บทที่ 4 คุณเพียงแค่เก็บรักษาให้เท่านั้น   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4 คุณเพียงแค่เก็บรักษาให้เท่านั้น
บทที่ 4 คุณเพียงแค่เก็บรักษาให้เท่านั้น “คุณนีรา ต้องการให้ช่วยไหมครับ?” สายตาของทยุติตกอยู่ที่ข้อมือของนีรา ผิวที่ปกติเป็นสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง “ไม่ต้องหรอกครับ” โตษณก้าวเท้าไปอยู่ด้านหน้าของนีราหนึ่งก้าว แล้วตอบอย่างเย็นชา นีรามองไปที่โตษณอย่างมึนงง ภาษาฝรั่งเศสของเขามีมาตรฐานที่สูงกว่าเธอ “คุณนีรา คุณไม่ต้องการจริงๆใช่ไหมครับ?” ทยุติตามมาถามกับนีรา ดวงตาทั้งคู่ของนีราเบิกโพลงไปที่ทยุติ เมื่อสักครู่นี้เขาใช้ภาษาจีนได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน เมื่อคิดถึงว่าทยุติเข้าใจคำพูดของโตษณที่ดูถูกเธอก่อนหน้านี้ทั้งหมด แก้มของนีราก็ร้อนผ่าวยิ่งกว่าข้อมือ ในขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันก็ดึงดูดความสนใจคนทั้งสาม “ขออภัยค่ะ ท่านประธานโตษณ นี่คือล่ามฝรั่งเศสคนใหม่มารายงานตัว ส่วนท่านนั้น…” โมลียืนหดตัวอยุ่ด้านนอกประตู ไม่กล้าเข้ามา หญิงสาวใส่แว่นยืนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ มองโตษณตาไม่กะพริบ ถึงแม้ว่านีราจะเห็นใจหล่อน แต่พอคิดถึงว่าตัวเองก็จะสามารถออกไปได้แล้วนั้น สิ่งที่รัดเธอมือไว้แน่นก็คลายออก “พาออกไปเลย หล่อนถูกไล่ออกแล้ว และแจ้งฝ่ายบุคคลด้วยว่าคุณนีราคนนี้ได้เข้ามาร่วมงานกับเราอย่างเป็นทางการแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าของนีราเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในพริบตา โตษณฉีกยิ้มอย่างจงใจ “ได้ค่ะ” โมลีแอบดีใจอยู่ลับๆ โชคดีที่เธอช่วยผู้หญิงที่ชื่อนีราคนนี้แต่งหน้าแต่งตัวเสียใหม่ ทำให้ประธาณโตษณเลือกจะเก็บหล่อนไว้ ไม่อย่างนั้นคนที่โดนไล่ออกในวันนี้คงเป็นเธอเสียแล้ว “คุณนีรา ผมขอเชิญคคุณร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน เพื่อขอบคุณที่คุณช่วยเหลือในการแปล” ปฏิกิริยาแรกของนีราที่มีต่อคำเชิญของทยุติ คือการปฏิเสธ แต่เมื่อคิดถึงว่าหลังจากที่ทยุติไปแล้วเธอจะต้องอยู่กับโตษณเพียงลำพัง เธอจึงรีบตอบตกลงทันที “ห้ามออกไปข้างนอกในเวลางาน นี่คือกฎระเบียบของบริษัท” ในตอนที่นีราลุกขึ้นนั่นเอง โตษณก็ค่อยๆเอ่ยปาก สองมือของเธอยังคงวางอยู่บนที่เท้าแขน จะนั่งก็ไม่ใช่ จะไปก็ไม่เชิง “ถ้าหากผมมองไม่ผิด ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเลิกงานแล้วนะครับ” ทยุติช่วยนีราให้หลุดพ้นจากความอึดอัดใจอีกครั้ง คล้ายว่าตัดสินใจที่จะเป็นผู้คอยปกป้องนีรา ก่อนหน้าที่จะกลับมายังประเทศจีน