บทที่ 17 การแสดงความรัก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 17 การแสดงความรัก
บทที่ 17 การแสดงความรัก มีข่าวลือว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านนี้บางคนยังได้รับความเคารพนับถือจากฝ่าบาทต้าแล่เลย ถ้ามีลู่จ่าวจิง ทุกอย่างก็จะดีเอง “ในบ้านมีเข็มไหม” หลิ่วหม้านหยุนถามต่อ นางจะต้องเตรียมของพวกนี้ก่อน เช่นนี้ถึงจะรักษาอาการของพ่อได้ “มีสิ”โล่ยี่เหลียนรีบไปเอาเข็มที่ใช้เย็บผ้ามา “ไม่ใช่อันนี้ ต้องบางเกินไป ข้าต้องการอันหนาๆ” หลิ่วหม้านหยุนพูด “อันหนาๆ?”โล่กงยี่พูดขึ้นต่อว่า “เช่นนั้นก็ต้องเอาเหล็กมาสีเป็นเข็มแล้วล่ะ” “ดูแล้วก็น่าจะได้” ครั้งนี้หลิ่วหม้านหยุนทำท่าให้โล่กงยี่ไปบดสีเหล็กให้เป็นเข็มมา “เช่นนั้น ข้าสีเอง” เฉินซื่อรู้ว่าโล่กงยี่ต้องการอะไร แต่ตอนนี้เขายังป่วยอยู่ นางก็เห็นใจ นางจะให้ลูกชายตัวเองมาเหนื่อยได้ยังไงกัน โล่ยี่เหลียนก็มาแย่ง ขนาดหมิงถางก็ยังทำท่าจะช่วย เหมือนกับว่าเอาเหล็กมาสีเป็นเข็มเป็นเรื่องที่น่าประทับใจน่าภูมิใจอย่างนั้น “ให้ข้าทำเถอะ”โล่เหวินเฟิงยิ้มและพูด “ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้ข้าทำเถอะ ให้ข้าที่เป็นลูกสะใภ้ที่พึ่งแต่งเข้ามาใหม่เป็นคนทำ จะได้ตอบแทนบุญคุณ นี้เป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งของข้าเช่นกัน” หลิ่วหม้านหยุนพูดขึ้นอย่างมีเหตุผล แต่ว่า พอโล่เหวินเฟิงและเฉินซื่อได้ยินก็ไม่เหมือนกันแล้ว พวกเขาคิดว่าสะใภ้คนนี้กตัญญูมาก หลิ่วหม้านหยุนพูด ในขณะเดียวกันก็มองโล่กงยี่ไปด้วย พวกเขาเป็นพ่อแม่ก็ต้องรักลูกชายอยู่แล้ส แต่หลิ่วหม้านหยุนต่างกัน เพราะหลิ่วหม้านหยุนรู้ว่าโล่กงยี่ไม่ได้ป่วย นางไม่เห็นอกเห็นใจเขาหรอก โล่กงยี่รู้ว่า คืนนี้เรื่องของการสีเหล็กก็ต้องกลายเป็นหน้าที่ของตัวเองอยู่ดี “พรุ่งนี้เป็นวันที่สะใภ้ต้องกลับบ้านเมื่ออยู่บ้านสามีครบสามวัน เช่นนั้น สะใภ้เดี๋ยวเราไปซื้อของที่หมู่บ้านกัน” เฉินซื่อจะไปซื้อของขวัญที่หมู่บ้าน นี้เป็นกฎ “อืม” หลิ่วหม้านหยุนพยักหน้า โล่ยี่เหลียนก็บอกว่าตัวเองจะไปด้วย เฉินซื่อเอานิ้วชี้ดันหัวนางไปและพูดว่า“ครั้งไหนที่ไม่มีเจ้าบ้างล่ะ” “ดีจังเลย เครื่องสำอางค์ข้าหมดพอดี ข้าจะไปดูเครื่องสำอางค์ใหม่ในหมู่บ้านด้วย” โล่ยี่เหลียนทำหน้าดีใจอย่างมากแต่ต่อมา นางก็พูดถามหลิ่วหม้านหยุนว่า“สะใภ้ ท่านชอบกลิ่นไหนของเครื่องสำอางค์เหรอเจ้าคะ?” “ข้า?”