ตอนที่ 207 ความชอบที่ออกมาจากข้างใน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 207 ความชอบที่ออกมาจากข้างใน
ตอนที่ 207 ความชอบที่ออกมาจากข้างใน “ช่วยฉันติดต่อโรงเรียนอนุบาลที่รับฝากเด็กแบบระบบปิด ตอนนี้ เดี๋ยวนี้” เธอคำรามเสียงอย่างต่ำๆ หลังจากครั้งแรกที่จากไปในตาก็มีความหงุดหงิด “ไม่ได้” ผู้ชายลุกขึ้นไปที่รถของเขา คล้ายกับว่าจะจากไป “หยุดนะ”เธอยืนขึ้นมาอย่างเร็ว “ถ้าหากนายไม่พาฉันไป ฉันจะไปเองจริงๆนะ” พูดเสร็จแล้ว เธอก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน ผู้ชายที่อยู่ลานบ้านตะลึงงึนงันอยู่ครู่หนึ่ง กลับรีบขึ้นรถทันที เติมน้ำมันแล้วก็ไป เขาไม่เชื่อว่าเธอจะไปจริงๆ ที่นั่น ถ้าจะเอาคนให้ตายก็เหมือนกับฆ่ามดให้ตาย อย่าพูดถึงผู้หญิง อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ก็แม้แต่ผู้ชายก็ต้องมีความกล้าถึงจะกล้าไป แล้วอีกอย่างคนที่ไปก็มีแต่คนสิ้นคิด รถไปแล้ว ไปในคืนที่มืด ในคืนนั้น บนท้องฟ้าไม่มีดาวแม้แต่ดวงเดียว พี่จู๋ตคิดว่าคำพูดของผู้หญิงนั้นคงเป็นแค่คำพูดเล่นๆ แต่ว่าวันที่สองตอนเช้าเพ็ญนีติ์ก็พาพวกลูกๆไปลาหัวหน้าหมู่บ้านและผอ. “คุณครู ครูจะกลับไปแล้วหรอ” มีนาดึงมือเธอไว้ไม่ปล่อย “คุณครู ครูจะมาอีกแล้วใช่ไหม” เธอก้มตัวลงยิ้ม ลูบหน้าของมีนา “ไม่หรอก ครูยังมาอีกนะ” เธอชอบความเงียบสงบของที่นี่ นั่นเป็นความชอบที่ออกมาจากใจ แต่ว่า หวนนึกไปถึงคำพูดของพี่จู๋ตทุกคำ เธอรู้ว่าเธอ จำเป็นต้องจากไป “คุณครู ครูจะกลับมาอีกจริงไหม” คุณครูที่มาช่วยสอนมาแล้วก็ไป ไปแล้วก็มา กลับน้อยมากที่อยู่นาน แล้วอีกอย่าง ขอเพียงแต่ไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก ดังนั้น สายตาของมีนาที่มองเธอก็ดูคาดหวังและรีบร้อน “ใช่แล้ว” คำหนักแน่นพูดแค่สองคำ เธอคิดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่ได้ ขอเพียงแต่มีใจ ก็ต้องทำได้แน่ๆ มีนาหันตัวแล้ววิ่งกลับไป ในลานกว้าง เด็กประถมอยู่รอบๆเธอ ถามนู่นถามนี่ ล้วนแต่ทิ้งไม่ลง เพียงแค่หยิบเสื้อผ้ามาไม่กี่ตัว ครั้งที่แล้วเงินที่พี่จู๋ตทิ้งไว้ให้ยังเหลืออยู่ ดังนั้น การเดินทางครั้งนี้ก็ไม่กลัว เพียงแต่ต้องนั่งรถเกรียนลากด้วยวัวออกไป จากหมู่บ้านนี้ถึงที่ที่มีรถ อย่างน้อยมีระยะทางในการเดินทางหนึ่งวัน อ้อยและส้ม ตอนที่เพิ่งมาที่นี่ ก็ยังไม่ค่อยชอบที่นี่ แต่ว่าตอนนี้ชินแล้ว ได้ยินว่าต้องจากไป กลับไม่ยอมเป็นอย่างมาก “หม่ามี๊ ผ่านไปกี่วันค่อยกลับได้ไหม” เธอพูดเบาๆว่า “ในภายหลังมาอีก” ส้มพิงที่ตัวของเธอ “หม่ามี๊ ในภายหลังพวกเราต้องมานะ เมื่อตะกี้นี้ตอนเราไป พี่เจียงร้องไห้แล้ว” “คุณครูเพ็ญนีติ์ รอก่อนนะ” เสียงของมีนาดังมาจากด้านหลังรถเกวียน ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย เพ็ญนีติ์หันหัวไป กลับเห็มีนาถือตระกร้าเล็กๆวิ่งมาที่รถเกวียน ใกล้แล้ว เธอนำตระกร้าวางบนรถ “แม่ของหนูทำ อร่อยมาก ครูเพ็ญนีติ์ ครูเอาไว้กินกับอ้อยและส้มบนรถ” ไข่ดินแดนตะกร้าหน้า ถ้าหากเอาไปขายที่ตลาดจะได้เงินมาบ้าง แต่ว่า แม่ของมีนากลับให้เธอมาหมด เหมือนกับจะร้องไห้ เธอรู้คนที่หมู่บ้านทุกวันใช้ชีวิตกันยังไง นั่นก็คือข้นแค้น แต่ว่า เธอก็จะหักล้างเจตนาดีของเค้าไม่ได้ คนในหมู่บ้านก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน “ฝากขอบคุณแม่ของเธอด้วย” รถเกวียนก็จากไปแบบนี้มองย้อนกลับไปที่ความลึกของภูเขา หมู่บ้านที่เธอเคยอยู่ สวยงามบริสุทธิ์และเรียบง่าย เดินไปที่ไหนก็เป็นบ้านไปหมด ขอเพียงแต่มีอ้อยแล้วส้มก็พอแล้ว แต่ว่าเธอ กลับจะต้องทิ้งลูกๆไปในไม่ช้านี้ กอดลูกๆแน่นๆ ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ทำให้เธอคิดมาได้อย่างฉับพลัน เธอทิ้งพวกลูกๆไม่ลงจริงๆ แต่ว่า สถานที่นั่น เธอต้องไปแน่นอน นั่งรถบัสทางไกลเก่าๆกระดกไปกระดกมา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะล้มออกมา นี่ถึงจะรู้ว่ารถออฟโรดของพี่จู๋ตดีจังเลย เดินทางหน้ามืดเวียนหัวมาทั้งวันก็ตอนที่เพ็ญนีติ์จะหลับตาสองชั้นลงนั้น รถก็ได้หยุดกระทันหัน ลืมตาอย่างช้าๆ คงจะไม่ใช่รถเสียหรอกนะ ประตูรถกลับเปิดออกเวลานี้ มีคนเดินขึ้นรถ สองสามขั้น แล้วมุ่งเข้ามาข้างหน้าที่นั่งของเธอ” เพ็ญนีติ์ ลงรถ” เพ็ญนีติ์ตะลึงงึนงัน ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะเป็นพี่จู๋ต “ยัยบ้า”เธอยืนอยู่ที่ทางเดินบนรถ มองเธออย่างน่ากลัว เขาพูดถึงเธออยู่หรอ ยิ้มอย่างเบาๆ มีรถออฟโรดของเขา ให้เธอสักครึ่งนาทีก็ไม่อยากนั่งรถเก่าๆใช้ไม่ได้คันนี้ เรียกลูกๆให้ตื่น ไม่ได้ลังเลเลยสักนิด แต่ว่า ตั้งแต่ เพ็ญนีติ์นั่งรถออฟโรด พี่จู๋ตก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอสักคำ คนที่เขาส่งมา และยังเป็นคนที่เขารับกลับไปอีก นึกว่าจะไม่กลับไปที่เมืองดรัลอีก แต่ว่า เพิ่งจะไปไม่กี่เดือนเท่านั้น เกินความคาดคิดว่าเธอก็กลับมาอีกแล้ว อะไรก็ไม่ไปถามและไม่ไปสืบ เรื่องของปุริมทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเธอ รถจอดที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง อ้อยและส้มหลับตั้งนานแล้ว เธออุ้มแล้วคนหนึ่ง ก็อุ้มอีกคนหนึ่งไม่ไหว มองไปที่พี่จู๋ตที่เดินเข้าไปที่ห้องโถงโรงแรม เธอตะโกนเรียกพี่จู๋ตด้วยเสียงต่ำๆ “ช่วยฉันอุ้มส้มหน่อย” รูปร่างของผู้ชายคนนั้นหยุดชะงัก กลับยังคงไม่พูด