บทที่1 ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง   1/    
已经是第一章了
บทที่1 ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง
บทที่1 ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง หมู่บ้านหลิงเย่าของราชวงศ์ต้าแล่ที่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตยาสลายหิน อำเภอหลิงเย่าที่อยู่ภายใต้การปกครองของเบื้องบนก่อนหน้านี้หลายปี ได้รวบรวมพื้นที่เหล่านี้ให้เป็นเขตเดียวกัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา พวกชาวบ้านของหมู่บ้านหลิงเย่าก็มั่งคั่ง มีอิฐสร้างบ้าน ลาจากความยากจนข้นแค้นในอดีตเมื่อคนร่ำรวย จิตใจคนก็ผันแปร ในอดีตชาวบ้านในหมู่บ้านหลิงเย่าอยู่กันอย่างเรียบง่าย น่าเสียดายที่เกิดเรื่องน่าหัวเราะในตระกูลหลิ่วของหมู่บ้านหลิงเย่า “ข้าไม่แต่ง! เรื่องอะไรจะให้ข้าแต่ง! จะให้ข้าแต่งกับตระกูลโล่คนผีทะเลอย่างนั้น ฆ่าข้าเลยดีกว่า ท่านย่าจะลงมือรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่าเพียงแค่หรูเยียนเป็นลูกเป็นหลานใกล้ชิดในตระกูลของท่านงั้นหรือ ข้าหลิ่วหม้านหยุนเป็นหลานนอกไส้ที่เก็บมาจากท้องไร่ท้องนา ไม่ได้เป็นคนในตระกูลหลิ่วของพวกท่าน เลยจะผลักไสไล่ส่งข้าแบบนี้กันใช่ไหม” หลิ่วหม้านหยุนโมโหจนทนไม่ไหว ริมฝีปากสั่นคลอน นางรู้อยู่เต็มอกว่านายหญิงแก่เป็นคนลำเอียง แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะลำเอียงได้ถึงเพียงนี้ แม่ของหลิ่วหม้านหยุนเป็นคนนิสัยใจเย็น และเป็นลูกสะใภ้ที่มีชื่อเสียงในยี่สิบสี่คนของหมู่บ้านหลิงเย่า นางเพียงแต่ฟังแม่สามี จับมือลูกสาวหม้าย หยุนไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่พร้อมจะพลั่งพลู พูดด้วยเสียงที่รักและถนอมว่า : “ หยุนเอ๋อร์ ทำไมถึงกล้าพูดเสียงดังอย่างนี้ เขาเป็นนายหญิงย่าของเจ้า....” “ใช่หน่ะซิ ท่านแม่ ท่านเป็นท่านย่าของข้า แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยรับข้าหลิ่วหม้ายหยุนว่าเป็นหลานแท้ๆ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ท่านย่าแบบนี้ ก็ช่างเถอะ.....” ลูกตาของหลิ่วหม้ายหยุนทั้งสองข้างถลึงมองไปที่ผู้หญิงแก่ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้นั้น นายผู้หญิงแก่ยื่นนิ้วชี้อย่างสั่นคลอน ดวงตาของนางส่งไปอย่างจิกกัด ชี้นิ้วไปที่หลิ่วหม้ายหยุน ด่ายกใหญ่ว่า “ เนรคุณ ! เนรคุณ ! เป็นอุปสรรคของพวกเราตระกูลหลิ่ว ! ทรยศกับฉัน! ทรยศกับฉัน ! เจ้า ! เจ้านี่สั่งสอนลูกสาวอย่างนี้หรือ” “ เด็กไร้การศึกษา ! ช่างอกตัญญูยิ่ง!