ตอนที่205 ผู้ชายที่โง่ที่สุด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่205 ผู้ชายที่โง่ที่สุด
ตอนที่205 ผู้ชายที่โง่ที่สุด ชายคนนั้นสตาร์ทเครื่องออกรถ ไม่หันหัวกลับมา และก็ไม่เห็นเธอพูดอะไร “คุณจะไปไหนพี่นภนต์บอกว่าถ้าคุณจะไปไหนก็ไปส่งคุณที่นั่น” เพ็ญนีติ์ส่ายหัวเบาๆช่วงเวลานี้ที่ได้นั่งอยู่บนรถ ในใจของเธอก็ได้วางลงแล้ว แต่ว่า โลกทั้งใบช่างใหญ่เหลือเกิน เธอกลับคิดไปออกไปชั่วขณะว่าจะไปที่ไหน “ขับไปข้างหน้าก่อนเถอะ อีกสักครู่ฉันค่อยบอกนาย” “ได้” ผู้ชายตรงไปตรงมา ไม่ถามมากไปกว่านี้เขาดับไฟในรถ ก็ทำให้ใบหน้าของเขาที่มีรอยแผลเป็นยาวและแคบจากมีดมืดลงไป เพ็ญนีติ์ขยับเข้าใกล้ลูกๆอย่างเบาๆ ร่างกายน้อยๆอันนุ่ม หลายวันมานี้ผ่านอะไรที่เจ็บปวดมาบ้างนะ เด็กตัวเล็กแค่นี้เอง นารานี่ยังทำไปได้นะ ไฟข้างหน้ารถวิบวับๆ แสงไฟส่องไปรอบ ดูเหมือนไม่เป็นความจริง ผู้ชายแปลกหน้า รถที่แปลกหน้า แต่กลับเป็นเพราะนภนต์ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เป็นเวลานาน เธอถามอย่างเบาๆว่า “เขาอยู่ไหน” ผู้ชาย ดูตะลึง คล้ายกับว่าคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะถามคำถามนี้ลังเลอยู่แป๊ปนึง ถึงจะพูดว่า”ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน สู้คุณโทรศัพท์ถามเขาดีกว่า” พูดแล้วผู้ชายคนนั้นก็ส่งโทรศัพท์ของเขามาให้เธอ เธอส่ายหัว ถามก็เหมือนกับไม่ได้ถามถ้าหากนภนต์ยอมที่จะบอกเธอ เธอก็ไม่จำเป็นที่ต้องถามผู้ชายคนนั้นแล้ว “ส่งฉันไปที่ฝั่งตะวันตกเถอะ ฉันอยากไปที่นั่น” “พาเด็กๆไปด้วยกันหรอ”ชายหนุ่มไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ หันกลับไปดูแวบหนึ่งเด็กน้อยทั้งสองยังหลับลึกอยู่ “ใช่ ที่นั่นดูสงบดี” เธอไม่อยากอยู่เมืองที่เจริญและคึกคักอีกแล้ว นั่นเป็นแค่ความฝัน ในความเป็นจริงแล้วกลับพาเธอไปสู่ความโหดร้าย ก็เหมือนกับเมืองดรัล ทุกวันนี้คิดย้อนกลับไปนอกจากความเจ็บปวดแล้ว ก็เหลือแค่ความเจ็บปวด ปุริม เธอจะอยู่ให้ห่างจากเขาตลอดชีวิต ให้แก่ตายก็ไม่เจอกัน เป็นเขาเองที่ทิ้งลูก เป็นเขาเองที่โหดร้าย นำลูกส่งไปให้นารา จับข้อมือของอ้อยเบาๆ ข้าวบนผิวอันบอบบางมีรอยเชียวช้ำ ทำให้เธอราวกับไม่สบายใจมาก ไปเถอะ ก็ไปให้ไกล เธอไม่เสียใจภายหลัง และยิ่งไม่ลังเล “งั้นก็ได้ ผมไปส่งคุณ" รถออฟโรดขับบนถนนอย่างรวดเร็ว ปุริมคงคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าเธอจะจากไปในคืนเดียวกัน ความเร็วระดับนี้ ตอนเขาตอบสนองกลับมาแล้ว เธอออกไปจากเมืองดรัลมาไกลแล้วทหารปฏิบัติการในระดับเร็ว นี่เป็นสัจธรรมที่เป็นอมตะ ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ในขณะที่รถขับออกจากเมืองดรัล เธอหันหัวไปอย่างเงียบๆ แค่หวังว่าจะหาที่เมาและความฝันหลั่งน้ำตาออกมา ใจ ก็ยังไม่ยินยอม ผู้ชายคนนั้นไม่ได้สนอะไรเลย แค่สนว่าต้องส่งเธอออกไป นอกจากขับรถแล้วเขาก็ไม่พูดอะไรมากเช้าตรู่เด็กๆตื่นขึ้นมา มองไปที่หน้าต่างด้านนอกดูมีความสุขเหมือนนกน้อย ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้อย่างเร็ว เธอก็ไม่ได้ถาม ดีที่สุดก็คือ ลูกๆไม่ต้องคิดถึงเรื่องพวกนั้นถึงจะดี ตรวจดูร่างกายของลูกๆเล็กน้อย มีแค่รอยช้ำเท่านั้น ดูเหมือนว่า นาราไม่ได้ทารุณอ้อยกับส้มขนาดนั้น นี่ทำให้เธอใจกว้างเท่าไหร่แล้ว แผลเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นแผลที่ถูกเชือกมัดหลงเหลือไว้อยู่ แต่ว่า เธอก็ยังสั่งให้ชายหนุ่มเจอร้านยาแล้วหยุดก่อน ซื้อยานวดฟกช้ำ ทายาให้พวกลูกๆ เธอถึงจะสงบใจขึ้น จากเมืองดรัลถึงฝั่งตะวันตก ที่จริงแล้วฝั่งตะวันตกเป็นเพียงแค่ทิศทางเท่านั้นเอง โดยรูปธรรมแล้วเธอจะไปไหนก็ยังไม่รู้ หิวแล้วก็หาร้านเล็กๆกินไปก่อนค่อยๆ เธอรู้ว่าชายหนุ่มชื่อว่าพี่จู๋ต ถึงแม้ว่าจะเคร่งขรึม แต่ก็ดูเกรงใจเธอ ง่วงก็งีบหลับบนรถ ตลอดทางพี่จู๋ตไม่ได้นอน ทำให้เธอเป็นห่วงว่าเขายังขับรถได้อยู่ไหม แต่ไม่ว่าเธอจะขอร้องยังไง พี่จู๋ตก็ไม่ให้เธอขับ เธอถึงได้รู้ว่าพี่จู๋ตและนภนต์เป็นเพื่อนร่วมตายกัน แต่ว่านภนต์ไปมีเพื่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน โลกของเขา เธอรู้น้อยมากจริงๆ ไปๆหยุดๆ ถึงวันที่สาม พี่จู๋ตถึงรู้ว่าต้องนอนแล้ว แต่ว่าก็แค่จอดรถข้างทางงีบหลับสักครู่ ต่อจากนั้นก็ตื่นอย่างรวดเร็วขับรถไปต่อ เขาเป็นคนที่แปลกมาก เสียงของอ้อยและส้มเพียงนิดเดียวก็ปลุกเขาตื่นได้ ดังนั้นต่อมาขอเพียงแต่เขานอนหลับ เธอก็จะสั่งให้อ้อยและส้มไม่ต้องส่งเสียง ฤดูใบไม้ผลิของเมืองดรัลมาถึงแล้ว แต่ว่ายิ่งเข้าฝั่งตะวันตกก็ยิ่งอ้างว้างและยิ่งหนาว ไม่อยากไปไกลกว่านี้แล้ว ก็พูดกับพี่จู๋ตว่า “ก็หาหมู่บ้านใกล้แถวนี้ละกัน ยิ่งห่างไกลตัวเมืองเท่าไหร่ยิ่งดี” “คุณไม่กลัวว่า พี่นภนต์จะโทรหาคุณไม่ติดหรอ” นี่เป็นครั้งแรกที่พี่จู๋ตพูดถึงนภนต์โดยที่เธอไม่ได้ถาม แต่ว่าประโยคนี้ก็ทำให้เธอเข้าใจแล้ว พี่จู๋ตนำเธอกับนภนต์เมคอัพเป็นก้อนเดียวกันแล้ว เธอพูดอย่างเบาๆ “ไปเถอะ ก็อยู่ใกล้นี้ก็พอแล้ว” พี่จู๋ตไม่ได้พูดอะไรอีก หาที่ที่ติดภูเขาและน้ำแล้วจอดรถลง “ก็ที่นี่ละกัน เป็นอย่างไรบ้าง” เธอพยักหน้า ได้ ไม่มีอะไรต้องเลือกแล้ว ขอเพียงแต่ออกไปจากปุริมก็ดีแล้ว “คุณรอก่อน ผมไปดูหน่อย” เพ็ญนีติ์สะลืมสะลือ หรือว่าเขาจะรู้จักคนที่นี่เชียวหรอ แต่มองพี่จู๋ตเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เธอก็รู้สึกสบายใจแบบแปลกๆ เขาคงจะจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว จริงอย่างคาดคิด