ตอนที่ 4 พนัน
ตอนที่ 4 พนัน
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน เมี่ยวฝูเปิดเผยฝ่าเท้าให้คนจำนวนมากดูโดยไม่มีความละอายใดๆ แท้จริงแล้วช่างเป็นการกระทำที่มีเคารพจารีตประเพณี แต่ทว่าเพลานี้จุดสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทุกคนล้วนจ้องมองไปยังฝ่าเท้าของนาง
ฝ่าเท้าของนางมิมีสิ่งแปลกปลอมอันใด เพลานี้นางยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทีที่มั่นคง ร่างกายของนางมิรังสีแพร่กระจายออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงบรรยากาศที่แข็งแกร่ง ทุกคนจ้องมองอย่างงุนงง นางซ่างกวนเมี่ยวฝูผู้นี้คงมิได้ถูกเปลี่ยนตัวดอกกระมัง
เมื่อจ้องมองฝ่าเท้าของนาง ทุกคนก็รู้ว่าหวางหมาจื่อพูดโกหก นี่นางบริสุทธิ์จริงๆหรือ?
ในเพลาที่เมี่ยวฝูดึงเท้ากลับมาสวมรองเท้า นางก็มองเห็นความรังเกียจในสายตาของฉูซู่ นางรู้ว่าเขาเกลียดตนเอง แต่เกลียดก็เกลียดเถิด
นางไม่ได้เอ่ยวาจาเพื่อเขา ไม่ได้สนใจสายตาของเขาสักนิด เพลานี้นางเอ่ยเพื่อตนเอง นางคือเจ้านายของตนเอง ที่นี่ผู้ใดก็อย่าคิดที่จะรังแกนาง
เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่โหดร้ายทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นคำรับสั่งขององค์รัชทายาท พลันรู้สึกเวทนาเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมเป็นผู้ที่ไม่มีพิษมีภัยและจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาท เพื่อเขานางจึงยอมตายได้ เพราะว่าจงรักภักดีจึงได้รับจุดจบเช่นนี้
ในเวลานี้ หวางหมาจื่อตื่นตระหนกจนพึมพำไปมา เมี่ยวฝูเอ่ยถามเขาอย่างมั่นอกมั่นใจ “ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ เจ้ายังมิรีบบอกความจริงอีก แท้จริงแล้วผู้ใดสั่งให้เจ้ามารังแกข้า ผู้ใดจุดฝังเข็มตัวข้า ผู้ใดให้เบี้ยเงินแก่เจ้า เจ้าชี้ให้ข้าเห็นทีละอย่าง และลบล้างข้อครหาให้แก่ข้าเสีย!”
นางรังเกียจองค์รัชทายาทเป็นอย่างมาก แม้แต่เอ่ยถึงเขานางก็ไม่อยาก แต่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง นางทำได้เพียงเกลียดชังเขาในหัวใจ
เมื่อได้ยินเมี่ยวฝูเอ่ยถามอีกครั้ง องค์รัชทายาท ซ่างกวนบี้หรุงและมู่หยู่ฉินทั้งสามคนล้วนหน้าถอดสี มู่หยู่ฉินกรอกตาไปมาด้วยความละอายใจ
นางผู้หญิงต่ำช้า ไม่คิดว่าจะกล้าใช้องค์รัชทายาทมาข่มขู่หวางหมาจื่อ
ก่อนหน้านี้ยามที่นางเจอพวกเขา ล้วนหาที่ซ่อนเป็นพัลวัน นางมักจะกลัวจนตัวสั่น แต่เหตุใดวันนี้ถึงเก่งกาจเช่นนี้ อีกทั้งพวกนางยังมิกล้าตอบโต้ เกรงว่าหากตอบโต้แล้วจะมิชนะ และจะตกเป็นเหยื่อของนาง
คำให้การของหวางหมาจื่อถูกลบล้างโดยเมี่ยวฝู เพลานี้เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร เขาเกรงกลัวเมี่ยวฝู แต่เกรงกลัวมู่หยู่ฉินยิ่งกว่า เมื่อนึกถึงแส้มาป่าของมู่หยู่ฉิน เขาจึงชั่งใจเอ่ยกับนาง “นายหญิงซ่างกวน ท่านอย่าบีบบังคับข้าน้อย เป็นเพราะว่าฝ่าบาทอยู่ ข้าน้อยถึงกล้าเอ่ยความจริง เป็นเพราะท่านให้ท่าและบีบบังคับข้าน้อย ท่านมิต้องข่มขู่ข้าน้อยแล้วพะยะค่ะ!”
