บทที่224 เพราะรัก   1/    
已经是第一章了
บทที่224 เพราะรัก
บทที่224 เพราะรัก เธอไม่ได้ให้คำตอบใดๆ จึงเป็นการสร้างประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ให้กับคนภายนอก “ศิลปินช่องบลูไลท์ จันวิภาประกาศออกจากวงการ แบบนี้พวกเราคิดว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในงานประกาศรางวัลไหม?” “ตอนที่สัมภาษณ์นั้น สภาพของจันวิภาดูอ่อนเพลียมาก ราวกับเธอเองก็กำลังหลบเลี่ยงนักข่าวอยู่” “เธอที่เพิ่งจะได้เข้าร่วมภาพยนตร์สองสามเรื่องการตอบรับนับว่าไม่เลวเลย ปลายปีมีโอกาสจะได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมอีกด้วย แต่กลับประกาศถอนตัวออกจากวงการบันเทิงไปเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกคาดไม่ถึงกันเลยจริงๆ หรือว่าเธอจะเป็นคนจ้างให้แอนตี้แฟนเป็นคนผลักจิดาภาล้มจริงๆ?” “คืนวันประกาศรางวัลคืนนั้น ถึงแม้ว่าจิดาภาจะได้รับบาดเจ็บ แต่เธอก็ยังคงยืนหยัดอยู่จนถึงในช่วงสุดท้าย เธอไม่ได้พูดออกมาเสียด้วยซ้ำว่าจะตามหาตัวคนมารับผิดชอบ....” จิรภาสขมวดคิ้วเล็กน้อย ข่าวนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจันวิภาจะออกหน้ามารับความผิดแล้ว แต่เธอยังไม่ได้เอ่ยขอโทษจิดาภาเลยเสียด้วยซ้ำ แบบนี้ได้อย่างไรกัน? จิดาภาเห็นว่าเขากำลังจะต่อสายโทรศัพท์ เธอจึงรีบขัดเขาไว้ “ช่างมันเถอะค่ะ คนอย่างจันวิภา ให้เธอออกไปจากวงการบันเทิงแบบนั้น ก็ทำให้เธอลำบากมากพอแล้ว....ส่วนเรื่องที่จะต้องให้เธอมาขอโทษฉัน ฉันไม่อยากบีบบังคับใคร” “คำขอโทษที่ไม่จริงใจ ฉันเองก็ไม่อยากได้ อย่าไปเสียเวลากับคนแบบนั้นเลยนะคะ คุณจิรภาส...” เมื่อได้ยินจิดาภาพูดเช่นนั้น เขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ “ครับ แล้วแต่คุณแล้วกัน” เขาลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วมาเอนกายนอนลงข้างๆเธอ แล้วค่อยๆโอบกอดเธอไว้ “ผมเป็นห่วงคุณนะ...” จิดาภาขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความรู้สึกสบาย แล้วนวดแขนให้จิรภาสอย่างเบามือ “เหมือนกันค่ะ ฉันเองก็เป็นห่วงคุณ คุณไม่เพียงแค่ต้องจัดการกับงานที่บริษัท ทั้งยังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉันคอยปกป้องฉัน และไหนจะพอกลับมาบ้านแล้วยังต้องมาดูแลฉันอีก...คุณพักผ่อนเสียหน่อยดีไหมคะ?” จิรภาสไม่ได้ตอบกลับ แต่กลับใช้การเคลื่อนไหวของเขาเป็นการตอบกลับไปแทน เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น หลังจากนั้นเกยคางไว้ที่ช่วงคอของเธอแล้วหลับตาลง “ฉันมีผู้จัดการส่วนตัวที่เก่งที่สุดในโลกแบบนี้ ฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ แล้วก็จะไม่เอาเรื่องไม่ดีพวกนั้นมาใส่ใจด้วย เพราะฉะนั้น...คุณตั้งใจทำงาน พักผ่อนเยอะๆ อย่าไปเสียเวลากับเรื่องพวกนั้นอีกเลยนะคะ” “.....อืม” หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บแล้วกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วนั้น จิรภาสไม่อนุญาตให้เธอทำอะไรทั้งนั้น จิดาภาจะได้ใช้โอกาสนี้พักผ่อนได้หลายวัน พี่นัฎรู้ว่าจิรภาสนั้นดูแลจิดาภาเป็นอย่างดี จึงสามารถออกไปใช้เวลาเองข้างนอกได้อย่างวางใจได้ เช่นไปเยี่ยมเยียนตฤณที่ออฟฟิศของเขา เมื่อเธอเดินมาถึงประตูหน้าออฟฟิศของตฤณนั้น ได้ยินเสียงทะเลาะกันที่ดังออกมาจากทางด้านใน แน่ใจว่าเป็นตฤณที่กำลังโมโหใส่พนักงานหญิงคนหนึ่งอยู่ พี่นัฎยืนอยู่ทางด้านหน้าประตูอยู่ซักพักหนึ่ง ยิ่งได้ยินก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันมากขึ้น “พอแล้ว เกือบจะ...” พี่นัฎที่ทนไม่ไหวแล้ว จึงผลักประตูเข้าไปด้านใน