ตอนที่ 3 พลิกแพลงตามสถานการณ์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3 พลิกแพลงตามสถานการณ์
ตอนที่ 3 พลิกแพลงตามสถานการณ์ "ร่องรอยในร่างกายของเจ้าไม่ได้เป็นหลักฐานหรอกหรือ? สิ่งที่พวกข้าเห็นด้วยตาตนเองมิใช่หลักฐานหรอกหรือ?" ในเพลานั้น มู่หยู่ฉินที่ล้มลงกับพื้นลุกขึ้นยืนด้วยความเกลียดชังเล็กน้อย นางแตะรอยเลือดบนใบหน้า ซ่างกวนเมี่ยวฝูกล้าที่จะโค่นล้มนาง เกือบทำให้นางเสียโฉม นางจะต้องเอาคืนด้วยวิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เมี่ยวฝูเลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มอย่างเย็นชา มู่หยู่ฉินและซ่างกวนบี้หรุงมักจะสวมกางเกงตัวเดียวกัน นางได้รับคำสั่งจากซ่างกวนบี้หรุง อิงการที่ตนเองเป็นบุตรสาวของสิงปู้ซ่างซู ถึงชอบทุบตีทำร้ายนางบ่อยๆ ทำเหมือนนางเป็นศัตรูคู่แค้น ปัจจุบันนี้ร่างกายนี้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว ไม่ยอมให้ผู้ใดมาข่มเหงรังแกอีกแล้ว ร่างกายของนางนางเป็นเจ้านาย เพลานี้เมี่ยวฝูและหวางหมาจื่อยืนอยู่ใกล้กันมาก อาภรณ์ของเมี่ยวฝูถูกฉีกออกจนขาดวิ่น สามารถปกปิดผิวกายบนร่างของนางอย่างหมิ่นเหม่ ใบหน้า ลำคอและฝ่ามือที่โผล่ออกมาของนางเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการจุมพิต อีกทั้งยังมีร่องรอยแห่งความรักใคร่ รองเท้า เสื้อคลุมและเครื่องประดับผมของนางกระจัดกระจายอยู่เต็มเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ลับๆของนางและหวางหมาจื่อ อีกทั้งเจ้าหวางหมาจื่อ เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทเข้ามาก็ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ก่อนจากคุกเข่าลงกับพื้นจนเกิดเสียงดัง เมื่อมองเห็นฉากที่เบื้องหน้านี้ ทุกคนก็จับจ้องที่เมี่ยวฝูด้วยความเกลียดชัง แต่ทว่าใบหน้าของเมี่ยวฝูมิได้มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย นางมิใช่คนที่ขี้ขลาด ผู้ใดก็มิสามารถมารังแกได้ อีกทั้งนางมิใช่ผู้ที่จะถูกสายตาของผู้คนบนโลกสังหารได้ เพลานั้น พลันซ่างกวนบี้หรุงก็ก้าวเข้ามาหาเมี่ยวฝู ใบหน้าจ้องมองนางอย่างเป็นกังวล หลังจากนั้นจึงมองไปยังองค์รัชทายาท “ขอฝ่าบาทได้โปรดอย่าทรงกริ้ว ท่านพี่คงจะไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือนางอาจจะถูกบีบบังคับจึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวเช่นนี้ ขอฝ่าบาทไว้ชีวิตนางเถิดเพคะ” เมี่ยวฝูจ้องมองซ่างกวนบี้หรุงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน น้องสาวบิดาเดียวกันแต่ต่างมารดานี้ของนางช่างเป็นคน“จิตใจดี”เสียจริง แค่ประโยคปล่อยเนื้อปล่อยตัวประโยคเดียว ก็เป็นคำพูดที่เลือกโทษประหารให้ตนเองแล้ว ซ่างกวนบี้หรุงและนางอยู่ใต้ท้องฟ้าและพื้นแผ่นดินเดียวกัน นางคือสิ่งของไร้ค่าที่ผู้คนละเลย แต่ทว่าซ่างกวนบี้หรุงคือหญิงสาวงดงามของราชวงศ์จิ้น ฝีมือทางการแพทย์นับว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลซ่างกวน สามารถจัดไว้ในอันดับวงแหวนรอบนอกที่ห้า ที่ผู้คนอยากจะสู่ขอเป็นภรรยามากที่สุดในนครหลวง “บี้หรุง เจ้าช่างจิตใจงามเหลือเกิน แม้จะจิตใจดีเพียงใดก็มิสามารถเอ่ยวาจาแทนหญิงต่ำช้าได้ นี่มิใช่โทษอาชญากรรมเล็กน้อย