ตอนที่8 เกิดใหม่มาช่วยแม่(5)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่8 เกิดใหม่มาช่วยแม่(5)
ตอนที่8 เกิดใหม่มาช่วยแม่(5) เย่ผิงโหวหน้านิ่วคิ้วขมวด และตกอยู่ในความลังเลอย่างเห็นได้ชัด หัวใจของเฉินเสว่เม่ยก็เต้นในฉับพลัน แล้วส่งสัญญาณเป็นนัยให้หวางมามาทางสายตา หวางมามาก้าวออกไปสองก้าวแล้วตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงได้เชื่อคำพูดไร้สาระของคุณหนูได้ง่ายๆเยี่ยง? ไม่ใช่ว่าติดโรคผิดปกติทางจิตไปด้วยเสียแล้วเช่นนั้นรึ? ฮูหยินจิตใจดีเช่นนี้ แม้แต่จะเหยียบมดก็เจ็บปวดใจแล้ว เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ จะให้นางตายอย่างไม่สงบกระนั้นหรือ?” “ตบปาก คุณชายถังฮั่นท่านนี้เป็นบุตรชายคนโตของอ๋องเจิ้นหนาน ใครให้ท้ายเจ้าถึงได้กล้าพูดเช่นนี้” เย่ผิงโหวตำหนิหวางมามา แล้วหันไปพูดกับถังฮั่นว่า “ข้ารับใช้ของข้าไร้มารยาท หวังว่าคุณชายจะไม่ถือสา” ถ้าเป็นบุตรชายของท่านอ๋องคนอื่นๆ เย่ผิงโหวคงไม่อาจจะแสดงท่าทางที่เกรงอกเกรงใจเช่นนี้ได้จริงๆ เพียงเพราะเมื่อเช้านี้บังเอิญไปได้ยินว่ามีความเป็นไปได้มากว่าถังฮั่นอาจจะเป็นบุตรนอกสมรสของฮ่องเต้แคว้นซิงหนิงเข้าพอดี ดังนั้นอ๋องเจิ้นหนานจึงยังไม่ตัดสินใจแต่งตั้งเขาเป็นรัชทายาท แถมยังตั้งใจส่งเขาเข้าไปอยู่ที่เมืองหลวงโดยเฉพาะ ข่าวนี้จริงหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แต่ในเมื่อดังเข้ามาในหูของเขาแล้ว ฮ่องเต้ซิงหนิงและองค์ชายทุกพระองค์ยังคงไม่ให้ความกระจ่างแจ้งใดๆ แค่นี้ก็พอที่จะทำให้เขาไม่กล้าล่วงเกินได้ง่ายๆ “บ่าวล่วงเกินท่านแล้ว บ่าวไร้มารยยาท ต่อไปบ่าวจะไม่กล้าทำเช่นนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ?” หวางมามาคุกเข่าลง แล้วตบใบหูของตัวเองไม่หยุด “ไม่เป็นไร” ถังฮั่นโบกมือไปมา ในดวงตาที่ลึกจนคาดเดาไม่ได้กลับเย็นชา “หลิ่วฮูหยินกับแม่ของข้ารู้จักกันดี ก่อนมาเมืองหลวง แม่กำชับข้าเป็นพิเศษว่าจะต้องมาเยี่ยมเพื่อนสนิทสมัยเด็กแทนนาง โชคร้ายยิ่งนักที่ข้ามาสายแค่หนึ่งก้าว ไม่ทันได้พบหน้าหลิ่วฮูหยิน” “ไม่โทษเจ้า เฮ้อ ข้าก็ไม่คิดว่านางจะจากไปเร็วเช่นนี้” เย่ผิงโหวคิดถึงภรรยาที่ตายไปและรู้สึกสัมผัสนางได้อยู่ภายในใจ แม้ว่าเขาจะลำเอียงรักเฉินเสว่ยเหม่ย แต่กลับไม่เคยลืมความสุขตอนที่แต่งงานกับหลิ่วซื่อใหม่ๆ และช่วงเวลาอันหวานฉ่ำที่ผ่านมา