อุ้มส้ม แล้วก็มาที่ด้านหน้าของเธออย่างรวดเร็ว เปิดประตูห้อง วางส้มลงแล้วก็ไป ความเห็นของเขากับเธอไม่ตรงกัน เขามองเธอว่าเป็นบ้าแล้วจริงๆ “โรงเรียนประจำระดับประถม” ตอนที่กายของพี่จู๋ตกำลังจะหายไป เธอก็พูดอีกครั้งหนึ่งอย่างเสียงค่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจะทำให้ลูกๆตื่น เธอคงคำรามไปตั้งนานแล้ว อะไรก็ไม่บอกเธอ ให้เธอเดาแบบคับใจตลอดทาง เดาว่านภนต์เกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่จริงแล้ว ตั้งแต่ที่เขาพูดออกมาในตอนนั้น เธอก็ได้แต่คาดเดามาโดยตลอด อะไรที่เป็นสถานการณ์จริงก็ไม่รู้ ผู้ชาย “โอ้ หันตัวกลับมา คุณจะไปจริงหรอ” “ใช่ ถ้านายไม่ช่วยฉัน รอฉันติดต่อโรงเรียนได้จัดการกับลูกๆเสร็จแล้ว ฉันไปเอง” ชายหนุ่ม มองที่เธออย่างเงียบๆ ดวงตาคู่นั้นเหมือนกับว่าจะมองทะลุวิญญาณของเธอ ในที่สุด เขาก็พูดว่า “เพ็ญนีติ์ นี่เป็นสิ่งที่คุณเลือกเอง ฉันไม่ได้บังคับคุณไป” มุมปากยิ้มออกมา “อืม นี่เป็นสิ่งที่ฉันเลือกเอง รีบไปหาโรงเรียน ฉันหวังว่าพรุ่งนี้ก็มีข่าว” พี่จู๋ตไปแล้ว ลูกๆยังนอนหลับสนิท คืนเงียบสงบ จนกระทั่งทำให้เธอได้ยินเสียงใจตัวเองเต้น กลับมาสู่โลกที่เป็นอารยธรรม แต่เกินความคาดคิดว่าเธอกลับไม่ปรารถนาจะเปิดโทรทัศน์ ไม่เลยสักนิด แม้กระทั่ง ก็ไม่อยากรู้เลยว่า ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเมืองเดียวกับเธอในตอนนี้เป็นอย่างไร ไม่อยากเลยสักนิด นอกจาก นภนต์แล้ว ตอนนี้เธอก็ไม่อยากสนใจใครเลย เพียงแค่คำพูดคำนั้นของพี่จู๋ต เขาทำเพื่อเธอ ภายใต้แสงอันอ่อน สายตาได้จ้องไปที่โทรศัพท์ตั้งนานแล้ว หลายวันมานี้ นอกจากใช้โทรศัพท์ที่หมู่บ้านโทรหาพี่จู๋ตเพียงสายเดียวแล้ว เธอก็ไม่ได้โทรศัพท์เลยตั้งนาน หลายเดือนมานี้ ตัดขาดกับโลกภายนอก ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลง หยิบขึ้นมา และโทรหานภนต์ ชัว ในคืนมืดนั้น ก็มีคนรับโทรศัพท์ และในขณะเดียวกันกลับเป็นเสียงของคนสองคน “พี่ ใช่พี่ไหม” “นภนต์ ใช่คุณไหม” อันหนึ่งคือผลดาอันหนึ่งคือชนรพ เสียงที่แก่ แต่กลับในคืนที่ดึกมาก ควรจะนอนหลับแล้วแท้ๆ กลับถูกเธอโทรศัพท์ทำให้ตื่น ไม่มีเสียงตอบรับ เธอวางโทรศัพท์อย่างเบาๆ ก็เอาเป็นว่าโทรผิดละกัน แต่ว่าเธอ อยากรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเพราะเธอทำให้นภนต์เกิดเรื่อง คิดอย่างเงียบๆมาคืนหนึ่ง หนึ่งคืนนี้ไม่ได้หลับเลยสักนิด เธอนอนไม่หลับ เธอไม่ชอบ ผลดา แต่ว่าในสาย ฟังเสียงของผลดาและชนรพ ทำให้เธอรู้สึกผิด ก็เป็นเพราะเธอ คนหนึ่งเสียพี่ชายไป คนหนึ่งเสียลูกไป เธอรู้สึกว่าตัวเองก็เหมือนกับผู้หญิงเลว ที่แย่งคนรักของคนอื่นมา