บทที่ 190 ฉันมาสายเกินไป   1/    
已经是第一章了
บทที่ 190 ฉันมาสายเกินไป
บทที่ 190 ฉันมาสายเกินไป ทันใดนั้น ตฤณเริ่มที่จะมองไปข้างหน้า ในโลกนี้นอกจากจิดาภาแล้วจะยังมีใครที่สามารถเชิญให้จิรภาสมาเป็นผู้จัดการของตัวเองได้อีก และเขาจะเป็นผู้จัดการของเธอแต่เพียงผู้เดียว ระดับพวกสันดารเลวอย่างคมสรก็จะได้พบกับจุดจบแล้ว ………. หลังจากผ่านการผ่าตัดใหญ่มาหลายครั้ง เจนจิรารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง ก็ฟื้นขึ้นมา “จิดาภาเป็นอย่างไรบ้าง” นี่คือประโยคแรกที่เธอถามเมื่อลืมตาขึ้น ดาวิกาลังเลว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี ถ้าเอาเรื่องจริงที่เกิดขึ้นตอนนี้บอกกับเธอ อาการที่รักษายากของเธออาจจะแย่ลงอีก ดังนั้นเธอเลยคิดหาข้ออ้างเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไป แต่เจนจิราเป็นห่วงจิดาภาจริงๆ “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน เดี๋ยวฉันดูเอง” ดาวิกาถอนหายใจ และโทรศัพท์มือถือให้เธอไป “ตอนนี้สิ่งที่คุณควรทำมากที่สุดก็คือดูแลตัวเอง’ เจนจิราตกใจที่เห็นโพสต์และความคิดเห็นเหล่านั้น มือของเธอสั่น ข้อความที่บอกว่าฆ่าคน คำคำนั้นทำให้เจนจิรา ตกใจเป็นอย่างมาก “คนพวกนี้ทำไมพูดจาไร้สาระ” ดาวิกาไม่มีทางเลือกได้แต่กดเธอลงบนเตียง “พวกปากยื่นปากยาว พวกเขาจะพูดยังไง พวกเราห้ามเข้าไม่ได้หรือ ทำใจเย็นๆและนอนลงไป เดี๋ยวจิดาภาก็มาเยี่ยมเธอแล้ว” ณ เวลาเดียวกันนั้นด้านนอกห้อง จิดาภากำลังคุยกับหมอเจ้าของไข้ของเจนจิราอยู่นานแล้ว “คุณจิดาภา คุณวางใจได้ ตอนนี้อาการของคนไข้ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตราบใดภายในระยะเวลาอันสั้น ยังไม่ได้รับการกระตุ้นจากภายนอก สามารถรอจนกว่าจะพบผู้บริจาคที่เหมาะสม” “ตามความต้องการของคุณจิรภาส พวกเรากำลังค้นหาจากผู้บริจาคทั่วโลกและเชื่อว่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้” “ต้องรบกวนคุณหมอเป็นอย่างมาก” คุณหมอก้มหัว และเอาประวัติกาอาการของเจนจิราเดินออกไป จิดาภาผลักประตูเข้ามาและเดินไปหาเจนจิรา เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไร เลยนั่งลงที่ข้างเตียงจับมือของเจนจิราเบาๆ “ฉันมาช้าเกินไป เรื่องของฉันกับพี่ชายเธอไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ ฉันไม่เคยได้รับรายละเอียดอะไรเลย ไม่รู้ว่าอาการของเธอตอนนี้มันหนักขนาดไหน …” “ฉันไม่เป็นไร” เจนจิราพูดออกมา “ถึงขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นไร ต้องขนาดไหนถึงจะบอกว่าเป็นอะไร”จิดาภาขมวดคิ้ว เธอค่อนข้างหมดหนทาง เธอรู้ว่าดื้อมากเหมือนกันกับเธอ เจนจิราเห็นใบหน้าของเธอค่อนข้างสงบและดูเป็นกังวล “เพราะเรื่องของฉันทำให้เกิดข่าวลือพวกนั้น คุณไม่กังวลใจหรือ” “เรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวล คุณพักฟื้นจากอาการป่วยของคุณเถอะ” จิดาภาปลอบใจเธอเบาๆ “วงการนี้มีคนอยู่ทุกประเภท และคุณก็รู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว มีเขาคอยปกป้องฉัน ไม่เป็นไรหรอก” “ถ้าคุณต้องการให้ฉันชี้แจง ฉันสามารถทำมันได้ทุกเมื่อ” “เข้าใจแล้ว คุณจิรภาสก็ไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณดูแลตัวคุณเองเถอะ ” ดาวิกาทั้งโกรธทั้งไม่พอใจตะโกนใส่เจนจิรา หันกลับเธอรู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องที่ทำผิดกับจิดาภา เลยบอกกับจิดาภาว่า “ขอโทษด้วยนะ เพราะว่าฉันคิดน้อยหลงเชื่อคมสร ถ้าหากว่าฉันไม่ปากมากล่ะก็ เขาก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ” “ไม่ใช่ความผิดของ คนอย่างเขาต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่าง” คมสรใช้ความไร้เดียงสาและความรักเพื่อนที่มีต่อเจนจิราของเธอ ทำให้เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้น “แต่ว่า … พวกแฟนคลับคุณพวกนั้นก็ทำเกินไป” “มันจะดีกว่าถ้าให้ฉันกับเจนจิราเป็นหัวหน้ากลุ่มแฟนคลับ พวกเราต้องทำได้ดีกว่าพวกนั้นแน่นอน” จิดาภามองหน้าพวกเขา ยิ้มและพูดออกมา “โอเค รอให้พวกเธอหายดีก่อน แล้วฉันจะให้พวกเธอเป็นคนจัดการ” ……… เหล่านักข่าวมาตามตารางที่ถูกเปิดเผยนั่น กันแน่นสนามบินเพื่อรอที่จะถ่ายจิดาภา นักข่าวหลายคนบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นข่าวใหญ่ของวงการบันเทิง พวกเขาไม่เคยเห็นแฟนๆมารวมตัวกันเยอะขนาดนี้มาก่อน ไม่ใช่มาเพื่อทักทายไอดอล แต่มาเพื่อที่จะตำหนิเธอ ด่าเธอ เพราะเกลียดเธอดังนั้นคนพวกนี้ก็เลยมาที่นี้ เหล่าแฟนๆกำลังชูป้ายและโทรศัพท์มือถือออกันอยู่รอบๆทางออก นักข่าวอีกมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ของสนามบินอีกครั้ง “ในอีกสิบนาทีจิดาภา จะออกจากสนามบินจากที่นี่ แท้จริงแล้วความจริงของเรื่องเป็นอย่างไร เธอได้ทำจริงๆหรือไม่…” พี่นัฎปิดทีวีด้วยความโกรธ จิดาภากำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่ระเบียง “เมื่อเช้าทนายส่งหนังสือยกเลิกสัญญาไปที่โอเลแล้ว ญาณินีน่าจะทราบเรื่องแล้ว” “อื้อ …” จิดาภาตอบเบาๆ ไม่ได้หันหน้ากลับมา “จิดาภา ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าคนพวกนั้นพูดสิ่งที่น่ารังเกียจแบบนั้นออกมาได้อย่างไร เมื่อวานนี้ฉันดูยังไม่ถึงสองนาที ก็โกรธจนจะพังโทรศัพท์ทิ้งอยู่แล้ว” “ใครใช้ให้เธอดูล่ะ”จิดาภาตอบเรียบๆ ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา “ก็ฉันเป็นห่วงเธอไงล่ะ ตอนนี้เธอน่ะ ดังที่สุดในวงการแล้วฉันไม่เคยเห็นแฟนคลับของใครไปที่สนามบินเพื่อที่จะรุมด่าไอดอลของตัวเอง บางคนไล่ให้คุณไปตาย บางคนไล่ให้คุณไปขอโทษ และบางคนไล่ให้คุณออกจากวงการบันเทิง