จนถึงเพลานี้แล้ว เขายังกล้าที่จะปฏิเสธอยู่อีกหรือ? เมี่ยวฝูมีกลัวคำใส่ร้ายป้ายสีของเขา นางกวาดสายตาไปมาก่อนจะเอ่ย “ต่อให้ข้าไม่ดี อย่างไรเสียข้าก็เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ พวกเจ้าคิดดูเถิดว่าเขาเหมาะสมกับข้าหรือไม่? บอกว่าข้าให้ท่า มิหยิบกระจกมองดูตนเองหรืออย่างไร หน้าตาราวกับหัวหมูเช่นนี้ แม้แต่รองเท้าของข้าก็มิคู่ควร ถ้าหากข้าจักให้ท่าข้าคงให้ถ้าผู้ที่สมบูรณ์แบบและดีที่สุดในโลก นับภาษาอะไรกับคนเช่นเขา?”
เมื่อวาจานี้ของเมี่ยวฝูเอ่ยออกมา ผู้คนจำนวนมากที่ล้อมรอบก็รู้สึกว่ามีเหตุผล นางขี้ขลาดและขี้อาย ฐานะก็โดดเด่น เหตุใดจึงต้องมามองคนอย่างหวางหมาจื่อด้วย
จำเป็นจะต้องรักษาชื่อเสียงเกียรติยศของตนเองถ้าหากวันนี้ไม่ลบล้างความอยุติธรรมก็จะถูกส่งไปตัดศีรษะถึงแม้ว่านางจะตายนางเพิ่งจะอายุ 18 ปี นางมิอยากถูกจับตัวไปขังเมื่อเห็นว่าฝ่ายของตนเองจนตรอก ในสายตาของบี้หรุงก็เป็นประกายขึ้นมา นางจ้องมองไปยังเมี่ยวฝู “ท่านพี่ข้าเชื่อท่าน แต่ทว่าผู้อื่นไม่เชื่อ อย่างไรเสียข้ามีวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่าน บุตรสาวของตระกูลพวกเราจะมีสัญลักษณ์จุดพรหมจรรย์อยู่ที่ข้อแขนตั้งแต่เกิด ขอเพียงแค่ยังมิแต่งงาน จุดพรหมจรรย์นั้นก็จะอยู่ไปชั่วชีวิต มิเช่นนั้นท่านเลิกแขนเสื้อขึ้น แล้วแสดงให้ทุกคนเห็น เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของท่านเถิด”
เมื่อได้ฟังวาจาของบี้หรุง เมี่ยวฝูกำลังคิดอยู่ว่าแผนการเรื่องจุดพรหมจรรย์นี้จะมาเมื่อใด คิดไม่ถึงว่าจะมาแบบไม่ทันคาดคิด
แท้จริงแล้ว พวกนางตรวจสอบจุดพรหมจรรย์ของนางก็เพื่อช่วงเวลานี้
โชคดีที่เมื่อครู่นี้นางมิได้ตื่นตระหนก และรวบรวมสติปัญญา ก่อนที่พวกเขาจะบุกเข้ามา นางได้เปิดตู้แต่งตัวบนหัวเตียงและหยิบผงสีแดงขึ้นมาวาดจุดสีแดงเล็กๆที่ข้อมือของนาง
มิว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่ก็ลองดูสักตั้ง อย่างมากก็แค่ข่มขู่พวกนาง
เพลานี้ นางมองเห็นลู่หลัวรู้สึกกระตือรือร้นในคำกล่าวเชิญของมู่หยู่ฉิน เขาจึงแสดงท่าทางที่ลำพองใจออกมา แต่ทว่ามู่หยู่ฉินกลับหันไปทางซ่างกวนบี้หรุงและแสดงท่าทางที่ประจบสอพลอ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะภูมิใจและมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก คิดว่าตนเองจักต้องชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเห็นว่าเมี่ยวฝูมิเอ่ยอันใดออกมา มู่หยู่ฉินก็คิดว่านางขาดความเชื่อมั่นในตนเอง นางจึงยิ้มเยาะอย่างปลื้มปีติ “สิ่งของไร้ประโยชน์ เจ้ายังมัวตะลึงอันใดอยู่อีก มิรีบเลิกแขนเสื้อขึ้น หรือว่าเจ้ามิมั่นใจ? ถ้าบริสุทธิ์ใจก็แสดงให้ทุกคนเห็นถึงจุดพรหมจรรย์ของเจ้าเถิด ถ้าหากว่าเจ้าเสียตัวไปแล้ว ข้าว่าเจ้ามิคู่ควรกับองค์รัชทายาท ถือโอกาสนี้ไปให้พ้น อย่ามาเกะกะสายตาของฝ่าบาท”
มิเหมาะสมกับองค์รัชทายาทงั้นหรือ?