พี่จู๋ตอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้พักสามวัน ซื้อห้องหนึ่งห้อง เล็กๆ กลับพอที่จะอยู่กันสามคนแม่ลูก “พี่สะใภ้พี่นภนต์บอกแล้ว ถ้าหากคุณอยากออกนอกประเทศก็ได้ คุณจำเบอร์ของผมเอาไว้ ถ้าโทรหาพี่นภนต์ไม่ติด ก็โทรหาผม ผมจัดการขั้นตอนการออกไปต่างประเทศให้คุณได้เสมอ” เธอส่ายหัว “อยู่ที่นี่ก่อนเถอะ” ตอนนี้เธอชอบที่สุดก็คือเงียบสงบ พี่จู๋ตก็ไม่ได้พูดอะไร ซื้อของให้เธอเยอะแยะ วิ่งหมดไปอีกหนึ่งวัน ตอนกลางคืนกลับมาก็พูดว่า “โรงเรียนในหมู่บ้านนี้ขาดคุณครู สู้คุณมาช่วยที่นี่สอนหนังสือดีกว่า ผมพูดกับหัวน้าหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว” มีความสามารถจริงเลยที่แปลกๆแบบนี้ พี่จู๋ตก็สานสัมพันธ์กับบุคคลใหญ่ๆในหมู่บ้านนี้ได้ ทำให้เธอไม่รู้สกเหมือนตอนแรกที่เจอแล้ว ความจริงแล้ว เขาก็ไม่ดุ พยักหน้า เธอตอบรับแล้ว แบบนี้ดีจริงเลย สุดท้ายรถออฟโรดก็คงขับออกไปจากหมู่บ้าน มองเงารถที่หายไปเพ็ญนีติ์กอดลูกไว้ที่ตัวอย่างแน่น ใจของเธอไม่ได้แผ่วลงไป แต่กลับมั่นคง อยู่กับอ้อยและส้ม ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ดังนั้น เธอยอมที่จะอยู่ที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนลูกๆ ผ่านฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิในปีนั้น เธอไปแล้ว ฤดูดอกไม้บานอยู่ที่เมืองดรัล มีความรักบางอย่าง ลาก่อนแล้วนะ มีความรู้สึกบางอย่าง ถูกฝังไปแล้ว มีความแค้นบางอย่าง ที่ลอยไปกับลม แค่นั่งเงียบๆ ใต้ต้นไม้เก่าแก่ในสวน เป็นปีที่ดี สุดท้ายฉันจะลืมคุณได้ ก็ทำตัวของฉันเอง บ้านของชนบท ถึงแม้ว่าจะง่าย กลับเป็นหลังใครหลังมันเพ็ญนีติ์มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาแต่ไหนแต่ไรเพียงเวลาไม่นานก็อยู่กับเพื่อนบ้านอย่างกลมเกลียว ที่นี่อากาศดี ผักที่กินก็สด ก็คือซ้ำซากจำเจ ในสวนก็ปลูกแค่พวกนั้นไม่มีอย่าง ที่โรงเรียนมีอนุบาล เพียงแต่ว่ายังไม่เปิดเทอม แต่ว่าพวกคุณๆทำงานแล้ว ถึงแม้ว่าจะเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่เธอแต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะมาเป็นครู การเรียนการสอนแบบเรียนรวม หนึ่งห้องมีสองระดับชั้น รวมทั้งหมดสามระดับชั้น แต่ว่าคุณครูมีแค่3คน ดนตรี ศิลปะ พละเป็นต้น ครูคนหนึ่งสอนหลายวิชาอะไรประมาณนี้ อยู่เพียงแค่สองวันเธอก็ค้นพบว่าตอนเธอยังเด็กมีความสุขมากแล้วจริงๆ ปัทมานำพาเธอเติบโต ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ว่า เธอเคยเรียนที่โรงเรียนระดับปฐมดีกว่าที่นี่มาก และที่เรียกว่าอนุบาลความจริงแล้วก็เป็นแค่คุณป้ามาดูแลเด็กๆในหมู่บ้าน ได้ยินว่าตอนที่การเกษตรยุ่งมากนั้น คนที่โรงเรียนอนุบาลต้องประสบ ใหญ่ดูแลเล็ก