ตอนที่ 212 ความอ่อนโยนของใคร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 212 ความอ่อนโยนของใคร
ตอนที่ 212 ความอ่อนโยนของใคร เขายังสบายดีอยู่หรือเปล่า ผู้ชายโง่ๆคนนั้น เขาจะรู้ไหมว่าเขาได้ทำให้หัวใจของเธอรักเขาไปแล้ว จริงๆแล้วตั้งแต่แรกเลยคนที่เธอรักก็คือนภนต์ไม่ใช่จำรูญ ไม่งั้นก็คงจะไม่มีการปรากฏตัวของปุริมแล้ว แต่ชีวิตคนเราเพียงแค่มันผ่านไปแล้ว ก็จะไม่ให้โอกาสคุณเดินผ่านเข้ามาอีก ดังนั้นเธอจะไม่กลับไปเป็นเธอคนนั้นเหมือนเมื่อหลายปีก่อนอีก ชีวิตผู้หญิงคนนั้นตอนที่อยู่ปีหนึ่ง วัยสาวก็ไม่หวนคืนมาแล้ว เธอยังมีช่วงเวลาที่คุ้มค่าอีกเยอะแค่ไหนเหรอ ความจริงแล้วทุกช่วงเวลาของชีวิตคนล้วนคุ้มค่าดีแล้ว ผู้ชายสองคนผลัดกันล้างตัว ตอนที่ปุริมกลับมา จู๋ตเพิ่งจะไปล้าง ยังเหลืออีกสองวัน ผ่านที่นี่ไปเธอยังต้องทนทุกข์ทรมานไปอีกสองวันถึงจะล้างความเจ็บปวดออกไปได้ ฉารานั่งใต้ต้นไม้อย่างเฉื่อยชา เธอมองไปทางจู๋ต นานแล้วเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนท่าทาง ยังคงนั่งท่าเดิมอยู่อย่างนั้น การที่จะรักใครสักคนในครั้งแรก เราอาจจะกลายเป็นคนโง่แบบนี้ได้ แต่จู๋ตโชคดีแล้วที่ฉารารักเขา ผู้ชายที่แข็งแกร่งแบบนั้นมักจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงหลายคน เธอคิดและยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเองก็ดูดีเหมือนกัน ตัวรถสั่นสะเทือนเล็กน้อย เพราะจู่ๆปุริมก็สตาร์ทรถ เวลาเดียวกันก็หันไปพูดกับเธอที่อยู่ข้างหลังว่า “เปิดประตูขึ้นรถ และรีบไปบอกฉาราและจู๋ตด้วยว่าให้ขึ้นรถ มีคนอยู่ใกล้ๆเรา” ร่างกายที่เพิ่งล้างไปก็มีเหงื่อออกมาทันที ตอนที่ตะโกนออกไป จู๋ตก็เห็นข้างๆว่าฉาราหยิบเสื้อวิ่งขึ้นรถไป เธอกดปลดล็อคประตู ใจก็เต้นแรงไปพร้อมกับประตูที่สั่นไหว เป็นคนของอูข่าน ใกล้เข้ามาแล้วเหรอ รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ เห็นได้ชัดว่าปุริมตั้งใจจะรอให้จู๋ตและฉาราวิ่งตามมาให้ทันขึ้นรถ “จู๋ต....” รอบๆ นอกจากต้นไม้ก็คือหญ้า เพ็ญนีติ์ไม่เห็นเงาคนแล้ว แต่ดูปฏิกิริยาของปุริมและจู๋ต เธอรู้ว่าพวกเขาจะต้องเจออะไรบางอย่างแน่นอน จู๋ตที่ไม่มีเวลาใส่เสื้อก็พาฉารารีบขึ้นรถทันที เขาวิ่งเร็วมาก สายตาเห็นคนอยู่ใกล้แล้ว เพ็ญนีติ์ขยับถอยไปเล็กน้อย จู๋ตโยนฉาราขึ้นรถอย่างว่องไว หลังจากนั้นอีกมือหนึ่งก็คว้าประตู กระโดดขึ้นรถไป แต่เขายังไม่ทันได้นั่งดี เพียงแค่เข้าไปในตัวรถเท่านั้น ปุริมก็เหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว มุ่งไปทางพระอาทิตย์ ซึ่งทางนั้น