เมี่ยวฝูไม่ได้ตอบรับ หากมีสาเหตุเพราะนางเสียตัวจึงถูกองค์รัชทายาทเจ้าเล่ห์ผู้นี้ถอนหมั้น ถ้าเช่นนั้นนางก็จะตกอยู่ในหลุมและมิสามารถปีนขึ้นมาได้อีกตลอดไป
นางจะต้องถอนหมั้นกับองค์รัชทายาท แต่จะมิใช่เพราะเหตุผลนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นเพราะองค์รัชทายาทมิอยากจัด หรือเหตุผลที่องค์รัชทายาทนั้นไร้ประโยชน์ แต่เหตุผลการเสียตัวที่ทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นนี้ นางรู้สึกว่ามันเหมาะสมกับคนไร้ประโยชน์เช่นมู่หยู่ฉินเสียมากกว่า
สุนัขรับใช้ของมู่หยู่ฉินก็เอ่ยอย่างเห็นพ้องต้องกัน “ใช่แล้ว เพียงแค่มองข้อมือก็จะมิเอาผิดเจ้า เจ้าคนโง่เขลา เจ้ากล้าให้พวกข้าดูหรือไม่”
เมื่อมองเห็นท่าทีที่ลำพองใจของมู่หยู่ฉิน ในดวงตาของเมี่ยวฝูก็สะท้อนความเจ้าเล่ห์ออกมา นางเสแสร้งทำเป็นก้มหัวลงอย่างไม่มั่นใจ “พวกเจ้าต้องการดูจริงๆหรือ?”
“แน่นอน” ทุกคนผงกศีรษะอย่างหนักแน่น ใบหน้าราวกับว่ากำลังดูละครอยู่ พวกเขาต้องการให้คนไร้ประโยชน์เช่นนี้หน้าแตก ก่อนหน้านี้ความบันเทิงของพวกเขาก็คือการเล่นกับขยะที่ไร้ประโยชน์เช่นนาง การหยอกล้อคนไร้ค่าช่างน่าสนุกยิ่งนัก
พวกเขามิอยากให้คนไร้ประโยชน์ถูกรับโทษและต้องนำตัวไปแช่อยู่ในหญ้ากรงหมู ถ้าหากต้องตายเช่นนี้คงไม่น่าสนุก นางจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อให้คนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการรุมประณามจึงจะบันเทิง
“ตกลง ถ้าพวกเจ้าอยากเห็น แต่ทว่าข้าบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่เชื้อเชิญพวกเจ้ามาดูเถิด ถ้าหากอยากดูก็ได้ แต่พวกเรามาพนันกัน ถ้าหากข้ามีจุดพรหมจรรย์แล้วอย่างไร มิมีแล้วอย่างไร?” เมี่ยวฝูจ้องมองไปยังกลุ่มคนจำนวนมาก ดวงตาของนางส่องประกายการคิดบัญชี
ลู่หลัวที่ข้างกายของมู่หยู่ฉินตรวจสอบข้อมือของเมี่ยวฝูด้วยตาของตนเอง ดังนั้นเมื่อได้ยินวาจานี้ นางก็เอ่ยเดิมพันในทันที “พนันก็พนันเถิด ถ้าหากเจ้ามิมีจุดพรหมจรรย์ ให้นายหญิงตระกูลข้าเฆี่ยนเจ้า 100 ครั้ง และลากเจ้าไปแช่ในหญ้ากรงหมู”
เมี่ยวฝูยิ้มอย่างเยาะเย้ย 100 ครั้งงั้นหรือ? เกลียดข้าเสียจริง นี่คงคิดอยากจะเฆี่ยนข้าให้ตายกระมัง
“แล้วถ้าหากข้ามีจุดพรหมจรรย์ ให้นายหญิงตระกูลของเจ้าดื่มน้ำอุจจาระในห้องสุขาเป็นอย่างไร?”
ทันทีที่เมี่ยวฝูเอ่ยสิ่งนี้ออกมา ซ่างกวนบี้หรุงก็รู้สึก ประหลาดใจ เมี่ยวฝูที่เบื้องหน้านี้มิเหมือนกับคนโง่งมเหมือนเมื่อก่อน ราวกับว่านางเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนกลายเป็นคนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด รู้สึกถึงความสง่างามบนร่างกายของนางแพร่กระจายไปทั่ว
ผมยาวสีดำคลับของนางถูกพาดไว้ด้านหลังเป็นประกายอร่าม ราวกับภาษาติน คิ้วราวกับภาพวาด ดวงตาสีดำเป็นประกายราวกับดวงดาวและพระจันทร์ มันส่องสว่างสดใสและดูเหมือนว่านางจะกลายเป็นผู้ที่มีรังสีแพร่กระจายออกมา ผู้คนที่ได้พบเห็นมิสามารถและสายตาได้ ถ้าหากมองไปเช่นนี้ดูเหมือนผู้ที่งดงามอย่างมิมีใครเทียบ