บทที่6 บ้านสามีที่มั่งคั่ง   1/    
已经是第一章了
บทที่6 บ้านสามีที่มั่งคั่ง
บทที่6 บ้านสามีที่มั่งคั่ง “เอาเถอะๆ แม่ไม่แกล้งเจ้าแล้ว” แม่สามีไม่อดใจทำให้หลิ่วหม้านหยุนสีหน้าม้วน คิดว่าเมื่อคืนนี้นางคงเหนื่อยกับการปรนนิบัติ จับมือนางขึ้นมา “ หยุนเอ๋อร์ แบบนี้ เจ้ารีบกับไปนอนพักอีกสักตื่นเถอะ เรื่องในครัวเดี๋ยวข้าจัดการเอง” “ไม่ ท่านแม่ ข้าไม่เหนื่อย” ใจของหลิ่วหม้านหยุนรู้สึกตื้นตัน ไม่คิดว่าตระกูลโล่จะมีแม่สามีที่ดีแบบนี้ อาจเป็นเพราะจุดธูปหอมไหว้บรรพบุรุษ คนโบราณพูดไว้ดี สะใภ้ใหม่ของบ้าน เป็นเด็กมาใหม่ ต้องอบรมสั่งสอน แต่เฉินซื่อรู้สึกว่าหลิ่วหม้านหยินแบบนี้เป็นคนขยันมีความสามารถ ไม่ได้โดนโอ้จนเกินไป สะใภ้ดี ๆ แบบนี้จะไปหาได้ที่ไหนกัน เห็นทีแล้วการแต่งหลิ่วหม้านหยุนเข้ามาเป็นการเลือกที่ถูกแล้ว ถึงหรูเหยีนจะมองดูเขาที่อะไรแบบนั้นก็ช่าง ตอนนี้ในใจของเฉินซื่อ หลิ่วหม้านหยุนนางเป็นสะใภ้ที่ดี พูดไม่ได้ว่ารู้ซาบซึ้ง แต่นางเป็นคนที่ได้เฉลิมฉลอง เพื่อจะได้มาเป็นสิ่งดีงามในตระกูลโล่ วันนี้เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหม้านหยุนเข้ามาห้องครัวตระกูลโล่ ที่พื้นนั้นถูกปูไว้ด้วยกระเบื้องที่มองแล้วสบาย มีเตาหม้อถ้วยชามครบสมบูรณ์พร้อม เนื้อตากแห้ง เนื้อไก่ เนื้อกระต่าย ซาลาเปาก็มีกระดาษแดงแปะไว้ แขวนไว้เหนือโต๊ะ ไหนจะที่โต๊ะ ยังมีวางไว้อีกมากมาย คากิผัดราดน้ำแดง กระดูกหมู เต้าหู้ผัดผักกาดขาว ซานเย่าชุปแป้งทอด ตุ๋นซุปไก่โสม ไหนจะยังมีซุปบำรุงเนื้อกวาง สุดท้ายยังมีอุ้งตีนหมี ของเหล่านี้เหลือจากงานเมื่อคืนวางไว้ ตระกูลโล่เป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในหมู่บ้านหลิงเย่า งานจัดการเมื่อคืนนี้คงฟุ่มเฟือยมาก แม้แต่อุ้งตีนหมียังมี ไหนเลยจะเรียกว่าครอบครัวเล็ก ๆ หรือยังจะเป็นบ้านเล็กแขกน้อยได้หรือ นอกจากนี้เฉินซื่อยังชี้ให้หลิ่วหม้านหยุนดูห้องครัวด้านซ้ายที่มีประตูเล็ก พูดว่า “นี่คือห้องใต้ดินที่เอาว่างเหล้าที่หมักไว้เป็นปี ๆ และของอบแห้งตากแห้งต่างๆ แล้วก็มีซีอิ๊วสำหรับฤดูหนาว เจ้าแต่งงานเข้าตระกูลเรา อีกหน่อยก็ไม่ขาดเรื่องอาหารการกินเครื่องนุ่งห่ม ได้ยินแม่สามีพูดมาขนาดนั้น หลิ่วหม้านหยุนรู้สึกเกรงใจ จริง ๆแล้ว อาหารก็คือสวรรค์ใช่ไหมหล่ะ คนเรามีชีวิตอยู่ มีอะไรก็ไม่สู้ เวลาที่มีอะไรไม่สบายใจ ทำให้ท้องว่างๆ อิ่มก่อนก็ดี “ท่านแม่ เช้านี้เราจะกินอะไรกันดี” ถึงแม้ว่าอาหารจะอยู่เต็มโต๊ะมากมาย แต่ว่าจริงๆ แล้วหลิ่วหม้านหยุนไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากอะไรก่อนดี “เจ้าเอาต้มโจ๊กหอยเซลล์อ่อนๆ ไว้ก่อนแล้วกัน จากนั้นข้าจะไปทำแป้ง บ้านเราชอบกินแป้งโรตี” เฉินซื่อหยิบเอาผงแป้งละเอียดสีขาวขึ้นมา ลองคิดๆดู