กล้าต่อปากต่อคำกับย่า!” หลิ่วหเป่ยเทียนคล้ายกับบินมาเพื่อมาตบปากของลูกสาวตัวเอง เสียงดังเพลี๊ย เป็นเสียงดังกังวาน ในเวลานั้น หลิ่วหม้ายหยุนรู้สึกว่าแก้มด้านซ้ายของตัวเองนั้นปวดแสบปวดร้อน เป็นมีน้ำร้อนมาสาดใส่อย่างไงอย่างงั้น เพียงแต่ ในใจของหลิ่วหม้ายหยุนเศร้าเสียใจ เป็นเพราะว่ามีพ่อแบบนี้ มีแม่แบบนี้ มีความกตัญญู ในหลายปีมานี้ โดนคนสองคนนี้กดขี่ข่มเหงตลอด เห็นน้องสาวที่ไม่ได้รับความรักความเอ็นดูจากท่านย่าแล้วยังโดนท่านลุงตบกลางบ้าน ลูกพี่ลูกน้องอย่างหลิ่วหรูเยียนในใจรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก สายตาของหลิ่วหรูเยียนไม่มีเสียงใด ๆ ลองดูผ่านด้วยความพอใจ นางนั่งอยู่ข้าง ๆ ท่านย่า พูดเสียงปลอบท่านย่าอย่างนุ่มนวล “ท่านย่าอย่าเสียใจไป พี่สาวหม่าน หยุนเพียงแค่เลอะเลือนไปชั่วครู่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือว่าท่านจะให้ข้าแต่งแทนพี่สาวหม้าย หยุนก็ได้ โอ้โอ้...หากเป็นอย่างนี้แล้ว ท่านย่าจะได้ไม่ต้องเสียใจอย่างนี้.... ตระกูลนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องให้แต่กับคนตระกูลโล่ คือหลิ่วหรูเยียน นางกับโล่กงยี่ตระกูลโล่มีการหมั้นหมายกันไว้แต่ก่อนแล้ว เพียงแต่ตอนหลังไม่รู้เพราะเหตุใด โล่กงยี่จู่ๆ ก็เป็นโรคปอด แล้วก็ตระกูลโล่ก็อยากแต่งกับหลิ่วหรูเยียนขึ้นมาทันทีทันใด ตอนนั้น หลิ่วหรูเยียนเห็นว่าตระกูลโล่ก็ไม่เลว แต่มาวันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นางพอรู้ว่าท่านย่าไม่ค่อยชอบลูกพี่ลูกน้องของนางหม้านหยุน ก็เลยปรึกษากับพ่อแม่ใช้ประโยชน์จากท่านย่าให้เรียกหม้านหยุนไปแต่งงาน อย่างไรก็ตามหม้านหยุนยังคงเป็นหลานของตระกูลหลิ่ว ไม่ว่าใครจะแต่งก็ไปก็เหมือน ๆ กัน! และไหนจะยังที่หลิ่วหรูเยียนวันๆ ก็เอาแต่พูดเอาใจท่านย่าให้ท่านย่าชอบ ท่านย่าพอฟังแล้ว ก็ตามใจนาง ดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องน่าตลก ๆ จริง ๆ เอาตามเหตุผลจริงๆ คนที่ต้องแต่งไปคือหลิ่นหรูเยียน แต่จากที่ฟังหลิ่วหรูเยียนพูดแล้ว คล้ายกลับว่านางจะต้องมาแต่งแทนหลี่วหม้านหยุนอย่างไงอย่างงั้น “หลิ่วหรูเยียน ถ้าเจ้ายินดีที่จะแต่งออกไปนัก อย่างนั้นเจ้าก็ไปแต่งซะเองเถอะ แต่ว่าเจ้าหน่ะแต่งแทนตัวเจ้าเอง ไม่ได้แต่งแทนข้า ทำตัวทุเรศให้มันหน่อย ๆ หน่อย !