บทที่ 13 เจ้าแกล้งป่วยจริงสินะ
1/
บทที่ 13 เจ้าแกล้งป่วยจริงสินะ
ข้าเนี่ยนะ!ต้องแต่งงานกับท่านอ๋องไร้สมอง?!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 13 เจ้าแกล้งป่วยจริงสินะ
บทที่ 13 เจ้าแกล้งป่วยจริงสินะ “เหอะ เหมือนเจ้า ตอนที่เจ้ายังสาว ก็ยังแอบพ่อแม่พูดเลยไม่ใช่เหรอ?” โล่เหวินเฟิงกลับหัวเราะขึ้นมา “เดี๋ยวเถอะ!ไม่พูดกับเจ้าแล้ว ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้าอีก” “ดูสองคนรักกัน เจ้าก็อย่าไปยุ่งเลย” “รู้แล้วน่า!เดี๋ยวเถอะ!” เฉินซื่อใช้มือเช็ดกระโปรงตัวเองหน่อยๆ หันหลังให้โล่เหวินเฟิง ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มออกมา สองสามีภริยาปิดประตูในห้อง โล่กงยี่เดินไปเข้าใกล้หลิ่วหม้านหยุนจนไปถึงข้างเตียง “เจ้าจะทำอะไรน่ะ…ตอนนี้เวลากินข้าว เจ้า…หรือว่าคิดจะ…” พอได้มองตาของชายตรงหน้า หลิ่วหม้านหยุนก็เริ่มอายขึ้นมา “แม้จะใช่!ก็ปกติไม่ใช่เหรอ?ใครบอกให้เจ้าเป็นภริยาข้าล่ะ” พูดจบ โล่กงยี่ก็จับหลิ่วหม้านหยุนเอาไว้ เหมือนเวลาต่อไป เสื้อผ้าบนตัวนางจะตกลงมาอย่างนั้น “เจ้าอย่าเข้ามานะ……” หลิ่วหม้านหยุนเตือน “ข้าจะไป!” โล่กงยี่อยากแกล้งนางหน่อย พอเห็นท่าทางนาง เขาที่เป็นชายก็รู้สึกชอบท่าทางนี้มาก อย่างน้อยในสายตาเขา หลิ่วหม้านหยุนเป็นหญิงที่ตลกดี หลิ่วหม้านหยุนจับแขนโล่กงยี่เอาไว้และจับชีพจรเขาดู และพูดว่า“เจ้าไม่ป่วยจริงด้วย!” “ที่แท้ ภริยาข้ารู้อยู่แล้วเหรอนี่” โล่กงยี่พูดด้วยเสียงที่เยือกเย็น หลิ่วหม้านหยุนรู้สึกได้ ด้านหลังเตียงก็เหมือนมีคนกำลังจะออกมา เหมือนเขาจะมาฆ่าตัวเองอย่างนั้น สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น หลิ่วหม้านหยุนเห็นสายตาโล่กงยี่ที่เย็นชาขึ้น “โล่กงยี่!ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำการใด!แต่ข้าตกลงเจ้า!ข้าจะไม่พูดเรื่องที่เจ้าแกล้งป่วยออกไป!” มองตาโล่กงยี่ หลิ่วหม้านหยุนก็ยอมแพ้ทันที “หรือว่า ข้าสัญญากับเจ้าสามข้อก็ได้……” คำพูดของหลิ่วหม้านหยุนนี้ ทำเอาโล่กงยี่เริ่มหวั่นไหว “เจ้าพูดสิ” โล่กงยี่ปล่อยนางไป นั่งลงบนเตียงนั้น สายตาเย็นชาเหมือนเดิม มองนางด้วยความระวัง เหมือนกับว่า หลิ่วหม้านหยุนเป็นศัตรูที่เขาจะต้องกำจัดอย่างนั้น! “เจ้าใช้เลือดไก่มาปกปิดไว้ ขอบอกว่านี่เป็นแผนที่ดีมาก” หลิ่วหม้านหยุนยิ้ม ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ไม่มีทางดูออกว่าอันไหนเป็นเลือดคนเลือดไก่ แต่หลิ่วหม้านหยุนไม่เหมือนใคร ชาติก่อนนางเป็นหมอแผนโบราณ เลือดคนกับเลือดไก่เป็นหมวดหมู่ของแพทย์แผนโบราณ หลิ่วหม้านหยุนจะแยกไม่ออกได้อย่างไร? แน่นอนครั้งก่อน ความสงสัยของลิ่วหม้านหยุน ตอนที่โล่กงยี่อุ้มนางขึ้นมาทั้งๆที่เป็นวัณโรค หลิ่วหม้านหยุนก็เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที จนกระทั่งตอนนี้ที่หลิ่วหม้านหยุนวัดชีพจรเขา ชีพจรเขาปกติดีไม่มีโรคอะไรแสดงออกมาเลย “ข้ารู้ว่าว่าข้าช่วยชีวิตชิวซิ่งเอาไว้ ทำให้เจ้าสังเกตเห็นว่าข้ามีวิชาแพทย์” หลิ่วหม้านหยุนมองดูเขาและพูดว่า“ในขณะเดียวกัน ข้าก็รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้าคิดว่า วิชาแพทย์ข้าดีเช่นนี้ เจ้าแกล้งป่วยเป็นวัณโรคคงโดนข้าจับได้นานแล้ว ดังนั้น เจ้าไม่อยากถูกเปิดเผยตัวตน อยากจะฆ่าข้า จริงหรือไม่?” “ใช่ เจ้าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดดีนะ” โล่กงยี่พยักหน้า ทหารลับกำลังจะก้าวออกมาใช้มีดอาบยาพิษ กำลังจะฆ่าหลิ่วหม้านหยุน แต่ทันใดนั้น นิ้วมือของโล่กงยี่ชี้ขึ้นบนหน่อยๆ ทหารนั้นก็ถอยออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่คำสั่งของเจ้านายเป็นเหมือนพระราชโองการ จะขัดไม่ได้เด็ดขาด หลิ่วหม้านหยุนหัวใจเต้นแรงจนจะกระเด็นออกมาอย่างนั้น ถ้าตัวเองพูดผิดไปคำเดียว เมื่อสักครู่คงตายไปนานแล้ว “เจ้าจะไม่พูดออกไปจริงใช่หรือไม่?” โล่กงยี่เหมือนยังไม่ค่อยไว้ใจนาง “ถ้าข้าไม่ฟังเจ้า ก็คงจะตายไปนานแล้ว ใช่หรือไม่?” หลิ่วหม้านหยุนยิ้มอย่างเย็นชา กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ เช่นนั้นก็พนันเอาให้ตายไปข้างเลย ถ้าขึ้นเรือโจร เช่นนั้นก็จะผิดตลอดไป ตอนนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นหลิ่วหรูเยียน ความคิดปัญญาที่ต่ำของนาง ก็คงจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ “ได้ ต่อหน้าผู้คน พวกเราต้องแกล้งรักกัน ขอแค่เจ้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยข่าว ข้าจะเป็นเหมือนสามีธรรมดาเหมือนคนอื่นที่ดีต่อเจ้า” พูดอยู่นั้น โล่กงยี่จากหน้าตาที่เย็นชาก็เริ่มคลายลงมาบ้าง เขาทำหน้าเย็นชาดุๆก็เพื่อขู่ให้นางกลัวเท่านั้น “ข้าก็ทำเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น” หลิ่วหม้านหยุนพูดความในใจตัวเองออกมา“ข้าไม่ทำร้ายเจ้า และข้ายังจะช่วยเจ้าอีก!” “ทำไมกัน?” โล่กงยี่จับสร้อยหยกตามความคุ้นเคย หยกที่ดำๆพอมีแสงกระทบกลับมีความสว่างไสวดั่งเพรช “เพราะข้ามีวิชาแพทย์ยังไงล่ะ” เรื่องนี้ หลิ่วหม้านหยุนพูดอย่างมั่นใจว่า“และข้ายังช่วยรักษาขาของพ่อเจ้าได้ด้วย” “เจ้าว่าอย่างไรนะ?” แม้โล่เหวินเฟิงจะเป็นแค่พ่อเลี้ยงของเขา แต่หลายปีมานี้เขาก็หวังอยากให้ขาของโล่เหวินเฟิงดีขึ้นมาตลอด ท่านพ่อท่านแม่ไม่พูด แต่โล่กงยี่ก็รู้ดีว่า โล่เหวินเฟิงที่ต้องบาดเจ็บที่ข้าเหมือนจะเกี่ยวข้องกับตัวเองมาตลอด โล่กงยี่รู้ว่า ตลอดมาโล่เหวินเฟิงหวังอยากให้ขาหายดี ไม่อยากใช้ไม้ค้ำไปตลอดชีวิต ถ้าหลิ่วหม้านหยุนทำได้จริง โล่กงยี่ก็จะดีใจมาก “ข้าไม่อยากพูดรอบสอง ข้าหิวแล้ว อยากกินข้าว” หลิ่วหม้านหยุนทำท่าไม่สนใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูแล้วไม่เหมือนผู้หญิงที่พึ่งหนีรอดจากความตายมา “ได้!เจ้าพยุงข้าออกไปเถอะ” โล่กงยี่แกล้งไอ ไอเสียงดังจนคนด้านนอกได้ยิน แสดงเก่งเสียจริง หลิ่วหม้านหยุนต้องนับถือในตัวเขาจริงๆ ก่อนไป หลิ่วหม้านหยุนพูดกับโล่กงยี่ว่า“ครั้งต่อไปอย่าให้คนของเจ้าหลบที่ห้องน้ำได้หรือไม่? ถ้ากลางดึกข้าเกิดอยากเข้าขึ้นมา เดี๋ยวจะไม่สะดวก” “เจ้าได้ยินงั้นเหรอ?”โล่กงยี่พูดไปทางทหารลับให้เขาได้ยิน เสียงฟิ้ว หลิ่วหม้านหยุนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงลม จากนั้นในห้องก็เงียบลงทันที หลิ่วหม้านหยุนเชื่อว่าคนๆนั้นออกไปแล้ว คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่? เป็นความลับของโล่กงยี่? และเบื้องหลังของโล่กงยี่มีอะไรบ้าง เขาเป็นใครกันแน่? แม้จะมีคำถามเกิดขึ้มาในหัว หลิ่วหม้านหยุนอยากรู้ทั้งหมด แต่นางสัญญากับโล่กงยี่ไว้ ก็เลยถามไม่ได้ ถ้าเขาโกรธขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้นหลิ่วหม้านหยุนเลยต้องเก็บไว้ก่อน พอเปิดประตู โล่กงยี่ก็ไออย่างแรกไปสองสามครั้ง โล่เหวินเฟิงเรียกยี่เหลียนไปเทน้ำให้ลูกชายดื่มหนึ่งแก้ว จากนั้น โล่เหวินเฟิงก็ใช้โอกาสที่หลิ่วหม้านหยุนไปห้องคร้วช่วยเตรียมโต๊ะอาหาร เขาก็พูดว่า“กงยี่ พูดความลับกับภริยาเจ้าเสร็จแล้วเหรอ?เหอะๆ” “เจ้านี่นา ยังบอกว่าข้าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ตัวเองกลับอยากฟังเรื่องของสามีภริยาเสียแล้ว?” เฉินซื่อก็คิดในใจแต่ก็พูดเสียงดังว่า“กินข้าวแล้ว!” “รู้แล้วน่า!เจ้านี่นาชอบพูดเสียงดังจริง!” โล่เหวินเฟิงแคะหูตัวเองเบาๆและพูดว่า“เจ้าพูดดังจนแก้วหูข้าจะแตกแล้วเนี้ย!” “เจ้าไม่พอใจงั้นเหรอ”นางบับหูโล่เหวินเฟิงอย่างแรง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 13 เจ้าแกล้งป่วยจริงสินะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A