ตอนที่ 210 ตายก็ต้องตายไปด้วยกัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 210 ตายก็ต้องตายไปด้วยกัน
ตอนที่ 210 ตายก็ต้องตายไปด้วยกัน ชุดลายพราง ยังมีกลิ่นเหงื่อของผู้ชาย ก็คลุมลงที่ร่างกายของเธอ แล้วก็ปิดบังส่วนที่เปลือยของเธอด้วย เพ็ญนีติ์ กระทั่งมองชัดไม่ทันว่าเงาดำนี้คือใครแค่เห็นเขาร้องไห้หมอบลง ในเงามืดสแกนไปทางฉารา คล้ายกับว่ากลัวว่าจะทำให้ฉาราบาดเจ็บ ดังนั้น ปรับเปลี่ยนเป้ายิงของปืนนั้นอย่างระมัดระวัง ผู้ชายเอานิ้วชักที่ยิงปืนอย่างเบาๆ และในเวลาเดียวกัน ในมือของพี่จู๋ตปล่อยอะไรบินลอยออกมาอีก และเพียงพริบตาเดียว ผู้ชายทั้งสองบนร่างของฉารา ล้มลงพร้อมกัน เพียงแต่ว่า จิตใต้สำนึกของผู้หญิง เสียงโอดครวญยังอยู่ ผู้ชายสองคนนั้นที่นำพามาให้เธอยังไม่หมดสิ้น “คุณเป็นใคร” พี่จู๋ตก้าวเท้าไปที่เงาดำนั้นมือข้างหนึ่งคล้ายกับว่ากำของอะไรอยู่ ทำให้คนตายได้ตลอดเวลา เพียงแต่ ตอนที่ยิงผู้ชายทั้งสี่ตายติดต่อกัน ของในมือของเขาไม่ได้โยนออกมา มิฉะนั้น ไม่รู้ว่าปืนของผู้ชายเร็วหรือว่าของในมือของพี่จู๋ตเร็ว ท้องฟ้าท่วมไปด้วยสีขาวเหมือนท้องของปลาในสมัยก่อน สีท้องฟ้าสว่างแล้ว ในที่สุด เพ็ญนีติ์ก็เห็นชัดผู้ชายที่หันมาแล้วอยากจะกอดเธอ ทำไมถึงคิดไม่ถึงนะ เขาเป็นปุริม ในพริบตา เธออ้าปากกว้างอย่างประหลาดใจ มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ทำไมถึงเป็นเขา ตอนที่เพ็ญนีติ์ประหลาดใจอยู่นั้น เอวข้างล่างมีมือมากอด ผู้ชายอุ้มเธอขึ้นมา” พี่จู๋ต นายไม่ควรปิดบังฉัน” ร่างของพี่จู๋ตชะงัก “คุณติดตามฉันมารอ” “ถ้าฉันไม่มา นายรู้ถึงผลที่จะตามมาไหม” ปุริมกวาดสายตามองพี่จู๋ตอย่างเยือกเย็น “สองครั้งแล้ว นายทำให้ฉันผิดหวังสองครั้งแล้ว” พูดเสร็จ เขาก็อุ้มเพ็ญนีติ์ที่อ่อนระรวยดั่งน้ำ กระโดดขึ้นรถคันที่มีไฟรถยังสว่างอยู่ในป่าคันนั้น พี่จู๋ตตะลึงงึนงัน ถึงจะเดินไปหาฉารา ถอดเสื้อคลุมมาคลุมที่ร่างของฉารา แล้วก็ลูบไลผมของเธอที่แก้มออก “อย่ากลัว มีฉันอยู่” “พี่จู๋ต พี่บ้าแล้วจริงๆ”ผู้หญิงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเสียงต่ำ กำมัดน้อยๆต่อยที่อกแข็งๆของพี่จู๋ต ในปากของเพ็ญนีติ์ยังมีผ้าอยู่ เธอไม่เข้าใจที่ปุริมพูดว่า สองครั้งแล้ว หมายความว่าอย่างไร เธออยากพูด แต่เธอถามไม่ออก เธออยากจะดิ้น แต่ทั้งตัวไม่มีแรง ผู้ชายสอง ผู้หญิงสอง ตอนที่ฟ้าสว่าง ในป่าทุกอย่างเปลี่ยน แล้วอีกอย่าง บนพื้นหญ้ายังมีเพิ่มมาอีกหกคน เพ็ญนีติ์ถูกวางไว้ที่หน้าไฟรถ ที่ตรงนั้น เป็นที่ที่พี่จู๋ตและฉารามองไม่เห็นพอดี ร่างนอนบนเสื้อผ้าของปุริม