คือทางตะวันตก “ปุริม ผิดทางแล้ว” “หุบปาก” ปุริมกำลังมองทางข้างหน้า รถขับได้เร็วเท่าไหร่ก็เหยียบไปเท่านั้น ท่อนไม้ที่ขวางทางอยู่ข้างหน้า เขาก็ขับหลบและผ่านไป ตัวรถทั้งคันเหมือนกับตัว s ระดับความเร็วยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ เร็วจนทำให้เพ็ญนีติ์เวียนหัวขึ้นมา ฉาราจับเอวของจู๋ตไว้แน่น ผมสั้นของจู๋ตที่ยังไม่แห้งดี น้ำจากผมก็ไปหยดบนตัวฉาราอย่างไม่หยุด แต่เธอกลับไม่สนใจ เอาแต่ซบอกของจู๋ตอย่างนั้น ครั้งนี้เธอไม่ส่งเสียงอะไรออกมา เพียงแค่พิงจู๋ตอย่างเงียบๆ เปรียบเหมือนว่าเขาเป็นท้องฟ้าของเธอ เพ็ญนีติ์ยังไม่เจออะไร เธอไม่รู้ว่าปุริมกับจู๋ตไปเจออะไรมา หลังจากที่ขับรถมาได้สักพัก จู๋ตก็ดึงมือฉาราที่อยู่บนเอวเขาออกแล้วพูดว่า “ให้ผมจัดการก่อน โอเคไหม” ฉาราก็ยังไม่ยอมปล่อยเขา จู๋ตจึงขยับตัวแล้วข้ามไปที่นั่งแถวหน้า แบมือไปที่ปุริม “เอาของมาให้ผม” ปุริมจึงยื่นนาฬิกาให้เขา “ระวังตำแหน่งตัวเองด้วย พวกเราเปลี่ยนทิศทางตลอดเวลาน่าจะดีกว่า เพื่อไม่ให้พวกมันเจอเราได้ ผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งขับรถ อีกคนหนึ่งก็มองสำรวจไปรอบๆ ตอนที่ใจเต้นกลัวของเพ็ญนีติ์จะหลุดออกมา ความเร็วรถของปุริมก็ค่อยๆช้าลง “รถพวกนั้นดูเหมือนจะไปอีกทาง ใช่ไหม” “อืม พวกเรากลับไปรอที่เดิมกันเถอะ รอจนพวกนั้นไปไกลแล้วค่อยไปต่อ” จู๋ตพูดด้วยเสียงเข้ม “โอเค” ความคิดเห็นผู้ชายสองคนสอดคล้องกันอย่างน่าประหลาดใจ รถก็เข้าไปหยุดในที่ซ่อนอย่างรวดเร็ว ไฟก็ไม่มี กินก็ต้องแบ่งกัน ตอนที่ฉาราตะโกนด้วยความไม่พอใจ ปุริมก็ส่ายหน้า “เราจะทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวก็ถูกพบหรอก” ฉาราก็ไม่พูดอะไรอีก คืนนั้นมีผู้ชายเยอะจริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ดี สองคนคอยเฝ้ายามให้ แบบนี้ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนครั้งที่แล้วที่ถูกหกคนนั้นพบหรอก ครั้งที่แล้วจู๋ตหลับลึกมาก เพ็ญนีติ์นอนขดตัวอยู่ในหญ้า ถึงแม้ว่าจะมีแผ่นนอนครองตัวอยู่ แต่ในป่าคืนนี้กลับมีความชื้นมาก โชคดีที่ยากันยุงของฉารานั้นยังเหลืออยู่ เธอจึงไม่ใช่อาหารของยุงอีกต่อไป ฉารากอดจู๋ตจนหลับไป ข้างนอกไม่กี่ก้าวปุริมที่ยืนพิงต้นไม้มองไปรอบๆด้วยสายตาเรียบเฉย เธอนอนไม่หลับ อยากจะหาทางอื่น แต่ก็กลัวว่าทำให้ปุริมตกใจ หลายชั่วโมงผ่านไปเธอพลิกตัวไปมาทำยังไงก็นอนไม่หลับ เสียงเดินที่ข้างหูเธอ แม้ว่าจะเบาแต่ก็รู้ว่าเดินตรงมาที่เธอ เพ็ญนีติ์นอนนิ่ง สายตาก็เห็นร่างของปุริมที่สูงใหญ่ยืนอยู่หน้าเธอเงียบๆท่ามกลางแสงจันทร์สีเงิน