บทที่ 198 ตัดสินใจแล้ว   1/    
已经是第一章了
บทที่ 198 ตัดสินใจแล้ว
บทที่ 198 ตัดสินใจแล้ว จิรภาสกอดเธอกลับ “คิดดีแล้วหรือครับ?” “อืม หลังจากนี้อีกสองเดือน เราจะเปิดเผยเรื่องของเรา!ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปแล้วค่ะ ฉันอยากจะอวดให้ทั้งโลกได้รู้ ว่าคุณคือสามีของฉัน เป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด” จิรภาสไม่ได้พูดอะไร แต่กลับกอดเธอแน่นขึ้น แล้วประทับจูบลงไปเบาๆบนคอและริมฝีปากของเธอ เมื่อทุกอย่างเปิดเผย เรื่องที่พวกเขาจะต้องทำนั้นยังมีอีกมาก.... ทั้งสองคนแนบชิดกันอยู่เช่นนั้นซักพัก แล้วจิรภาสจึงคลายอ้อมกอดแล้วจับมือเธอไว้ “ยังมีอะไรที่จะบอกผมอีกหรือเปล่าครับ?” จิดาภากระพริบตา ราวกับความคิดของเธอไม่เคยหลีกหนีพ้นจากสายตาของเขาได้เลย “ช่วงนี้ฉันมักจะคิดถึงเรื่องพี่นัฎกับคุณตฤณอยู่บ่อยๆน่ะค่ะ คุณตฤณเป็นผู้ช่วยของคุณ คุณน่าจะยิ่งเข้าใจเขามากกว่า คุณว่าเขาจะชอบพี่นัฎไหมคะ?” “เรื่องนี้เกรงว่าคุณน่าจะต้องถามเจ้าตัวเขาดีกว่านะ” จิดาภาคิด แล้วรู้สึกว่าที่จิรภาสพูดมาก็ถูก เรื่องของความรู้สึกไม่สามารถคาดเดากันได้ จะต้องให้เจ้าตัวเป็นคนพูดความรู้สึกในใจออกมาน่าจะดีกว่า เพียงแต่ เรื่องอีคิวของตฤณนั้นนับเป็นสิ่งที่น่ากังวล “แต่ วันนี้ตฤณลานะครับ เห็นบอกว่าไม่สบาย” “ฉันอยากบอกเรื่องนี้กับพี่นัฎจังค่ะ” บางทีอาจจะเป็นการสร้างโอกาสที่ดี ให้เธอได้ไปดูตฤณก็นับว่าไม่เลวเลย จิรภาสจึงส่งโทรศัพท์มือถือให้จิดาภาเอง หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องหนังสือไปจัดการเอกสาร จิดาภายิ้มตอบกลับไป แต่เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องหนังสือนั้น เธอจึงตะโกนเรียกเขาไว้เสียก่อน “ฉันถามคุณRickแล้วนะคะ เห็นเขาบอกว่าผู้จัดการส่วนตัวของฉันอยู่ที่ฝรั่งเศส สรุปแล้วพวกเขาจัดใครให้มาเป็นผู้จัดการฉันกันแน่คะ?” “ในเมื่อเขาอยู่ที่ฝรั่งเศส คุณไปที่นั่นแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เองแหล่ะครับ” จิดาภาไม่ได้เอ่ยถามอีก แต่เธอกดโทรออกหาพี่นัฎแทน ในขณะที่บอกเรื่องที่ตฤณลางานเพราะไม่สบายกับพี่นัฎนั้น เธอดันเผลอพูดดูเกินจริงไปเสียหน่อย เมื่อพี่นัฎได้ยินดังนั้นแล้วจะนั่งอยู่เฉยๆได้อย่างไร เธอจึงรีบขับรถไปยังอพาร์ทเม้นท์ของตฤณในทันที ด้วยการเร่งความเร็วมาตลอดทาง ทำให้ผ่านไปเพียงแค่สิบกว่านาทีเธอก็มาปรากฏตัวยืนอยู่หน้าประตูหน้าอพาร์ทเม้นของเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เคาะประตูไปอยู่หลายที กว่าตฤณจะเดินมาเปิดให้ด้วยท่าทางที่ดูอ่อนเพลีย “คุณมาได้อย่างไรครับ?” “ทานยาหรือยัง?หมอว่าอย่างไรบ้างคะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลอีกครั้งไหม!” ตฤณที่เป็นไข้รู้สึกตาลายเล็กน้อย จึงยังรู้สึกอยากจะนอนต่อ ดังนั้นสิ่งที่พี่นัฎพูดไปนั้น เขาเองก็ฟังได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก พี่นัฎมองไปยังเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เธอหยิบที่วัดอุณหภูมิออกมาจากในกล่องยา เขาไข้ขึ้นสูงจะ40องศาอยู่แล้ว! “ฉันจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาล ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้แล้วแย่จริงๆ!” “ผมไม่อยากไป....” “ไม่ได้!” “ผมไม่อยากนั่งรถ กลัวจะอาเจียน คุณพยุงผมไป....” พี่นัฎถอนหายใจออกมา “ได้ค่ะ แค่คุณยอมไปก็พอ” เธอหาเสื้อที่จะใส่คลุมให้เขาตอนออกจากบ้าน ทั้งยังคล้องผ้าพันคอและผ้าปิดปากให้เขา พร้อมกับสวมหมวกให้อีกด้วย เพื่อที่จะไม่ให้เขาโดนลมในตอนที่เขามีเหงื่อออก เธอพยายามพูดปลอบตฤณ “เราเดินลงไป แล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นรถไป จะได้เร็วกว่า ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย เราก็จะจอดรถทันที แบบนี้ดีไหมคะ?” เธอพูดออกมาราวกับกำลังโอ๋เด็กน้อยอยู่อย่างไรอย่างนั้น ตฤณที่กำลังสับสนมึนงงเพราะพิษไข้อยู่นั้น ดึงแขนพี่นัฎไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างน่าเอ็นดู “ครับ...” พี่นัฎพยุงตัวตฤณที่ราวกับกึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยความยากลำบาก ค่อยๆเดินไปยังด้านล่างตึก เห็นตฤณไข้ขึ้นแบบนี้แล้ว รู้สึกสงสารเขาจับใจ ยังดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตฤณนัก เมื่อเห็นตฤณถูกส่งตัวเข้าไปยังห้องฉุกเฉินแล้วนั้น พี่นัฎจึงรู้สึกคลายกังวลลงมาได้บ้าง เธอไม่กล้าจะเดินไปไหนเลย อยู่เฝ้าเขาในห้องอย่างนั้น เป็นเวลาห้าชั่วโมงเต็ม เป็นเพราะตฤณได้ทานยาเข้าไปจึงทำให้เขาหลับสนิทมาโดยตลอด รอจนเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็เห็นพี่นัฎที่พิงหลับอยู่ตรงม้านั่ง “เอ่อ....” เมื่อเขาที่เพิ่งจะส่งเสียงออกมา ทำให้พี่นัฎสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที แล้วจับมือเขาด้วยความกังวล “เป็นอย่างไรบ้างคะ? ไม่สบายตรงไหนอีก! คุณหมอ! คุณพยาบาล!” เป็นเพราะเธอเป็นห่วงตฤณมากเกินไป เพียงแค่ลมพัดต้นหญ้าเล็กก็สามารถทำให้เธอแตกตื่นได้แล้ว ตฤณอึ้งไป ในห้องพักผู้ป่วยคนอื่นๆก็กำลังมองมายังพวกเขาอยู่ เขาจึงไอขึ้นมาเบาๆ “ผมกลัวว่าคุณจะนอนตกเก้าอี้น่ะครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว เรากลับกันเถอะครับ” พี่นัฎถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเขา แล้วแตะที่หน้าผากของตัวเอง “ดูเหมือนไข้จะลดแล้ว” ตฤณคว้ามือเธอไว้ พี่นัฏมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไรหรือคะ?” ไม่นึกเลยว่าเธอจะพยุงเขามาถึงโรงพยาบาล? เดินมาอย่างนั้นหรือ? จู่ๆตฤณก็รู้สึกว่าการมีคนดูแลแบบนี้ ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีเสียจริงๆ.... “เรากลับกันเถอะครับ” เขาเปิดผ้าห่มออกเพื่อจะลงจากเตียง พี่นัฎเห็นดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นมาจะช่วยพยุงเขา แต่เมื่อครู่ที่เธอนั่งหลับทับขาตัวเอง จึงทำให้เธอขาชา เมื่อลุกขึ้นยืนแล้วนั้น ก็เซล้มลงไปข้างหน้า คว้าตัวตฤณล้มลงไปนอนบนเตียง ทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนนั้นใกล้ชิดกันเป็นอย่างมาก.... "ฉัน....