สายตาของเขาตรวจทานร่างกายของเธอ คล้ายกับว่าไม่ได้หาเจอความผิดปกติ ถึงจะอุ้มขึ้น และแก้มัดเชือกที่ข้อมือของเธอ ยังเอาผ้าในปากของเธอออกให้ “มีตรงไหนไม่สบายไหม” เขาถามอย่างเบาๆ เสียงนุ่มนวลมาก กลับทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน คล้ายกับว่าผู้ชายพวกนั้น ก่อนหน้านั้นนำพาความสะอิดสะเอียนมาให้เธอยังอยู่ “คุณออกไป” เสียงที่แหบ เธออดใจรอไม่ไหวที่จะฆ่าเขา คิดถึงก่อนหน้านั้นเขาทิ้งอ้อยและส้ม ใจของเธอก็ปวดมาก “เธอจะไปหาเขาหรอ” เขาไม่ไปและไม่ปล่อยเธอลง เพียงแค่ถามต่อ อย่าเอาหน้าเข้าไป เธอตอนนี้ไม่อยากสนเขาเลยสักนิด ถึงแม้เขาช่วยเธอไว้ เธอก็ไม่อยากสนเขา “ได้ เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม เธอได้รับความสะเทือนใจ ฉันไม่ได้เห็นกับเธอด้วย แต่วาฉันปุริม ไม่เคยทำผิดอะไรต่อเธอละมั้ง” เฮ้อๆ ภรรยาก็พูดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ว่าเขาไม่ใช่เธอ กัดฟัน เธอก็ยังคงไม่สนเขา รู้ว่าสู้เขาไม่ได้ เธอก็เอาการที่ไม่พูดอะไรมาเผชิญหน้ากับนักสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เวลานี้ กลับมีเสียงของพี่จู๋ตดังมา “ปุริม คุณก่อเรื่องแล้ว คนพวกนี้คือคนอูข่าน ตายแล้ว คุณก็ไม่มีวิธีรับผิดชอบ ในเขานี้ แค่กลัวว่าจะวุ่นวายอีกแล้ว” ปุริมเอามือเข้ามาใกล้ถึงจะสวมใส่เสื้อผ้าให้เพ็ญนีติ์ จากนั้นก็หันตัวก้าวเท้าใหญ่ไปที่พี่จู๋ต “คุณเป็นคนรู้เหตุการณ์หรอ” “ใช่แล้ว คนพวกนี้ฆ่าไม่ได้ สัญลักษณ์ที่สักอยู่ที่แขนของพวกเขาแทนว่าเขาเป็นคนอูข่าน” “ง่ายมาก ที่เหลือสองคนก็ฆ่าทิ้งซะ อย่างนั้นละก็ ที่นี่ตอนนี้เรื่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา เตรียมตัว พวกเราไปกันเถอะ” พูดเสร็จ ก็หยิบปืนจับเป้าไปที่สองคนนั้นที่เมื่อตะกี้นี้พี่จู๋ตยิงตาย ปืนของเขาคือปืนที่ไม่มีเสียงเขาไม่กลัวการยิงตายในที่มืดและเงียบแบบนี้ เพ็ญนีติ์ฟังแล้วโง่ไปแล้ว เธอไม่เคยรู้เลยว่าปุริมจะเป็นคนที่ฆ่าคนในพริบตาเดียวอย่างนี้ เขาฆ่าทั้งสี่คนนั้น ก็แค่ในพริบตาเดียว มือยกขึ้น ก็ล้มลง กระทั่ง ติดต่อกันสามคน นั่นคือตอนที่เขาช่วยเธอ เธอยิงนัดแรก เพื่อเธอ แต่ว่าพวกนี้ไม่ทำให้ความเจ็บปวดที่เขานำพามาให้อ้อยและส้มนั้นเลือนจาง เธอเกลียดเขา ตอนที่เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดที่ศูนย์อาบน้ำ เขาอยู่ที่ไหนล่ะ ตอนที่เธอไปช่วยอ้อยและส้ม เขากลับร่าเริงอยู่กับนารา แต่ว่า อ้อยและส้มเป็นลูกของเขาจริงๆนะ หลังจากที่พาเด็กช่วยออกมาแล้ว เธอได้ถามลูกๆเลยว่าตอนที่จากเธอไปตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะว่า