ทันใดนั้นถังฮั่นจึงพูดขึ้นมาว่า “กระผมเป็นเด็ก จึงไม่สมควรพูดเช่นนี้ แต่ดูใต้เท้าเป็นห่วงฮูหยิน เช่นนั้น ก็ทำตามที่คุณหนูใหญ่พูด เปิดโลงดูสักหน่อยไม่ดีหรือ?” เมื่อมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเย่ผิงโหว ถังฮั่นจึงพูดต่อไปว่า “ถ้าตัดสินใจทำเรื่องนี้ แล้วสามารถช่วยหลิ่วฮูหยินได้นับว่าเป็นโชคดีที่สวรรค์ประทานมาให้ ก็จะเป็นจริงดั่งคำร่ำลือ และสามารถทำให้จิตใจของคุณหนูเย่สงบลงด้วยดีได้ เพื่อที่จะไม่ให้นางเสียสติจนเป็นบ้า ข้าคิดว่า ถ้าหากวิญญาณของหลิ่วฮูหยินมองลงมาจากสวรรค์ คงไม่ยอมให้คุณหนูใหญ่เป็นเช่นนี้แน่แล้วก็ไม่สามารถกล่าวโทษข้าได้เป็นต้น” แม้ว่าคนจะอยู่ในโลงแต่ก็ยังไม่ได้ตอกตะปูทองสัมฤทธิ์ ประเพณีของแคว้นต้าเหลียง หลังจากที่คนเสียชีวิต จะไม่สามารถเจอกับแสงอาทิตย์ได้ วิญญาณก็จะไม่สามารถส่องแสงสว่างได้ ดังนั้น ถ้าหากว่าคนเสียชีวิตตอนกลางคืน จึงจำเป็นต้องเอาใส่ไว้ในโลงศพ ก่อนฟ้าสว่าง แต่ก่อนที่จะเคลื่อนศพออกไป ญาติพี่น้องยังสามารถเปิดโลงเพื่อดูหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายได้ เมื่อพูดถึงความเคร่งครัดแล้ว นี่ก็ไม่นับว่าบังคับเกินไป “พ่อ” เย่หลิงหลงร้องไห้และตะโกนเสียงดังว่า “แมยังไม่ตายจริงๆ ท่านก็ให้ข้าลองดูนางหน่อยเถอะ ช้าไป ก็จะไม่ทันกาลนะ” เย่ผิงโหวมองถังฮั่นแล้วพูดเสียงทุ้มว่า “เปิดโลง” เฉินเสว่เม่ยขาอ่อน เกือบลงไปนั่งกับพื้น ในเวลาเป็นเวลาตายนางถูกเย่หลิงซิงช่วยประคองแขนเอาไว้ การเคลื่อนไหวของนางนี้แม้ว่าจะไม่เล่นใหญ่มาก แต่กลับดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย เย่หลิงหลงถูกทหารปล่อยตัวแล้วข้ารับใช้และพวกทหารก็ช่วยกันยกฝาโลงขึ้น ตูม ทันใดนั้นฝาโลงศพที่ทำด้วยไม้จันทน์ก็ล้มลงกับพื้น หัวใจของเฉินเสว่เม่ยก็เต้นในฉับพลัน ยาที่ทำให้แกล้งตายมีผลแค่สามวัน นี่ก็เป็นวันที่สามพอดี คนที่กลืนยานี้เข้าไปจะมีสติ แต่ร่างกายกลับปวดเมื่อยไม่มีแรง ลืมตาไม่ขึ้น ปากเปิดไม่ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำไม่ได้ แต่จะได้ยินเสียงการกระทำและคำพูดของคนที่อยู่ข้างนอกได้ชัดเจน โลงศพปิดมิดชิด ร่างกายขยับไม่ได้ เรียกทั้งวันก็ไม่ตอบเรียกทั้งคืนก็ไม่มีผล อยู่ในความหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด รู้สึกว่าชีวิตสิ้นหวังเหมือนตายทั้งเป็น
已经是最新一章了
加载中