือ ปุริมได้ยินแล้ว ดูเหมือนว่ากล้องวงจรปิดที่นี่ถูกจับได้แล้วว่าเขาอยู่นี่ หยิบปืนที่ไม่มีเสียงแอบติดตัวไป ยิงไปที่เทปของกล้องวงจรปิด แล้วก็รีบขึ้นไปข้างบน เสียงเท้าของเขาทำให้ เพ็ญนีติ์ที่เดินอยู่ข้างหน้ารีบเร่งฝีเท้า เธอคิดว่าคนข้างหลังตามล่าเธออยู่ เธอไม่รู้เลยว่าคือปุริม ตึกห้าชั้น เดินไม่นานก็ถึงชั้นห้า เพ็ญนีติ์ก้มหัวลง ถึงอย่างไรก็ตามท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนภูรีมาก ขอเพียงแต่เธอไม่พูดและไม่ให้ใครมองเห็นหน้าเธอชัดๆ เธอก็ปลอดภัยชั่วคราว “ใครน่ะ” ทั้งตึกมีคนเฝ้าอยู่แค่ชั้นนี้ ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอต่ำก็มีผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น เพ็ญนีติ์ไม่ส่งเสียง เพียงแค่หันไปที่คนที่พูด แล้วพยักหน้า ผมยาวห้อยมาข้างหน้า ผู้ชายคนนั้นรีบจ้องไปที่ เพ็ญนีติ์ “เป็นภูรีเองหรอ ขึ้นมาทำอะไร” พวกเขาไม่รู้ว่าปุริมตามหลังเพ็ญนีติ์อยู่ ก็แค่อยากเล่นกับยัยภูรีที่มาคนเดียวสักหน่อย เจอแล้วไม่ทำอะไรสักหน่อยเสียดายแย่เลยสาวนมใหญ่ เพ็ญนีติ์ปัดเส้นผมเบาๆ แล้วก็หายใจลึกๆ ทำเป็นไม่มีเสียงพูดว่า “คุณผู้หญิงให้ฉันขึ้นมาดูเด็กบ้าสองคนนั้น” ถึงอย่างไรก็ตาม นาราก็อยู่กับปุริมอยู่นะ รอนาราปรากฏตัว เธอและเด็กๆก็ออกไปจากที่นี่แล้ว “อ้อ รีบไปหน่อย รีบไปรีบกลับ พี่รอเธอกลับมาอยู่” ผู้ชายไม่สงสัยว่ามีการหลอกลวง ชุดคนรับใช้นั้นก็เหมือนสิ่งคุ้มครองให้เพ็ญนีติ์เดินไปที่ระเบียงชั้นห้าอย่างปลอดภัย แต่ทว่า เธอกลับไม่รู้ว่าพวกเด็กๆอยู่ห้องไหน เป็นเวลานี้ซะด้วยก็ยิ่งเอ่ยปากถามผู้ชายสองคนนั้นไม่ได้ ถ้าหากเป็นนาราให้เธอมาล่ะก็ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่บอกเธอว่าเด็กๆอยู่ห้องไหน เพียงแต่เธอถามแล้ว เธอก็ถูกจับได้แน่ๆ แต่ว่าไม่ถาม เธอตอนนี้ก็ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เดินก้าวไปข้างหน้าอย่างดื้อรั้น ทุกก้าวกลับเสมือนเรือที่เต็มไปด้วยน้ำหนักหน่วงมาก พูดไม่ได้ และจะหลุดข้อบกพร่องอะไรออกมาไม่ได้ หูกลับตั้งใจฟังเสียงของทุกห้องที่ส่งออกมา ฉนวนกันเสียงดีมาก ยากที่จะได้ยินอะไร ตั้งแต่ขึ้นมา เธอก็ไม่ได้ยินอะไรเลย ก็ยังเดินหน้าต่อเดาว่าเด็กน่าจะอยู่ห้องข้างในสุดไม่กี่ห้องนั้น ดังนั้น เมื่อเดินถึงตรงนั้นแล้ว เธอก็ละเอียดเป็นพิเศษ ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงเล็กมากที่แทบจะฟังไม่ออก ออกมาจากห้องห้องหนึ่ง ไม่สนแล้ว ก็เดาว่าเป็นห้องนี้ละกัน ถูกแล้วก็เป็นโชคดีของเธอ ผิดก็เป็นเคราะห์ร้ายของเธอ ยังไงก็ต้องสู้ ตอนกำลังจะผลักประตู ข้างหลังก็ส่งเสียงดุร้ายมา “หยุดนะ” ทันที ที่เสียงต่อสู้ดังมาจากข้างหลัง เธอไม่รู้จริงๆว่าใครมา เวลาแบบนี้ ก็ไม่มีเวลาไปดู แค่อยากรีบหลบไปจากที่นี่ อยู่อีกสักวินาทีเดียวรู้สึกกระวนกระวายใจ มือจับไปที่ลูกบิดประตู หมุนอย่างเบาๆ ประตู ดังเอี๊ยด และเปิดออก เกินความคาดคิดว่าไม่ได้ล็อก แปลกแล้วสิ ถ้าแอบซ่อนเด็กทั้งสองอยู่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ล็อกประตู เธอต้องทายผิดแน่ๆ หันตัวกลับไป เธอต้องใช้เวลาหาลูกๆอย่างเร็ว แต่ทว่า เท้าของเขาเพิ่งจะก้าวเข้ามา ข้างหลัง ก็มีเสียงทื่อๆตามมา เสียงนั้นดึงดูดให้เธอถอยกลับ ในขณะเดียวกัน ยื่นมือเปิดไฟ ไฟสว่างขึ้นมา อะไรก็ไม่ต้องสนแล้ว หาพวกลูกๆเจอก่อนค่อยว่ากัน เธออยากอยู่ด้วยกันกับลูก ในมุมหนึ่ง ในที่สุดเพ็ญนีติ์ก็เห็นเงาเล็กๆทั้งสอง น้ำตา ไหลพรั่งพรูออกมา แค่ไม่กี่วันไม่เจอเพียงเท่านั้น อ้อยกับส้มผอมลงมาก เงยหน้าอย่างน่าเวทนา มองมาที่เธอ เพราะผมของเธอยังห้อยอยู่บนหน้า เพราะว่าเขาใส่ชุดคนใช้อยู่ เด็กน้อยทั้งสองไม่คิดว่าเป็นหม่ามี๊ก็ก้มหน้าลงต่อ ไม่สนใจเธอ “อ้อย ส้ม” เธอพยายามพูดเบาๆ น้ำเสียงฟังตื่นเต้น ห่างจากกันตั้งนาน ในที่สุดก็เจอพวกลูกๆแล้ว
已经是最新一章了
加载中