เอ่อ" ใบหน้าพี่นัฎเปลี่ยนเป็นสีแดง เงยหน้าขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย "ขาฉันชาน่ะ" "ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ เปลี่ยนกันเป็นผมพยุงคุณแทนแล้วกันนะ" เนื่องจากตฤณไม่อยากนั่งรถมา รถของพี่นัฎจึงจอดอยู่ที่ใต้อพาร์ทเม้นท์ของเขา กลับไปครั้งนี้ กลายเป็นตฤณเป็นคนพยุงเธอแทน "เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับก็ได้ค่ะ" พี่นัฎมองตฤณที่ประคองเธออยู่ข้างๆ อีกทั้งยังมีสายตาจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองพวกเธออยู่ด้วย ราวกับพวกเธอเป็นเพียงแค่คู่รักธรรมดาคู่หนึ่ง ที่กำลังดูแลซึ่งกันและกันอยู่เสียอย่างนั้น ถ้าหากเป็นจิดาภากับจิรภาสมาเดินอยู่แบบนี้ คงมีผู้คนมากๆจะต้องมารุมล้อมถ่ายรูปพวกเขาอย่างแน่นอน แต่คนธรรมดาอย่างพวกเขานั้น ไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คนมากมายขนาดนั้น อุปสรรคเดียวของเธอก็คือเธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนั่นเอง แต่เป็นอย่างตอนนี้ได้ก็ดีมากสำหรับเธอแล้ว "นี่ก็จะห้าทุ่มแล้ว คุณนอนค้างที่บ้านผมเลยก็ได้ครับ" ตฤณกลัวว่าพี่นัฎจะปฏิเสธจึงพูดต่ออีกว่า "โซฟาที่ห้องรับแขกสบายมากเลยนะครับ" พี่นัฎตอบกลับไปแค่ อือ เพียงคำเดียวแล้วจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอจึงคิดว่านอนที่โซฟานั่นซักคืน ดูอาการของตฤณในวันพรุ่งนี้ด้วยก็น่าจะดี แล้วเธอค่อยกลับไปก็น่าจะสบายใจกว่า ถึงอย่างไรตฤณเองก็ไม่ได้มองเธอเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว ไม่เกิดอะไรขึ้นอยู่แล้วล่ะ หรือถึงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้น เธอก็.... เพียงแต่ว่าหลังจากที่กลับไปแล้วนั้น ตฤณคงยืนกรานว่าจะให้เธอนอนบนเตียง "ผมเป็นคนป่วย ก็ต้องฟังผมสิ!" พี่นัฎคิดแล้วจึงเอ่ยกับเขาไปว่า "เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณทานยาก่อนนะ" ยาแก้หวัดเดิมทีก็มีฤทธิ์ทำให้ง่วงอยู่แล้ว เมื่อตฤณทานยาเสร็จก็นอนลงบนโซฟาอย่างมึนๆ พี่นัฎมองใบหน้ายามหลับใหลของเขา ไม่อยากจะให้โอกาสดีๆแบบนี้ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ เธอจึงคอยเฝ้ามองอยู่ข้างๆเขาอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าเธอจะไม่กล้าพูดความในใจของตัวเองออกมาตลอดไปแบบนี้ เธอก็ไม่เสียใจเลย ได้อยู่ข้างๆคนที่ตัวเองชอบ นี่ก็ถือว่าพระเจ้าเข้าข้างเธอแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พี่นัฎเองก็เผลอหลับไป ตอนที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมานั้น เห็นท่าทางการนอนของเธอแล้ว อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเบาๆ แล้วลุกขึ้นเอาผ้าห่มมาห่มให้เธอ ......... ขณะที่จิดาภากำลังเตรียมกระเป๋าเดินทางอยู่ที่บ้านนั้น ได้รับการแจ้งจากRick ชวนเชิญเธอไปร่วมงานเลี้ยงภายในของศิลปิน และคนที่ร่วมงานนั้นก็มีเพียงแต่นักร้องและนักแสดงของเค.เอฟทั้งสิ้น "เรื่องนี้ท่านประธานอนุมัติเรียบร้อยแล้วครับ" เดิมทีจิดาภาอยากจะปฏิเสธ แต่ในเมื่อRickมีเจตนาดี อีกทั้งจิรภาสเองก็อนุญาตแล้ว เธอเองก็คงจะไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปร่วมงาน ดังนั้นจึงตอบตกลงเขาไป เธอเองก็คงจะต้องถึงเวลาจะต้องหาทำความรู้จักเป็นเพื่อนกับคนอื่นบ้าง ในวงการก็คงจะต้องได้รวมตัวพบปะกับผู้อื่นบ้างเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงพาพี่นัฎไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าประตูสโมสรอันแสนมีระดับแห่งหนึ่งอย่างตรงเวลา
已经是最新一章了
加载中