ปีนี้วัตถุดิบยาที่ผลิตมาจากหมู่บ้านหลิงเย่านั้นยังดีอยู่ ตระกูลหลิ่วของหลิ่วหม้านหยุนนั้นก็เก็บเงินทองได้ไม่น้อย แต่ว่าไม่กล้าที่จะเอาผงแป้งละเอียดสีข้าวมาทำแป้งโรตีมาใช้ทุกวัน เหมือนกันเผาเงินเลย ตระกูลหลิ่วใช้มากสุดก็แต่แป้งข้าวโพดมาทำโรตีแล้วก็แป้งแบบหยาบมานวดเป็นโรตี บางทีของพวกนี้ยังมาไม่ถึงบ้านใหญ่ด้วยซ้ำ ส่วนมากถูกส่งไปบ้านรอง แต่ว่าคนตระกูลบ้านโล่ก็มีเสน่ห์แบบนี้! ตระกูลของสามีจริง ๆ แล้วมั่งคั่ง! หลิ่วหม้านหยุนคิดว่าจะขโมยผงแป้งสีขาวละเอียดนี้กลับไปให้ท่านแม่ที่บ้าน ให้ท่านแม่ได้ทำโรตีจากแป้งขาวนี้ให้น้องชายหลิ่งฮ่าวกิน คิดไปคิดมา หลิ่วหม้านหยุนรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ถ้าเกิดว่าไปทำแบบนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับขโมย อีกหน่อยก็จะทำให้ในใจแม่สามีก็จะมีแต่รอยประทับที่ไม่ดี ยังไงนางหลิ่วหม้านหยุนก็ต้องใช้ชีวิตที่นี่ไปตลอดชีวิต ต้มโจ๊กหอยเซลล์ได้มาอยู่ตรงหน้าเธอ เป็นมือดีในครัว แม้ว่าร่างกายจะดูแข็งๆ แต่ตอนแรกเพื่อจะมัดใจหาสามีที่ฐานะดี ทุก ๆ วันตอนเย็นนางจะต้องเข้าครัว เพื่อที่จะได้มีเสน่ห์ปลายจวักในการมัดใจสามี ใครจะไปรู้..... ช่างเถอะ หลิ่วหม้านหยุนไม่อยากจะคิดต่อไป เพียงแค่หวังว่าสามีโล่กงยี่คนโบราณในตอนนี้ ไม่ได้เป็นคนไม่เอาไหน ก็โอเคแล้ว ต่อไปก็เริ่มจัดการกับหอยเซลล์ หลิ่วหม้านหยุนรู้ว่าแม่สามีค่อนข้างทำอะไรเกรงใจนาง แต่นางก็ไม่สามารถจะเกียจคร้านได้ หลิ่วหม้านหยุนนำเปลือกหอยเซลล์มาทำความสะอาด แต่ละตัวเอามาแกะออกมาวางในชาม เหมือนตุ๊กตาตัวเล็กๆ นิ่มๆ สำหรับเปลือกหอยเซลล์ทางการแพทย์จีนพูดไว้ว่า เป็นตัวที่เอาไปสำหรับบำรุงสารน้ำและเลือดรวมไปถึงเป็นยาจีนที่ช่วยปรับสมดุล และช่วยรักษาคนป่วยที่เป็นโรคปอดได้ดีที่สุด ตระกูลโล่เป็นลูกค้ารายใหญ่ในการซื้อยา และด้วยว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ในการซื้อวัตถุดิบยา แน่นอนว่าจะต้องมีความรู้เรื่องเภสัชยาอยู่สักหน่อย เอาลงหม้อใหญ่ หลิ่วหม้านหยุนเอาน้ำมันถั่วเหลืองลงไปรองก้นกระทะ แล้วก็เทหัวหอม กระเทียม ขิงลงไปผัดคนได้กลิ่นหอมขึ้นมา หลังจากนั้นก็ใส่หอยเซลล์ลงไป ผัดไปจดกระทั่งหอยเซลล์พองขึ้นมานิดนึง ก็ใส่เห็ดหอมลงไปเล็กน้อย ผักคลุกเคล้าให้เขากัน หลังจากนั้นก็ใส่น้ำซาวข้าวที่สะอาดลงไป เพียงครึ่งเหมือน แล้วรอไปครึ่งชั่วโมง “ยี่เหลียนอา เจ้าอย่าเผลอหลับ ต้องคอยดูเปลวไฟ ไม่อย่างนั้นพี่ชายเจ้าก็จะไม่ได้กินโจ๊กหอยเซลล์เอานะ” เฉินซื่อตอบเบาๆ ที่เด็กหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เตา และเพราะเสียงนี้ หลิ่วหม้านหยุนเพิ่งรู้สึกได้ว่าในห้องครัวนี้นอกจากแม่สามีกับนางแล้ว ยังมีบุคคลที่สามอยู่ นั้นคือโล่ยี่เหลียนที่เป็นน้องสาวของโล่กงยี่ น้องเล็กของหลิ่วหม้านหยุน สาวน้อยโล่ยี่เหลียนอ้วนมากๆ รูปร่างเหมือนจะใหญ่กว่านางไปเบอร์หนึ่ง อาจเป็นเพราะว่านางชอบแอบงีบอยู่เป็นเหตุ ร่างเล็กๆ ของนางทำให้ตาที่เล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กเข้าไปอีกแทบจะเป็นเส้นเดียว เกือบจะมองไม่เห็นลูกตาอยู่แล้ว ดูน่าเอ็นดูอยู่ ในมือเด็กน้อยถือข้อศอกหมูไว้หนึ่งชิ้น กินไปนอนไป กินจนปากนั้นเลอะเถอะเต็มไปด้วยซีอิ๊วอย่างหนา เลอะไปจนถึงเปลือกตา ริมฝีปาก แก้มก็ด้วย ทำให้คนเห็นทนไม่ไหว ทำให้หลิ่วหม้านหยุนอดไม่ได้ที่จะหยุดเลาะออกมา “ยี่เหลียน ตื่น ตื่น!เจ้าทำให้พี่สะใภ้เจ้าหัวเราะแล้ว!” เฉินซื่อลุกขึ้นมาเอาไม้ขนไก่มาปัด ทำอย่างนี้เบาๆ ตีกับโล่ยี่เหลียนสักหน่อย ครั้งนี้ ทำให้โล่ยี่เหลียนตื่นได้สักที แล้วก็งัวเงียยืนขึ้น “ท่านแม่ ไฟไหม้แล้วใช่ไหม! ไฟไหม้แล้วใช่ไหม! ข้าเห็นไฟไหม้แล้ว!” “เจ้าเด็กผู้หญิงของตระกูลคนนี้ วัน ๆกินเอาอย่างนี้ แล้วอีกหน่อยจะแต่งออกไปได้ยังไง ยังไม่รีบไปเช็ดออกอีก” เฉินซื่อทำท่าเป็นคนดูขมขื่นอย่างนั้น “สะใภ้ตระกูลข้าถึงจะได้ไม่หัวเราะข้ายังไง” โย่ยี่เหลียนยืนขึ้น เข้าไปกอดแขนของหลิ่วหม้านหยุนไว้อย่างสนิทสนม แล้วยังเอาแก้มอ้วนที่เลอะซีอิ๊วมาโดนร่างของหลิ่วหม้านหยุน “บ้านนี้ทั้งบ้านก็มีแค่ท่นแม่คนเดียวที่หัวเราะเยาะข้า นอกจากท่านแล้วจะยังจะมีใครอีก” “ยี่เหลียน เจ้าทำให้ให้เสื้อผ้าพี่สะใภ้เจ้าสกปรกหมดแล้ว” เฉินซื่อลากโล่ยี่เหลียนออกไป พอโล่ยี่เหลียนเห็น ว่าบนร่างของพี่สะใภ้ใหม่ที่สีแดงสวยนั้นเต็มไปด้วยคราบสกปรกเป็นรอยใหญ่ เต็มไปด้วยซีอิ๊ว “อ่า! พี่สะใภ้ฉันขอโทษ .....” จากนั้น หน้าของโล่ยี่เหลียนก็เต็มไปด้วยความเขินอายส่งตาใสแป๊ว “ท่านแม่ ทำไมท่านไม่รีบบอกข้าหล่ะ ทำให้ข้าต้องขายหน้า เห้ย ตอนบ่ายข้าไม่ไปเย็บดอกไม้กับท่านแล้ว” “ ยังเด็กยังเล็ก ก็กล้าที่จะยอกย้อนซะแล้ว” ถึงแม้ว่าปากจะพูดอย่างนั้น แต่ว่าหน้าของเฉินซื่อก็เต็มไปด้วยความรัก จากที่ดูแล้วโล่ยี่เหลียนน่าจะเล็กว่านางสองสามปี เห็นโล่ยี่เหลียนเป็นเด็กบริสุทธิ์น่าเอ็นดูอย่างนี้แล้ว หลิ่วหม้านหยุนก็ชอบนางเป็นอย่างมาก “พี่สะใภ้ ท่านแต่งงานมาที่ตระกูลเรา ข้าโล่ยี่เหลียนก็มาทำแบบนี้กับท่าน ท่านอย่าได้ถือสาเอาไปคิดมากในใจ” เฉินซือรู้สึกเกรงใจ “ไม่เป็นไร ข้ากลับรู้สึกว่าน้องสาวโล่ยี่เหลียนช่างน่ารัก ข้าชอบน้องโล่ยี่เหลียน” คำพูดของหลิ่วหม้านหยุนทำให้ในใจของเฉินซื่อเหมือนมีน้ำผึ้งหน้าๆ มาหยดลงกลางใจ เรื่องที่คนทั่วไปกลัวที่สุดคือ แม่สามีกับลูกสะใภ้เข้ากันไม่ได้ หลังว่าพวกเขาหลังจากนี้ไปจะอยู่กันอย่างปรองดองได้ดีก็จะดีมากเลย ดีที่สุดถ้ากงยี่กับหลิ่วหม้านหยุนให้เกียรติกันเคารพซึ่งกันและกัน เป็นแบบนั้นได้ชีวิตคนราบรื่นสวยงามเลย
已经是最新一章了
加载中