เธอไม่อยากให้จิตใจของเด็กได้รับความกระทบกระเทือนมากกว่านี้ เรื่องในอดีต ไม่พูดถึงได้ก็ไม่ต้องพูดถึง แต่ว่า ลูกๆเป็นเขาที่ส่งให้นาราคือไม่ผิดแน่ ในสายลมวันนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ พิงอยู่ในรถ เธอไม่ได้ห้ามปุริมฆ่าคน ครั้งนี้ การตัดสินใจของเขาคือถูกต้อง หกคนนั้น มีคนหนึ่งมีชีวิตรอดละก็ ในภายภาคหน้าจะยุ่งยาก คนอูข่านยุ่งด้วยไม่ได้ ดูเหมือนว่า อูข่านคือบุคคลสำคัญของที่นี่ เสริมสองนัด ก็จบสองชีวิตลงแล้ว แต่ว่า หกคนนั้นสมควรตาย นึกถึงบนตัวถูกจับต้องแล้ว เธอตอนนี้อยากจะหาที่สะอาดๆล้างดีๆหน่อย สกปรกจริง บนร่างกายของเธอสกปรกมาก ฉาราถูกพี่จู๋ตเปลี่ยนเสื้อแล้ววางไว้ที่ข้างกายของเธอ ผู้หญิงสองคนนั่งด้วยกัน นึกถึงเมื่อตะกี้นี้ฉาราโดนกระทำทุกอย่างนั้น เพ็ญนีติ์รู้สึกว่าได้กระทำผิด ถ้าไม่ใช่เธออยากจะมาให้ได้ ฉาราก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนพี่จู๋ต มือหนึ่งกุมที่มือของฉาราเบาๆ “ขอโทษ” “วา ฉันไม่ต้องการให้คุณพูด ขอโทษ ฉันไม่ต้องการให้คุณพูด” ฉาราควบคุมไว้ไม่อยู่แล้วร้องออกมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้นี้เป็นฝันร้าย ทำให้เธอจะยังไงก็ไม่ตื่นขึ้นมา เพียงแต่ฝันนั้นจะทำให้คนเป็นบ้า พี่จู๋ตกระโดดมา ข้างๆฉาราเขากอดเธออย่างแน่น อะไรก็ไม่พูด ก็จูบฉารา จูบที่เอ้อระเหยและดุเดือด ทำให้เพ็ญนีติ์อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไป ปุริมกระโดดขึ้นที่ของคนขับ เขาก็เห็นแล้วชัดๆ กลับทำเป็นไม่เห็นแล้วสตาร์ทรถ ตอนที่เพ็ญนีติ์หันหัวกลับมา ในพุ่มหญ้าข้างหลังรถวางหกคนนั้นนอนเรียงกันอยู่ ถ้าหากไม่ดูอย่างละเอียดก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ทำไมไม่กลบฝัง” เธอถามด้วยเสียงต่ำๆ ถ้ามีคนพบเร็ว คนที่นี่ต้องคิดว่าเป็นคนที่เพิ่งผ่านจากที่นี่ฆ่าพวกเขา “ไม่จำเป็น” คนที่พูดไม่ใช่ปุริม แต่เป็นพี่จู๋ต เขายกริมฝีปากขึ้นมา ยังคนกอดฉาราอย่างแน่น สายตาแวววาวมองไปที่ข้างหน้ารถ “เครื่องส่งรับวิทยุที่ตัวของพวกเขาไม่ดังแล้วไม่ตอบรับแล้ว คนอูข่านก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่อง” เสียงของเขาแหบเล็กน้อย กระทั่งยังต่ำทุ้มหน่อย เพ็ญนีติ์เข้าใจแล้ว แค่กลัวว่า ทางข้างหน้าของพวกเขาจะอันตรายมากยิ่งขึ้น “พี่จู๋ต พวกเรากลับกันเถอะ ดีไหม หาโอกาสตอนที่กองทัพคนและม้ายังไม่มา พวกเรารีบไปเถอะ” ฉาราเตือนพี่จู๋ตอย่างกังวล พี่จู๋ตกลับไม่ตอบฉารา และพูดว่า “เพ็ญนีติ์คุณว่าไงล่ะ” เสียงของเขาราบเรียบ คล้ายกับว่าการติดใจอยู่ที่มือของเธอ ฉาราฟังออกถึงคำพูดที่มีความหมายอื่นของพี่จู๋ต ก็รีบพูดกับเพ็ญนีติ์ “พวกเรากลับกันเถอะ มิเช่นนั้น พวกเราสี่คนช้าเร็วก็ต้องตาย” เพ็ญนีติ์ไม่ส่งเสียง เธอไม่กลัวตาย เพียงแต่ การตัดสินใจของตัวเอง สัมพันธ์ไปถึงชีวิตของทั้งสามคน หรือว่าเธอคนเดียวตายยังต้องพาทั้งสามคนไปตายด้วยกันหรอ กำลังลังเล ในขณะนั้นไม่รู้ว่าจะตอบยังไง “เฮอๆ กลัวแล้วหรอ” เสียงของพี่จู๋ตเย็นยะเยือก แววตาแวววาวก็ไม่ได้ออกจากหน้ารถเลย เขาไม่ได้มองเพ็ญนีติ์เลย เพ็ญนีติ์ฟังออกว่าเป็นการเสียดสีเยาะเย้ย ที่พุ่งมาทางเธอ ไม่ เธอไม่เคยเสียใจภายหลังเลย กลืนน้ำลาย คอของเธอแห้งจะตายอยู่แล้ว “พี่จู๋ต เราสองคนลงรถเถอะ” ตาของพี่จู๋ตสว่างขึ้น ก็ไม่สนว่ารถเปิดอยู่หรือเปล่า ก็เปิดประตูออก “เป็นคุณพูดเองนะ” “ใช่ เป็นฉันพูดเอง แค่เราสองคน คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็กลับไปได้” คนที่ไม่เกี่ยวข้องนั้น หนึ่งหมายถึงถึงฉารา สองคือปุริม ถึงแม้ว่าเขาจะช่วยเธอ แต่เธอไม่อยากร่วมเดินทางกับเขา ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ทำอะไรร่วมกันไม่ได้ “ไม่เอา” ตอนที่พี่จู๋ตกำลังจะกระโดดลงไปจากรถ ฉาราจับแขนเสื้อพี่จู๋ตอย่างแน่น “พี่จู๋ต ตายฉันก็จะตายไปพร้อมกับพี่ พี่อย่าทิ้งฉันไว้เลย” เสียงที่เศร้าโศก ฉาราตกใจมากกับการตัดสินใจของพี่จู๋ต “เธอกลับไปเถอะ ถ้าหากฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะกลับไปหาเธอ ฉันไม่ผิดคำสัญญา” “ไม่ ไม่ ฉันไม่ต้องการคำอัปมงคลของพี่ พี่ต้องไม่เป็นอะไร ต้องไม่เกิดเรื่องเด็ดขาด พี่ไปไหนฉันก็ไปกับพี่ พี่จู๋ต พี่มันบ้ามาก ไม่มีฉัน พี่ฟังคนที่นี่พูดไม่เข้าใจหรอก” เพ็ญนีติ์ตะลึง ฉาราพูดถูก ก่อนที่จะหานภนต์เจอ ไปจากฉาราแล้ว พวกเขากระทั่งไม่มีทางที่จะเจรจากับคนพวกนั้นได้ “ไม่จำเป็น” พี่จู๋ตเย็นชา หลังจากที่เพ็ญนีติ์พูดว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน เธอก็ฟังแค่เพ็ญนีติ์จริงๆ “พี่จู๋ต พี่เป็นแบบนีไม่ได้นะ” สายตามองไปที่พี่จู๋ตที่โดดลงจากรถ ฉาราหันมาทางเพ็ญนีติ์ “เพ็ญนีติ์ฉันขอร้องเธอล่ะ ให้ฉันไปกับพวกคุณเถอะ พวกเราสามคนไปด้วยกัน กลับด้วยกัน อ่า ไม่ คือสี่คนกลับด้วยกัน แบบนี้ก็ได้แล้วป่าว” เธอไม่ได้เห็นปุริมเป็นคนที่มาด้วยกัน ดังนั้น คนที่มาด้วยกันก็ไม่ได้นับรวมปุริมเข้าไปด้วย ข้างหน้ารถ ผู้ชายที่หมุนพวงมาลัย ค่า หยุดรถ เปิดหน้าต่างรถลงก่อน “พี่จู๋ต นายขึ้นรถ มิฉะนั้น บัญชีครั้งที่แล้ว ฉันจะคิดอย่างละเอียดกับนาย” “อะไรนะ” พี่จู๋ตคล้ายกับว่าฟังไม่เข้าใจ งงงวยกระดกคิ้วแล้วหันมาถาม
已经是最新一章了
加载中