ทยุติได้เคยทำการตรวจสอบโตษณ ยกเว้นแฟนสาวที่หายตัวไปของโตษณแล้ว ทยุติก็ไม่พบจุดอ่อนข้ออื่นของเขาเลย จนกระทั่งการปรากฏตัวของนีราในวันนี้ เขาถึงได้มีความคิดที่แตกต่างออกไป “พนักงานของผม คำพูดผมคือสิทธิ์ขาด” โตษณดึงนีราออกจากห้องประชุม บนรถ นีราหดตัวนั่งใกล้กับขอบประตู ต้องการรักษาระยะห่างจากโตษณอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่รู้ว่าโตษณกำลังจะพาเธอไปที่ไหน แล้วก็ไม่กล้าถามอีกด้วย ได้แต่หวังว่าเขาจะหลับตาเช่นนี้ไปตลอดทาง ขนตาของเขางอนยาวราวกับปีกของนางฟ้า ดวงตาที่เป็นวงรีแคบ จมูกเป็นสันแข็งแรง ดูประณีตงาดงามราวกับงานศิลปะ คิ้วที่ขมวดอยู่เล็กน้อย ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะอยากเอื้อมมือออกไปและจัดให้มันราบเรียบ ในตอนที่นีราอายุสิบหก ได้ไปงานเลี้ยงงานหนึ่งกับคุณพ่อ ทุกคนต่างพยายามสร้างความสัมพันธ์อันไร้ซึ่งความจริงใจ มีแต่เขาคนเดียวที่นอนเหยียดกายหลับตาอยู่บนโซฟาตรงมุมของดาดฟ้า เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ ในชั่วขณะนั้น นีรารู้สึกหลงเสน่ห์ใบหน้านี้ โดยเฉพาะใบหน้ายามที่ผ่อนคลายของเขา แต่น่าเสียดาย เธอก็ไม่ได้เห็นใบหน้าที่ผ่อนคลายของเขาอีกเลย “คุณมองพอรึยัง?” “พอ พอแล้วค่ะ” นีราตอบอย่างเงอะงะ เมื่อกี้นี้เธอยังมองเห็นเทวดาอยู่เลย แต่พอโตษณตื่นขึ้นมาก็หายไปแล้ว นีรารีบก้มหน้าลง เพื่อซ่อนแก้มที่ร้อนผ่าวของตัวเอง “ตอนที่ไปพบคุณยาย คุณรู้นะว่าควรทำอย่างไร ถ้าหากว่าคุณพูดหรือทำอะไรผิดพลาด บริษัทบีเอ็มเอสจะถูกทำลายด้วยมือของคุณ” ก่อนลงจากรถ โตษณไม่ลืมที่จะเตือนนีรา เดิมทีเขาคิดว่าจะกลับไปที่บ้านเดิมในวันพรุ่งนี้ แต่ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนใจ “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร” นีราใช้มือคล้องแขนโตษณ แล้วเดินเข้าไปในบ้านกับเขาพร้อมรอยยิ้ม ในตอนที่ผู้อาวุโสแห่งตระกูลภูลพิพัฒน์พบเธอครั้งแรกนั้น ก็ชื่นชอบเธออย่างมาก ตอนนี้นีรากลายเป็นหลานสาวของเธอแล้ว ก็ยิ่งรักหล่อนมากยิ่งขึ้น “หนูนีรา ไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมใบหน้าเล็กๆนี้ถึงดูเหนื่อยล้าอย่างนี้ล่ะ? เด็กคนนี้รังแกหนูหรือเปล่า บอกยายมาเถอะยายจะจัดการให้หนูเอง” ผู้อาวุโสจับมือเธอไว้อย่างทะนุถนอม สายตาแหลมคมนั้นมองไปทางชายหนุ่ม “คุณยาย บอกความจริงกับผมาเถอะครับ ตอนที่คุณแม่คลอดผมนั้นอุ้มผิดคนใช่ไหมครับ ที่จริงแล้วเธอเป็นหลานสาวของคุณยายสินะครับ?” นีราหันไปมองโตษณที่กำลังอิจฉา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเขาน่ารักมาก แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเองก็กำลังแสดงละครอยู่ ก็เกิดรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ “ถ้าหากหนูนีราเป็นหลานของยายจริงๆหล่ะก็ ยายก็ไม่ให้แต่งงานกับผู้ชายอย่างเราหรอกนะ จำไว้นะ ถ้าเราทำตัวไม่ดีกับเธอหล่ะก็ไปแต่ตัวได้เลย อย่าคิดว่าจะได้เงินจากตระกูลฯแม้แต่เหรียญเดียว” โตษณรู้ว่าคุณยายไม่ได้พูดเล่นกับเขา ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนนี้เขาคงไม่ค้างอยู่ที่คฤหาสน์ “คุณยายมั่นใจเถอะครับ ผมจะต้องรักนีรามากขึ้น ให้เธอช่วยผลิดอกออกผลให้กับตระกูลของเราเร็วๆ” ทันใดนั้นก็มีสร้อยคอห้อยอยู่ที่มือของโตษณ มันเรียบง่ายและหรูหรา มีจี้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ฝังด้วยเพชรสีม่วงที่หาได้ยาก ทันใดนั้นเขาก็เดินวนไปยังด้านหลังของนีรา แล้วสวมให้เธอด้วยตัวเอง ในขณะที่สวมสร้อยคอ โตษณเผลอปลดกระดุมคอเสื้อ “โดยไม่ตั้งใจ” ที่คอสีขาวของนีรามีรอยแดงเข้มข้นเต็มไปหมด นีราเลือกชุดกระโปรงนี้เพื่อปกปิดรอยเหล่านี้โดยเฉพาะ แต่เป็นเพราะความสนใจอยู่บนสร้อยคอเท่านั้น ดังนั้นทั้งสองยายหลานจึงไม่ได้สังเกตเห็น โตษณเตรียมสร้อยคอไว้เมื่อไหร่กัน จะเป็นก่อนแต่งงานหรือเปล่า? ตัวอักษรนี้จะหมายถึงตัวอักษรเริ่มต้นชื่อของเธอในภาษาอังกฤษใช่ไหม? ในระหว่างทางกลับ นีรานึกจะพูดอยู่หลายครั้ง เธออยากรู้ว่าสร้อยคอนี้ได้เตรียมเอาไว้ให้เธออยู่แล้วใช่หรือไม่ แต่เธอก็กลัวจะได้คำตอบในด้านลบ “จอดรถ” คนขับจอดรถที่ริมถนน และโตษณก็บอกให้คนขับลงจากรถ นีรารู้สึกหวั่นวิตกอยู่ลับๆ เธอรู้ว่าโตษณต้องการจะพูดกับเธอ และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถให้คนอื่นได้ยินได้ ทันใดนั้นโตษณก็จู่โจมเข้ามาใกล้ทันที มองเห็นนีราที่หลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวแล้ว มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มเยาะเย้ย “คุณคงไม่คิดว่าผมจะจูบคุณหรอกนะ? นอกเหนือจากความต้องการทางกายภาพแล้ว ผมไม่มีความรู้สึกทางเพศใดๆกับคุณหรอกนะ” ดวงตาของนีราเบิกกว้าง ถ้าหากว่าตัวของเธอไม่ได้ติดอยู่กับประตูเช่นตอนนี้ เธอก็คงไม่อาจจะเหยียดกายอย่างมั่นคงไว้ได้ โตษณเอื้อมมือไปจับสร้อยคอตรงหน้าอกของเธอ แววตาของเขานุ่มนวลกว่าเดิมอย่างมาก “ผมขอเตือนสติคุณไว้ว่า คุณไม่ใช่เจ้าของตัวจริงของสร้อยคอเส้นนี้ คุณเพียงแค่เป็นคนเก็บรักษาให้เท่านั้นเอง” ตัวของนีราอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหว ถึงแม้ว่าเธอจะรู้คำตอบนี้มานานแล้ว แต่ป็นเธอเองที่อดไม่ได้ที่จะเพ้อฝัน ชิตชไม ตัวอักษรภาษาอังกฤษนี้คือสร้อยที่สั่งทำเป็นพิเศษเพื่อหล่อน
已经是最新一章了
加载中