อ้อยและส้มเพียงไปแค่วันเดียวก็ส่ายหน้า “หม่ามี๊ ไม่ไปโรงเรียนอนุบาลได้ไหม” เธอส่ายหน้า “ไม่ได้” ยังไงก็ต้องมีคนดูเด็กทั้งสอง ผ่านเรื่องราวก่อนหน้านั้นมา เธอไม่กล้าทิ้งให้พวกลูกอยู่ที่บ้านคนเดียว นั่นจะทำให้เธอไม่วางใจ “หม่ามี๊ ทำไมถึงไม่ได้ โรงเรียนอนุบาลที่นี่เหมือนอนุบาลที่ไหนกัน น่าเบื่อมาก” เธอคิดๆดูแล้วก็ใช่ เปลี่ยนใจและพูดว่า “สู้ไปเรียนดีกว่า” หกขวบแล้ว ก็เข้าเรียนเร็วหนึ่งปี เรียนเอาความรู้สักหน่อย นี่เป็นวิธีการประนีประนอม สำคัญที่สุดคือพวกลูกๆจะได้อยู่ในสายตาของเธอ ไม่อยากจากลูกๆไปอีกแล้ว ตอนนี้ในโลกนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าคนที่ทำให้เธอเชื่อใจมันน้อยมากขึ้นเรื่อยๆจริงๆ ถ้าหากพ่อแท้ๆของลูกๆทิ้งพวกเธอไว้โดยไม่สนใจ เธอยังจะเชื่อใครได้อีกล่ะ “ได้สิๆ ฉันอยากไปเรียน” เพ็ญนีติ์เริ่มยุ่งขึ้นมาอีกแล้ว เธอค้นพบว่าเพียงแต่เธอยุ่งขึ้นมา เวลาก็จะเดินเร็วมาก ใจก็มีความสุข ที่เล็กๆแบบนี้ เธอเริ่มจะชอบขึ้นเรื่อยแล้ว เพราะว่าคนที่นี่เรียบง่ายมาก ตื่นเช้า จุดไฟทำกับข้าว มีความรู้สึกแบบว่าได้กลับมาสู่ธรรมชาติ คนในเมืองคงไม่ชอบการทำกับข้าวในป่า ที่จริงแล้วก็เหมือนใช้ชีวิตอยู่ในชนบท ลูกๆก็ตื่นแล้ว สะพายกระเป๋าหนังสือน้อยๆ ใส่รองเท้าอย่างดีใจ “หม่ามี๊ วันนี้กินอะไร” “โจ๊กลูกเดือย” เปิดหม้อขึ้นมา ทันใดนั้น เลือดก็หยดไปที่โจ๊กลูกเดือย ตกใจมาก เธอทำไมถึงลืมไปได้ล่ะ เม็ดยาพวกนั้น ชายชราที่อยู่ในหุบเขาให้ยาเม็ดแก่เธอ เธอทิ้งไว้ที่คฤหาสน์ของนาราแล้ว พระเจ้า ชายชราบอกแล้วว่า อย่างน้อยเธอต้องกินเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่ว่าเธอ เป็นเวลาเจ็ดแปดวันไม่ได้กินแล้ว บนการเดินทางกี่วัน ถึงหมู่บ้านเล็กๆแล้วอีกกี่วัน ยาเม็ดนั้นไม่รู้ว่ายังอยู่ไหม อาจจะถูกนาราทิ้งไปตั้งนานแล้ว หันกลับมาดูอ้อยและส้มกำลังทำสีหน้าอย่างจริงจังรอเธอตักข้าว หม่ามี๊ เลือดกำเดาไหลแล้ว อ้อยเคาะชาม เจ้าตัวเล็กหิวแล้ว “เห้อ ไม่เป็นไร”ปัดปัญหาผ่านไปอย่างเบาๆ แต่ว่ามือที่ยกโจ๊กอยู่นั้นสั่น ยกขึ้นโต๊ะไปทีละอัน อ้อยกินแค่คำเดียวก็วางลงไป” หม่ามี๊ ทำไมไม่มีหมูสับล่ะ แล้วก็เห็ดกับผัก อะไรก็ไม่มีนะ” “อ้อ ที่นี่ไม่มี กินเถอะ เชื่อฟัง” นี่เป็นอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่แล้ว “หม่ามี๊ พวกเราต้องอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรอ” “อื้ม ใช่แล้ว” “แต่ว่า” ไม่สมัครใจนิดหน่อย แต่ว่าอ้อยก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก เสียงนั้น แต่ว่า มือของเพ็ญนีติ์ที่จับตะเกียบอยู่นั้นหยุดชะงัก ลูกๆแต่ก่อนใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ดังนั้น พวกเธอยังไม่ชอบที่นี่ชั่วคราว
已经是最新一章了
加载中