นี่คือโทษการลักลอบมีความสัมพันธ์” มู่หยู่ฉินสัมผัสรอยเลือดบนใบหน้า จนกระทั่งเพลานี้ยังรู้สึกเวียนหัว นางจ้องมองเมี่ยวฝูอย่างโกรธแค้น “ถึงแม้ว่านางจะเป็นท่านพี่ของเจ้า เจ้าก็ไม่สามารถปกป้องนาง สิ่งที่นางทำนั้นน่าอับอาย ทำให้ตระกูลของเจ้าต้องเสื่อมเสีย และจะเสื่อมเสียไปถึงพี่สาวน้องสาวในตระกูลพวกเจ้า คนเช่นนี้มิคุ้มค่ากับความช่วยเหลือของเจ้า” เมี่ยวฝูกวาดสายตามองไปยังมู่หยู่ฉินและบี้หรุง ดวงตาของนางส่งความเย็นชาออกไป “แต่ละวาจาที่เจ้าเอ่ยมานั้น เจ้าดูแน่ใจมากว่าข้าลักลอบมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่เจ้าลองมองให้ดีเถิด นี่มิใช่ร่องรอยของการจุมพิต นี่เป็นรอยขีดข่วนในเพลาที่ข้าต่อต้าน จึงทำให้มีรอยเล็บ เจ้านักเลงผู้นี้ได้รับคำสั่งให้พยายามข่มขืนข้า โชคดีที่ข้าพยายามต่อต้านอย่างมิกลัวตาย จึงทำให้หลีกเลี่ยงการถูกวางยาพิษได้” เดิมทีเมี้ยวฝูมิได้มีเจตนาที่จะอธิบายถึงเหตุผลให้พวกนางฟัง แต่ทว่าร่างกายของนางนั้นอ่อนแอเกินไป อีกทั้งเพลานี้ก็มิมีที่พึ่งพิง ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดทนปิดบังความสามารถของตนเองไว้ นี่คือสังคมระบบศักดินา ระดับอำนาจที่เข้มงวดก็คือสวรรค์ ชายคือผู้มีอำนาจปกครอง ส่วนหญิงคือผู้ที่คล้อยตาม ถ้าหากว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีคำว่าลักลอบมีความสัมพันธ์คำนี้ติดตัว ทั้งชีวิตนี้ก็อย่าคิดที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกเลย โดยปกติแล้วล้วนจะถูกขังไว้ในหญ้ากรงหมู ดังนั้น นางจะไม่ยอมให้องค์รัชทายาทหรือผู้ใดประสบความสำเร็จ นางจะต้องปฏิเสธข้อครหาดังกล่าวอย่างหนักแน่น คู่หมั้นของนางผู้นี้นั้นช่างเลวทราม คิดมิถึงว่าแม้แต่พวกมู่หยู่ฉินรังแกตนเอง ทำลายชื่อเสียงของตนเอง แทบจะรอไม่ได้ที่จะทำให้นางเสียเกียรติ แต่ทว่าเพลานี้ นางครอบครองร่างกายนี้แล้ว นางจะมิให้เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น นางมิใช่เจ้าของที่จะมายั่วยุได้ วันนี้พวกเขาปฏิบัติต่อนางเช่นไร นางจะเอาคืนจากที่พวกเขาทำในวันนี้ถึง 10 เท่า! วาจาร้อยแปดพันเก้าของเมี้ยวฝู ทำให้ผู้คนที่ฟังอยู่ล้มเหลว ความหมายนี้ของนาง นางเปลี่ยนจากหญิงต่ำช้าที่ลักลอบมีความสัมพันธ์ กลายเป็นหญิงที่ดุร้ายและสาบานว่าจะต่อกรกับพวกนาง องค์รัชทายาทมิเพียงแค่มิสามารถโทษนางได้ อีกทั้งยังร้องเพลงสรรเสริญนางอีกหรือ? ช่างไร้ยางอายเสียจริง เพลานั้น หวางหมาจื่อตกใจจนร่างกายสั่นไปทั้งร่าง สองขาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเริ่มสั่นเทา ลู่หลัวบอกว่ามันง่ายดายที่เขาจะข่มขืนหญิงสาวผู้นี้ ขอเพียงแค่เขาช่วยนางจัดการเด็กสาวผู้นี้ นางก็จะให้เบี้ยเงิน 102 เป็นการตอบแทน แต่ทว่าได้ฟังความหมายนี้ หญิงสาวที่เบื้องหน้ามิใช่เด็กไร้เดียงสาแต่อย่างไร แต่ทว่ากลับเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท อีกทั้งยังเป็นสายเลือดของท่านแม่ทัพใหญ่ ซ่างกวนเมี่ยวฝู เขาตกใจจนแทบสิ้นสติ ถ้าหากว่าตนเองรู้ว่านี่คือซ่างกวนเมี่ยวฝู ต่อให้ฆ่าให้ตายเขาก็ไม่กล้าทำเรื่องราวเช่นนี้ ในเพลานี้ เมื่อเขาพูดกล่าวหาว่าต้องโทษข่มขืนพระชายาองค์รัชทายาท เช่นนั้นทั้งตระกูลของเขาจักต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาทำได้เพียงป้ายความผิดให้ซ่างกวนเมี่ยวฝู ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าลงตรงหน้าขององค์รัชทายาทพลางเอ่ย “ขอฝ่าบาทได้โปรดอย่าโกรธเคือง เป็นเพราะว่าซ่างกวนเมี่ยวฝูมาให้ท่าข้าน้อย นางยักคิ้วหลิ่วตาให้ข้าน้อย นางเรียกให้ข้าน้อยมาคุยเล่นสัพเพเหระ ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของนาง ข้าน้อยถูกบีบบังคับพะยะค่ะ!” เดิมทีเขาต้องการจะบอกว่าเขามิได้ทำให้ซ่างกวนเมี่ยวฝูมัวหมอง แต่ทว่าร่องรอยบนร่างกายของนางนั้นชัดเจนเกินไป คงมิมีผู้ใดเชื่อเขา เรื่องไร้สาระเช่นนี้หากมิเอ่ยจะดีเสียกว่า เขาต้องรีบใช้โอกาสนี้เอ่ยตำหนิและกล่าวโทษซ่างกวนเมี่ยวฝู และหวังว่าตนเองจะสามารถพ้นโทษได้ ซ่างกวนเมี่ยวฝูหรี่ตาลงเล็กน้อย ชายที่น่าเกลียดผู้นี้ผลักข้อครหาทั้งหมดมาไว้ที่ตัวของนาง คิดว่านางจักเสียเปรียบหรืออย่างไร? ดวงตาและคิ้วที่งดงามของนางกระตุกอย่างเย็นชา นางจ้องมองไปยังหวางหมาจื่อ ในดวงตาที่สงบของนางมีความสง่างามและน่าเกรงขาม น้ำเสียงของนางมิได้มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย “เจ้าเอ่ยว่าข้าให้ท่าเจ้า เอ่ยว่าข้าเป็นคนเริ่มก่อน แล้วเหตุใดข้ายังจะต้องหยิบแจกันดอกไม้มาตีเจ้างั้นหรือ?” สีหน้าของหวางหมาจื่อร้อนรนเป็นอย่างมาก เขารีบกุมศีรษะของตนเอง ในใจตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เหตุใดสายตาของหญิงสาวผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงนั้น ทำให้ร่างทั้งร่างของเขาขนลุกชูชัน “นี่มิใช่พระองค์เป็นคนตี แต่เป็นเพราะข้าน้อยตื่นเต้นเกินไปจึงหกล้ม และชนเข้ากับแจกันดอกไม้พอดิบพอดี” “เจ้าล้มได้บังเอิญมาก คิดไม่ถึงว่าจะสามารถล้มจนปลายหัวกระแทกได้” จุดที่เมี่ยวฝูตีลงไปคือปลายศีรษะของหวางหมาจื่อ สิ่งนี้ยืนยันได้ว่ามิว่าจะล้มลงเช่นไรก็จะต้องกระแทกไปที่ด้านหน้าหรือด้านหลัง มิมีทางที่จะกระแทกที่ปลายศีรษะได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาเอ่ยนั้นจริงหรือเท็จก็ค่อนข้างชัดเจนแล้ว เพลานี้ หญิงสาวบางคนที่มิเข้าใจในเรื่องราวก็เริ่มต้นจ้องมองไปยังหวางหมาจื่ออย่างสงสัย หวางหมาจื่อรู้สึกว่าผิวที่ศีรษะชาไปชั่วขณะ อารมณ์ของเขาสับสนอลหม่านเป็นอย่างมาก “และอีกอย่าง มิใช่ว่าเจ้าเอ่ยว่าข้าให้ท่าเจ้าหรือ แสดงให้เห็นว่าเจ้าจักต้องเข้าใจในตัวข้าเป็นอย่างมาก ถ้าเช่นนั้น เจ้าบอกทุกคนเถิดว่าบนร่างกายของข้ามีสัญลักษณ์อันใดเป็นพิเศษ? เจ้าอย่าเอ่ยว่าเจ้าจำมิได้” “ข้าน้อย.... เพลานั้นในห้องมืดเกินไป ข้าน้อยเห็นไม่ชัด” “ที่ฝ่าเท้าของข้ามีไฝอยู่ 3 เม็ด เจ้าบอกข้ามาซิว่าไฝเหล่านี้อยู่ที่เท้าซ้ายหรือเท้าขวา?” “ซ้าย....มิใช่ ขวา....มิใช่ มีทั้งซ้ายและขวา” “ถ้าเช่นนั้นก็ดี ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความจริง” มุมปากของเมี่ยวฝูยิ้มอย่างเย้ยหยัน หลังจากนั้นนางจึงนั่งลงบนพื้นอย่างเยือกเย็นก่อนจะเปิดฝ่าเท้าขาวราวกับหิมะให้ทุกคนได้เห็น ฝ่าเท้าของนางมิได้มีไฝแม้แต่เม็ดเดียว “พวกท่านก็เห็นชัดเจนแล้วว่าแท้จริงแล้วฝ่าเท้าของข้ามิได้มีไฝแต่อย่างใด ผู้ใดกันแน่ที่พูดโกหก แล้วข้าได้ให้ท่าเขาจริงหรือไม่ ข้าเชื่อว่าคงจะมีเพียงบุคคลที่สมองปกติเท่านั้นที่จะสามารถมองออก” กลับกัน ผู้ที่มีสมองผิดปกติเท่านั้นถึงจะสงสัยในตัวนาง
已经是最新一章了
加载中