คุณไม่สนใจพวกนั้นเลยเหรอ” “ฉัน…” จิดาภาไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แต่ความสงบบนใบหน้าของเธอเหมือนได้ให้คำตอบแล้ว เมื่อก่อนเธอเคยได้รับอิทธิพลจากข่าวลือเหล่านั้นพยายามบังคับอารมณ์ที่จะไม่ไปต่อล้อต่อเถียง แต่ตอนนี้เธอปล่อยวางแล้ว การปล่อยวางแบบนี้ไม่ใช่คนธรรมดาที่สามารถจะทำได้ พี่นัฎเห็นเธอไม่สนใจจริงๆ ก็สบายใจ แต่วินาทีต่อมาญาณินีก็โทรศัพท์เข้ามา “ให้รับไหม?” พี่นัฎมองไปที่จิดาภา จิดาภาสยักหน้า และหยิบโทรศัพท์มา “เธอถึงแล้วหรอ” ญาณินีตกใจเล็กน้อย เพราะถ้าหากว่ายังอยู่บนเครื่องบิน มันเป็นไปไม่ได้ที่โทรติด หลังจากเธอเห็นหนังสือขอยกเลิกสัญญา เธอคาดว่าจิดาภาน่าจะกลับมาแล้วจิดาภาสเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวังตัวในการทำงาน เธอไม่น่าที่จะโดนพวกแอนนี้แฟนล้อมไว้ที่สนามบินได้ “ถึงแล้ว” จิดาภาไม่ได้ปิดบังและไม่ได้โกหกญาณินี คนสองคนที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนแต่ในสถานการณ์แบบนี้สามารถพูดดีดีกันได้ ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้องกันมาก่อน บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นเพื่อนกันก็ได้ “ฉันได้รับหนังสือขอยกเลิกสัญญาของคุณแล้ว” ความรู้สึกของญาณินีค่อนข้างซับซ้อนเกินไปที่จะพูด เธอเป็นประธานของโอเล่ มีบางเรื่องที่จะต้องเป็นเธอเท่านั้นที่เป็นคนพูด “เพราะคุณทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหายและได้ขาดทุนเป็นอย่างมาก” “เพียงเพราะฉันหรือ? ไม่ใช่คนที่เป็นคนปล่อยข่าวคนนั้นหรือ?” จิดาภาหมายความถึงคมสร “ทั้งๆที่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น โอเล่เป็นบริษัทเอเจนซี่ของฉันแต่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆต่อข่าวนั่นเลย ฉันคิดว่าโอเลก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ดังนั้นทุกคนต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกและผิด เซ็นมันซะ ฉันเซ็นมันแล้ว” “โอเล่จะประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะไล่คุณออกจากบริษัท นี้คือการพิจารณาเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทหวังว่าคุณจะเข้าใจ” “ที่จริงฉันก็คิดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะคุณเป็นนักธุรกิจที่เห็นแก่ตัวและไร้ยางอาย” จิดาภาตอกกลับ “ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุขกับผลลัพธ์ในอนาคตของคุณ” ญาณินีกำโทรศัพท์แน่น กล่าวด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น “ใช่ ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่ว่าในวงการนี้ถ้าไม่วางแผนไว้สำหรับตัวเอง มันก็คงจะไม่มั่นคง กรณีพิเศษแบบคุณมีน้อยเกินไป และคุณไม่รู้หรอกว่าคุณได้ขวางทางคนหลายคน เมื่อคุณคิดว่าคนอื่นสกปรก คุณเคยคิดบ้างไหมว่าคุณก็จะเปลี่ยนไปในสักวันหนึ่ง !”
已经是最新一章了
加载中