พี่จู๋ตมาแล้วหยิบเอาข้อมูลกองใหญ่มาให้เธอ ทั้งหมดเป็นโรงเรียนประจำ ที่เขาได้สำรวจแล้ว ลองมองละเอียดดู สัมพันธ์ถึงความปลอดภัยของลูกๆ ดังนั้น จะต้องจริงจัง กลับเลือกโรงเรียนได้อย่างรวดเร็ว “ก็โรงเรียนนี้ละกัน” เธอเลือกเสร็จแล้วพี่จู๋ตกลับพูดมาประโยคหนึ่งอย่างไม่คาดฝัน“คุณไม่อยากรู้ว่าเพราะอะไรหรอ” เธออยากรู้ แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอก็กลัวว่าถ้ารู้คำตอบไปอาจจะเป็นสิ่งที่โหดร้ายขึ้นมาจริงๆ ส่ายหัว “ไม่อยากรู้” “คุณเชื่อผมขนาดนั้นเลยหรอ” เธอยิ้มอย่างอ่อนๆ “ฉันเชื่อนภนต์” พูดเสร็จ ก็เดินเข้าไปที่ห้องลูกๆ นำลูกๆ ไปส่งที่โรงเรียนประจำแห่งนั้น เธอแม้กระทั่งไม่มีความกล้าที่จะบอกพวกเธอ เธอต้องจากไป เพียงแค่โบกมือแล้วรีบหมุนตัวกลับไปในชั่วพริบตาเดียว แล้วก็เช็ดน้ำตา เธอต้องเชื่อตัวเอง แล้วก็ต้องเชื่อนภนต์ พวกเขาจะต้องกลับมาพร้อมกันแน่ๆ เธอนั่งรถออฟโรดของพี่จู๋ตออกไปจากโรงแรม พี่จู๋ตสูบบุหรี่มาตลอด สูบอย่างไม่หยุด ทำให้ในรถกลายเป็นควันบุหรี่เต็มไปหมด และก็ทำให้เธอไอไม่หยุด แต่ว่า รถกลับไปออกไปจากเมืองดรัลเลย แต่ไปจอดอยู่ข้างหน้าสำนักงานทนายความ อุดอู้และไม่ได้พูดอะไร ตามไปข้างหลังของพี่จู๋ต ตอนนี้นอกจากพี่จู๋ตแล้ว เธอไม่มีทางเลือกอื่น เธอต้องหา นภนต์กลับมาให้ได้ นั่นเป็นจดหมายทนาย ได้ร่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงแต่เธอเซ็นชื่อก็ได้แล้ว อ่านแบบผิวเผิน “นี่นายหมายความว่าอย่างไร” “ผมรับปากกับพี่นภนต์แล้วว่าจะให้ลูกสาวทั้งสองของคุณ มีกินมีใช้ตลอดชีวิต” นี่เป็นคำสัญญาบ้าๆอะไรอีก เธอหยิบจดหมายทนายแล้วฉีกออกกระดาษที่พิมพ์ตัวอักษรดำเป็นแถวยาวๆหล่นอยู่บนโต๊ะ “พวกเราต้องมีชีวิตกลับมา” พูดเสร็จ เธอก็เดินออกจากสำนักงานทนายความ พี่จู๋ตตามออกมา “อุตสาหกรรมไม้นั้นเป็นของคุณ ตั้งแต่หัวจรดท้าย เพียงแต่ ตอนนี้ขาดสินค้า” นั่นเป็นเพราะ นภนต์ไม่อยู่ “ถ้าเป็นของฉันจริงๆ ถ้าหากฉันเป็นอะไรไป มรดกของฉันทั้งหมดก็จะต้องตกเป็นของทายาทอยู่แล้ว” ในที่สุดพี่จู๋ตก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะว่า เธอพูดถูก อ้อยและส้มเป็นทายาทของเธอ ตอนนี้ อุตสาหกรรมไม้ไม่สำคัญแล้ว สำคัญที่ชีวิตของ นภนต์ สำคัญที่ตอนนี้เขาอยู่ไหน ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะกังวลและเป็นห่วงนภนต์เหมือนกับตอนนี้ จากเมือนดรัลถึงเมืองหยุนหนาน ตลอดทางมีดอกไม้บาน แต่ว่า ในรถทั้งสองคนไม่ได้พูดเกินกว่าสามประโยค หิวแล้ว พี่จู๋ตจอดรถที่มีของกิน ง่วงก็งีบบนรถสักครู่ ก็เหมือนกับครั้งแรกที่เขารับส่งเธอไปหมู่บ้านเล็กๆแห่งนั้น เขาไม่เคยพูดเยอะ
已经是最新一章了
加载中