หลิ่วหม้านหยุนนิ่งอึ้ง ถ้าโล่ยี่เหลียนไม่พูดเรื่องนี้ หลิ่วหม้านหยุนยังไม่รู้เลยว่าสมัยโบราณนี้มีเครื่องสำอางค์ขายด้วย ใช่ ฐานะอย่างตระกูลหลิ่วจะมีเครื่องสำอางค์ใช้ได้อย่างไรกัน? ก็มีตระกูลโล่ที่มีฐานะขึ้นมาบ้างเท่านั้น เครื่องสำอางค์สำหรับโล่ยี่เหลียนแล้วถือว่าเห็นบ่อยมากจนชินไปแล้ว “พี่สะใภ้ ข้าขอพูดหน่อย ตอนนั้นข้าใช้กลิ่นใบเตย, กลิ่นดอกเบญจมาศ, กลิ่นมิ้นต์, กลิ่นดอกบัว, แต่ว่ากลิ่นที่ข้าชอบที่สุดก็คือกลิ่นดอกกุหลาบ เดี๋ยวข้าไปเอามาให้ท่านดูนะ” โล่ยี่เหลียนจับมือหลิ่วหม้านหยุนไป อยากให้นางเห็นเครื่องสำอางค์ตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นเช่นหลิ่วหรูเยียน พวกเขาเห็นนางทำเช่นนี้ก็คงคิดในแง่ร้ายว่าโล่ยี่เหลียนกำลังอวดอยู่ หลิ่วหม้านหยุนไม่คิดเช่นนั้น นางคิดว่ายี่เหลียนแค่เป็นคนร่าเริงสดใสเท่านั้น โล่เหวินเฟิงเอาม้าออกมาและมัดเข้ากับรถก็กลายเป็นรถม้าได้แล้ว แม้ขาของโล่เหวินเฟิงจะไม่สะดวก แต่เขาเก่งเรื่องการบังคับม้ามากที่สุด โล่กงยี่ไม่ไป เขาแค่อยู่บ้านเฝ้าบ้านเท่านั้น เช่นนี้ก็ถูกตามหลัก“วัณโรค”ที่เขาแกล้งเป็นอยู่ เดี๋ยวออกไปด้านนอก อาจจะปิดไม่อยู่ “สามี รอข้ากลับมานะเจ้าคะ” หลิ่วหม้านหยุนโบกมือให้เขา โล่เหวินเฟิงเฉินซื่อก็ก้มหน้ายิ้ม เมื่อก่อนนั้น ตอนพวกเขายังหนุ่มสาวก็เคยเป็นเช่นนี้เหมือนกับโล่กงยี่หม้านหยุนที่หวานกัน แต่เรื่องนี้ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ จนถึงวันนี้ พวกเขาสองคนก็ยังจำความหวานที่ต่างเคยมีให้กันได้ “อืม” ตอนนี้โล่กงยี่ก็หน้าแดงขึ้นมา เขารู้สึกว่านางกำลังแกล้งตัวเองอยู่ แม้จะเป็นเช่นนี้ โล่กงยี่ก็พูดตอบว่า“เจ้าก็รีบกลับมาล่ะ อย่าให้ข้าได้รอนาน” คำพูดหวานๆเช่นนี้โล่กงยี่ไม่เคยพูดออกมาเลยแต่วันนี้กลับพูดเป็นครั้งแรก พูดจนน้องสาวโล่ยี่เหลียนที่ได้ยินแล้วก็ยังอายแทน“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายกลายเป็นคนหวานๆเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตายจริง ข้าทนไม่ได้แล้ว พวกท่านรีบดูเถอะ” โล่เหวินเฟิงกับเฉินซื่อเห็นโล่ยี่เหลียนที่ขนลุกขึ้นมา อย่าว่าแต่นางเลย หลิ่วหม้านหยุนก็ขนลุกขึ้นมา แต่ว่านางแกล้งเอาเสื้อปิดเอาไว้เท่านั้น แม้จะเป็นเช่นนี้ หลิ่วหม้านหยุนก็พูดต่อว่า“ข้ารู้แล้วล่ะคุณสามี…” คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นพวกเขาพลอดรักกันเช่นนี้ก็ทั้งอิจฉาและยินดีด้วย เช่นนี้ก็ดีมาก การแสดงความรักก็ต้องแสดงให้ผู้อื่นดู คนอื่นก็จะได้คิดว่าพวกเขารักกันจริง นี้เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหม้านหยุนได้นั่งรถม้า แม้รถม้านี้จะไม่หรูหรา แต่ก็เป็นคันที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน ต้องรู้ว่าในความคิดของหลิ่วหม้านหยุน ในหมู่บ้านหลิงเย่าแต่ล่ะบ้านไม่มีใครที่จะมีกำลังพอที่จะเลี้ยงม้าได้ นั่งรถม้าได้ คงมีแต่ตระกูลโล่ที่ทำได้ โล่เหวินเฟิงก็ขับม้าไปด้วยท่าทางที่สง่า หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็มาถึงตัวเมืองเสียที ที่นี้ไม่เหมือนกับในหมู่บ้านที่เงียบสงบ แต่กลับกัน ในตัวเมืองมีเสียงดังรบกวนมากมาย ทั้งเสียงขายของและเสียงผู้คนพูดคุยกัน “เร่เข้ามาๆ มีแป้งปิ้งไส้ถั่วดำหวานๆ…” “มะเขือเทศหวานๆสดๆใหม่ๆมาดูเร็วๆ…” “คุณลูกค้า เข้ามาดูเร็ว ร้านเราขึ้นชื่อเรื่องเป็ดย่างมาก พึ่งทำเสร็จไปเมื่อสักครู่นี้เอง” “ทางฝั่งแค้วนหนานมีสินค้าเครื่องสำอางค์ส่งมาใหม่ เหลือแค่ไม่กี่ขวดแล้ว เร่เข้ามาซื้อเร็วเข้า……” บนท้องถนนมีผู้คนเดินอยู่มากมาย เสื้อผ้าที่ทุกคนใส่ก็ล้วนแต่สง่าหรูหรากันทั้งนั้น ที่นี่มีคนรวมตัวกันอยู่เต็มไปหมด เฉินซื่อได้กลิ่นเป็ดย่างก็คิดว่าซื้อไปสักตัวให้กงยี่กินหน่อย โล่ยี่เหลียนรีบจับมือหลิ่วหม้านหยุนเอาไว้รีบวิ่งไปร้ายเครื่องสำอางค์ทันที โล่ยี่เหลียนเอาขวดที่เหลือ“นี้เป็นสินค้าจากแคว้นหนานจริงเหรอ?” “แม่นาง ข้าจะหลอกเจ้าทำไมกัน?ครั้งก่อนเจ้าก็ซื้อกลิ่นกุหลาบไปแล้ว?ดูสิ ข้าเก็บไว้ให้ท่านด้วย ข้าไม่กล้าขายให้คนอื่นไปเพื่อท่านเลยนะเนี่ย” พ่อค้าร้านเครื่องสำอางค์ขายของเก่งมาก อย่างน้อยก็ทำให้หลิ่วหม้านหยุนรู้สึกว่า คนผู้นี้พูดจาได้น่าฟังน่าเชื่อถือมาก ลูกค้าได้ยินแล้วก็ดีใจก็จะซื้อเอง โล่ยี่เหลียนเป็นคนที่มีเงินอยู่ “ได้ เอาเหมือนครั้งก่อนเลย” โล่ยี่เหลียนพูดอย่างดีใจ ต่อมา โล่ยี่เหลียนก็พูดกับหลิ่วหม้านหยุนว่า“พี่สะใภ้ ท่านชอบอะไรเหรอ รีบเลือกสิ ข้าซื้อให้เอง” “จริงเหรอ?ถ้าเจ้าเลี้ยง เช่นนั้นข้าก็จะซื้อเยอะหน่อยดีกว่า” หลิ่วหม้านหยุนหยิบกลิ่นดอกบัวขึ้นมา ดมดูอย่างละเอียด กลิ่นของดอกบัวมีความหอมเฉพาะและมีความสง่างามไปในตัว ใช้แล้วก็มีความอบอุ่นนิดๆ เหมาะกับนางมาก “ข้าเอาอันนี้”หลิ่วหม้านหยุนพูด คนขายเป็นชายกลับยิ้มและพูดว่า“พี่สาวท่านนี้เลือกซื้อเก่งมาก กลิ่นนี้เหมาะกับคนสง่างาม เหมาะกับพี่สาวมาก”
已经是最新一章了
加载中