ข้ารังเกียจ!” ต่อหน้าท่านย่า หลี่วหม้านหยุนก็สาดคำพูดใส่หน้าหลิ่วหรูเยียน “เจ้า…….” หน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจของหลิ่วหรูเยียนซบไปทางท่านย่า ทำตัวเหมือนเป็นคนอ่อนแอมาก เทียบกับหลายคนโตที่ไม่ฟังคำแถมยังอวดดี กับหลายคนที่สองอย่างหลิ่วหรูเยียนที่ดูแล้วเชื่อฟังเลี้ยงง่าย ใคร ๆ ก็พากับหลงรัก ท่านย่าที่ไม่พูดอะไรส่งสายตาสาดเข้ามาเต็ม ๆ ในที่สุดนายท่านหลิ่วก็ส่งเสีย หันชี้นิ้วไปที่หลี่วหม้านหยุนและตะคอกใส่หลิ่ยเป่ยเทียน “ตระกูลนี้ ยังคงเป็นข้าที่ตัดสินใจ! เป่ยเทียน! เอาตัวหลานที่ไม่กตัญญูคนนี้จับไปขังไว้! ขังไว้สามวันสามคืนไม่ให้กินไม่ให้ดื่ม เดี๋ยวก็ดีขึ้นมาได้!” “ท่านพ่อ ! อย่าได้ทำอย่างนี้เลย! หยุนเอ๋อร์นางยังเล็กนัก นางไม่เข้าใจ!” ก่อนจับกุม หลี่ซื่อคุกเข่าอยู่ข้างๆ โขกศีรษะไปเลย ๆ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ได้โปรดเห็นแกความกตัญญูของลูกสะใภ้คนนี้ที่ปรนนิบัติรับใช้มา ได้โปรดละโทษของ หยุนเอ๋อร์ครั้งนี้เถอะ ข้าจะพาเขากลับห้องไปค่อย ๆพูด” “เห้ย ลูกสะใภ้กตัญญูต่อพ่อแม่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำอยู่แล้วหรือ ทำไมถึงหยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ไม่มียางอายจริง ๆ ไม่แปลกใจที่ให้กำเนิดคนแบบนี้ออกมา หน้าด้าน!” นายหญิงแก่ได้โปรดมองย้อนไปถึงความกตัญญูของหลี่ซื่อคนนี้ด้วย ดูเหมือนกว่า ความกตัญญูจะกตัญญูผิดเสียแล้ว ถ้าหาว่าเป็นอย่างนี้ หลิ่วหม้ายหยุนอยากจะบอกแม่ว่าต่อไปนี้ไม่ต้องกตัญญูอีก แต่ว่านิสัยแม่อ่อนโยน ถ้าจะไม่ให้กตัญญูต่อพ่อแม่สามีหละก่อ เกรงว่าเอามีดมาจ่อคอก็ยังยากเลย นายท่านหลิ่วเป็นเสาหลักของครอบครัว เพื่อชื่อเสียงของตระกูลหลิ่ว เขาจำเป็นต้องลงมือกับหลี่วหม้านหยุน แน่นอนว่าวิธีการนี้นอกจากนี้ยังกำกับลูกคนที่สองคนที่สาม ให้นำตัวหลี่วหม้านหยุนไปขังไว้ คุณชายสองตระกูลหลิ่วเป่ยหาน เป็นพ่อแท้ ๆ ของหลิ่วหรูเยียน เห็นลูกสาวตัวเองหรูเยียนไม่ต้องไปแต่งงานกับคนเป็นโรคปอด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เขากลับเป็นร้อนรนขึ้นมา ยังมีคุณชายสามตระกูลหลิ่วหลิวเป่ยเหอรู้สึกว่าดูไม่ได้ “แบบนี้มันดูจะเกินไปหน่อย……” สะใภ้สามหลินชื่อจับหลิ่วเป่ยเหอไว้แน่น นางรู้ว่าตัวเองพูดอะไรไม่ได้ อยู่ในตระกูลนี้ไม่มีตำแหน่งฐานะอะไร ดังนั้นนางจึงบอกสามีเป็นนัยว่าไม่ต้องไปแทรกแซง “ท่านปู่ท่านย่า นำหลี่วหม้านหยุนเด็กคนนี้ไปขังออกจะดูถูกนางสักหน่อย นำสุนัขจ้างอ้าวไปปล่อยไว้ด้วย น่าจะดีที่สุด” คนที่พูดคือ พี่ชายของหลิ่วหรูเยียน หลิ่วหลิงอู่ “ บังอาจ ผู้ใหญ่เขาคุยกันอยู่เจ้าสอดปากเข้ามาได้อย่างไร” สะใภ้สองซ่างกวนซื่อมองหลิ่วหลิ่งอู่ไปทีหนึ่ง หัวเราะด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา “แต่ว่าที่หลิงอู่ลูกข้าพูดก็ถูก ว่าเด็กหม้าย หยุนควรโดนจัดการให้เรียบร้อย พวกเราคนตระกูลหลิ่วไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส มันใช้ได้ที่ไหนกัน” พูดจบ ซ่างกวนซื่อก็จ้องมองหลี่วหม้านหยุนอย่างขุ่นเคือง สายตายังคนหัวเราะอยู่ “ หยุนเอ๋อร์เจ้าอย่าได้โทษป้า เป็นเพราะเจ้าไม่รู้จักรู้ความเองตาหาก!” รู้ความหรือ ใช่แล้ว ในใจของของสะใภ้สอง อยากให้นางหลี่วหม้านหยุนไปแต่งงานกับคนโรคปอดนั่นแทนหลิ่วหรูเยียน เป็นภรรยาอยู่สวย ๆ ต้องเป็นแบบนั้นถึงจะเรียกว่าเชื่อฟังเนอะ “ เจ้า......หน้า....ด้าน......!” หลิ่วหม้ายหยุนที่โมโหอยู่มากยังดีที่ไม่ถมน้ำลายไปที่ปากของสะใภ้สองซ่างกวนซื่อ “อั้ยหยา ทุกคนมาดูเร็วเข้า ! เด็กคนนี้คงไม่มียาจะรักษาแล้ว กล้าแม้กระทั้งด่าผู้อาวุโส!” ซ่างกวนซื่อกอดหลิ่วหรูเยียน ลูบหลิ่วหรูเยียน ชมลูกสาวตัวเอง “ ยังดีที่มีลูกสาวดี ๆอย่างข้าหรูเยียน เทียบไม่ได้เลยกับเด็กอย่างนั้น......” คำว่าเด็กอย่างนั้นสามคำ ซ่างกวนซื่อรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไป แสร้งทำเป็นพูดไม่ชัดเจน เกรงว่าคนอื่นจะได้ยิน “ หยุนเอ๋อร์ วันนี้งานแต่งเจ้าก็ต้องแต่ง ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง....” คำพูดจากพ่อบังเกิดเกล้าหลิ่วเป่ยเทียนคำสุดท้าย เหมือนกับฟ้าที่ผ่าลงมา คล้ายทิ้งระเบิดไว้ในหูของหลิ่วหม้ายหยุน ไม่ว่าใครก็ทำไม่ดีกับนางได้ แต่บิดาผู้ให้กำเนิดนางหนึ่งเดียวก็ยังทำกับนาง..... “ ข้าไม่อยากอยู่แล้ว.... ” หลิ่นหม้ายหยุ่ยหยิบยาพิษขวดสีขาวขึ้นมาจากตู้ แล้วรีบกลืนลงคอไป ทันใดนั้นก็อาเจียนออกมาเป็นฟองสีขาว เป็นลมไม่ได้สติไป “ อา---” หลี่ซื่อร้องจนหมดเสียง เป็นลมล้มไปกับพื้น สำหรับใบหน้าของหลิ่นเป่ยเทียนในขณะนี้เขาอยากจะตายแทนลูกสาวเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป นายท่านหลิวนายท่านแก่ตกใจไม่แพ้กัน
已经是最新一章了
加载中