เงานั้นสูงใหญ่ราวกับโดดเดี่ยว เขาไม่พูดอะไร เธอก็ไม่พูดอะไร ในความมืดที่มีท่าทางการยืนแบบนี้ เธอก็เพิ่งจะเคยเจอ ผ่านไปนานผู้ชายก็ถอนหายใจและเดินออกไปช้าๆ และรอบตัวเธอยังเป็นเสียงลมหายใจของเขา เสียงลมหายใจที่คุ้นเคยนั้นทำให้เธออยากขยับหนี ไปหาวิธีกันเถอะ บางทีหาเจอแล้วพอกลับมาก็คงจะนอนหลับ เธอจึงลุกขึ้น แต่เธอกลับเดินไปทางตรงข้ามกับปุริม แค่เดินเลยไปสักสิบเมตรก็โอเคแล้ว เพ็ญนีติ์เดินเข้าไปในป่าข้างๆ กลางคืนนั้นมืดมาก ด้านหลังไม่ไกลก็คือปุริม จู๋ตและฉารา แต่เธอยังรู้สึกมีความกลัวอยู่มาก ทั้งวันแม้ว่าเรื่องที่ก่อนรุ่งสางจะผ่านไปแล้ว แต่หกคนนั้นก็ยังขยับมาใกล้เธอไม่หยุด จนทำให้เธอรู้สึกกลัว ลมในยามค่ำคืนพัดใบหญ้าไม่หยุด การเคลื่อนไหวของหญ้าภายใต้แสงจันทร์ หูที่ได้ยินเสียงแมลง รู้สึกอื้อเข้าไปในหูคล้ายกับมีเสียงเพลงดังใกล้หู ก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวจู่ๆก็เกิดเสียงขึ้นมา “กรอบแกรบ...กรอบแกรบ....” เสียงนั้นไม่ดังมาก แต่เธอกลับได้ยินมันชัดเจน นั่นคือปฏิกิริยาที่อยู่ในจิตใต้สำนึก เพ็ญนีติ์จึงตะโกนเรียก “ปุริม...” เวลาแบบนี้สิ่งที่เธอนึกถึงเป็นสิ่งแรกก็ยังเป็นเขา “มีอะไรเหรอ” เสียงที่หันกลับมาของปุริม ดูเหมือนเขาจะมาหาเธออย่างเร็ว เพ็ญนีติ์ถอยหลังไม่หยุด หูที่กำลังฟังเสียงกรอบแกรบที่ดังมาจากในหญ้านั่น ไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะมีคนซ่อนอยู่ในหญ้านั่นได้ เพ็ญนีติ์ถอยหลังไปไม่หยุด สายตาคู่นั้นก็เริ่มมองไปที่ตำแหน่งของเสียงที่ดังมาจากในหญ้านั่น “มี....มี...” เธอก็ไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่ไม่ว่ายังไงก็มีเสียงดังมาจากตรงนั้นแน่นอน ตกใจจนถอยหลังไป ถอยไปอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น “ระวังลื่น....” ตอนที่ตัวเธอถูกแขนของปุริมกอดแน่น เงาดำก็กระโดดอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา เสียงก็ดังขึ้นมา ตอนที่เงานั่นกระโดดขึ้นมา ปุริมก็เขวี้ยงของที่อยู่ในมือออกไป “ปัง” เงาดำล้มลง ปุริมกอดเอวเพ็ญนีติ์ไว้แน่น “ไม่ต้องกลัว...ไม่เป็นไรแล้ว...” ตัวสั่นเพราะเธอยังคงกลัวอยู่ แต่ตอนนี้กลับพบว่าตัวเองอยู่ใกล้เขามากไปแล้ว “ทำไม...” เขากำลังกอดเธออยู่ข้างต้นไม้ยืนพิงกัน “รอผมนะ 3วินาที ผมจะกลับมา...” พูดแล้วเขาก็ปล่อยเธอ และตะโกนในเวลาเดียวกันว่า “1 2 3...” เพียงแค่เสียงสิ้นสุดลง ก็กลับทำให้เธอสงบขึ้นมาทันที ตะโกนถึงสามวินาทีเสร็จ สายตาก็เห็นเขากลับมาแล้ว และมากอดเธอที่ยังตัวสั่นอยู่ “ไม่เป็นไรแล้ว เพียงแค่กระต่ายตัวหนึ่งเท่านั้น” หน้าของเพ็ญนีติ์แดงก่ำ เธอรู้สึกหวาดระแวงเหมือนทุกอย่างเป็นศัตรูไปหมด “ขอโทษ” เสียงผู้หญิงกระซิบพูดเบาๆ เปลือกตาที่เกือบจะปิดภายใต้แสงจันทร์ ผู้หญิงที่พิงต้นไม้กระพริบปรับสายตาเพื่อมองไปที่ปุริมในความมืด ริมฝีปากบางเม้ม เขาโน้มไปที่ปากของเธอช้าๆ เพียงแค่บรรยากาศพาไป เขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เพ็ญนีติ์รู้สึกว่าบ้าไปแล้ว ใบหน้านั้นยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น ใกล้จนชิดกับหน้าเธอ เธออยากจะหลบ แต่ก็มีต้นไม้อยู่ดันหลังเธออยู่ เธอจึงหลบไม่ได้ เธออยากจะพูดบางอย่างเพื่อให้เขาถอยห่างออกไป แต่เขาเพิ่งจะช่วยเธอไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ความตกใจกลัว แต่ถ้าเขาไม่มา เธอคงตกใจกลัวจน..... ปากของเขาใกล้เข้ามายิ่งขึ้น เพ็ญนีติ์ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง “ปุริม...อย่า....” นิ้วมือของเธอไปดันปากเขาไว้ เป็นแค่วิธีที่จะป้องกันไม่ให้เขาจูบ แต่ผู้ชายกลับยิ้มชั่วร้ายออกมา เขาจับมือเธอไว้แล้วเอาเข้าปาก ริมฝีปากนุ่มเลียปลายนิ้วของเธอ ราวกับไฟที่ถูกโยนลงบนไม้ฟืน เวลาชั่วครู่เดียวเธอรู้สึกว่าตัวเธอร้อนเหมือนกับถูกต้มเดือด ทุกวันมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอเกลียดเขา แต่ตอนนี้เธอกลับตอบสนองกับสัมผัสของเขา นี่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากจริงๆ “อา...ไม่....ไม่เอา ปุริม คุณถอยไป ฉันกับคุณ.....” เธอพูดติดขัดหลายครั้ง แต่กลับเหมือนเชื้อเชิญให้ผู้ชายเลียนิ้วของเธอโดยที่ไม่อยากให้ปล่อย “เพ็ญนีติ์....” เขาเรียกชื่อของเธออย่างแผ่วเบาและสั่นเครือ สักนิดก็ไม่อยากปล่อยเธอไป “จู๋ต....พี่จู๋ตกับฉาราก็อยู่ด้วย....” เธอพูดใกล้หูของเขาเรื่องที่พี่จู๋ตและฉาราก็อยู่ด้วย พูดเสร็จหน้าของเธอก็แดง นี่เหมือนกับบอกปุริมว่าถ้าพี่จู๋ตกับฉาราไม่อยู่ด้วย เธอก็คงจะยอมเขา.... “ชู่ ไม่ต้องส่งเสียงออกมา” ปากของเขาปล่อยนิ้วมือของเธอออก แล้วจูบปากเธออย่างไม่ลังเล โดยที่ไม่สนสิ่งที่เธอพูดถึงพี่จู๋ตและฉารา ลมหายใจของเขาใกล้มาก ใกล้จนทำให้เธอปิดตาแน่น สมองก็พยายามจะหาทางปฏิเสธเขา เธอนึกถึงนภนต์ “ปุริม ฉันไม่ได้ชอบคุณแล้ว ฉันชอบนภนต์” เธอมาที่นี่ก็ไม่ใช่เพื่อมาหานภนต์เหรอ คนโง่คนนั้น พอคิดแล้วหัวใจก็เจ็บปวดขึ้นมา แต่คำพูดของเธอที่ออกมา ริมฝีปากของเขาก็แตะที่ริมฝีปากของเธอแล้ว ริมฝีปากสัมผัสกันแนบแน่น แต่เขากลับหยุดเพราะคำพูดของเธอ
已经是最新一章了
加载中