เห็นพนักงานหญิงคนนั้นยังคงร้องไห้อยู่จึงยื่นกระดาษทิชชูส่งให้เธอ แล้วพูดกับตฤณว่า “บางครั้งงานสำคัญมากก็จริง เพราะฉะนั้นคุณก็ไม่ควรที่จะยึดติดกับมันโดยไม่ยอมปล่อยแบบนี้ ให้เธอรีบไปแก้ไขไม่ดีกว่าหรือคะ!” พนักงานหญิงคนนั้นมองพี่นัฎอย่างรู้สึกขอบคุณ พี่นัฎไอออกมา แล้วเอ่ยพูดกับเธอ “ยังไม่ไปอีก!” ตฤณหันกลับไป โดยไม่ได้ขัดขวางอะไร รอจนพนักงานคนนั้นเดินร้องไห้ออกไปแล้ว พี่นัฎจึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองเหมือนจะยุ่งมากเกินไปเสียแล้ว จึงหัวเราะออกมาอย่างเก้ๆกังๆ “ฉันเองก็ทำผิดพลาดอยู่บ่อยๆ ถ้าหากจิดาภาเข้มงวดแบบคุณ ฉันคงจะลาออกไปตั้งนานแล้ว” “ใครๆก็ล้วนทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น คุณเองก็อย่าโมโหไปเลยค่ะ” ตฤณมองเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ “....นั่นเป็นเพราะคุณจิดาภารู้ว่าถ้าคุณไปอยู่กับศิลปินคงอื่น คงจะถูกด่าหนักมากกว่าครับ” “ไม่ต้องพูดออกมาตรงๆขนาดนี้ก็ได้!” พี่นัฎพึมพำ แล้วเสียงท้องร้องก็ดังขึ้น “คุณทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันออกไปทานข้าวก่อน” “รอก่อนครับ!” ตฤณตะโกนเรียกเธอไว้ หลังจากนั้นจึงสวมเสื้อคลุม “ไปด้วยกันแล้วกันครับ” ไปด้วยกัน? พี่นัฎกระพริบตา แม้จะว่าไปแล้วพวกเขาก็เคยทานข้าวด้วยกัน แต่วันนี้บรรยากาศเช่นนี้ราวกับว่าเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะตอนที่ตฤณยืนรออยู่ตรงหน้าประตู แล้วส่งยิ้มอันหล่อเหลานั่นมามองมาที่เธอ เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองนั้นดีใจจนแทบจะระเบิดออกมา “อยากทานอะไรครับ?” ตฤณแสกนบัตรกดลิฟต์ไปพลาง เอ่ยถามเธอไปพลาง รอยยิ้มแบบนี้ บวกกับ..... และตอนนี้เอง ที่พนักงานกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา เพื่อจะมาโดยสารลิฟต์ตัวเดียวกันนี้ พี่นัฎที่เห็นระยะห่างระหว่างเธอกับตฤณ จึงรู้สึกตัวแล้วขยับยืนให้ห่างจากเขาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ไหล่ของเธอก็ถูกตฤณโอบไว้ แล้วพาเดินเข้าไปยังด้านในลิฟต์ แล้วตามด้วยคนกลุ่มหนึ่งเดินตามเข้าไป พี่นัฎที่โดนชนเข้า ทำให้เธออยู่ห่างจากหน้าอกของเขาใกล้เพียงนิดเดียว เธอก้มหน้าลงด้วยความตื่นเต้น นี่ถือว่าเป็นการกอดเธอทางอ้อมหรือเปล่า! แต่เพียงวินาทีถัดไป เธอกลับรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเธอกับตฤณนั้นไกลกันไปอีกเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมา เห็นเพียงแค่ตฤณกันไว้ไม่ให้คนอื่นเข้ามาเบียดเธอมากเกินไป เขาใช้แขนกันระยะห่างนั้นไว้ช่วงหนึ่ง เพื่อให้พี่นัฎยืนได้อย่างสบายๆ “จริงๆไม่ต้องหรอกค่ะ ฉัน....” พี่นัฎอ้าปากค้าง แล้วก็รู้สึกว่าเธอคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว เขาเพียงแค่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเพียงเท่านั้น พี่นัฎก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่เห็นผู้ชายตรงหน้า หันกลับไปแล้วหลุดยิ้มออกมา ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง พนักงานเดินออกจากลิฟต์กันหมดแล้ว จู่ๆพี่นัฎก็รู้สึกสูญเสียความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าหากเบียดกันอยู่ในลิฟต์ตลอดก็คงจะดี.... “ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าจะทานอะไร ถ้าอย่างนั้นผมเลือกเองแล้วกันนะครับ” ตฤณบอกกับพี่นัฎ เมื่อเห็นเธอไม่ได้ขัดอะไร จึงเปิดประตูรถให้ “เชิญครับ” พี่นัฎสะบัดความคิดที่เธอไม่ควรจะคิดออกไป แล้วขึ้นรถไป เพียงแต่เมื่อตอนเธอเห็นว่ารถจอดอยู่ใต้อพาร์ทเม้นท์ของเขานั้น ทำให้เธอถึงกับอึ้งไป “พวกเราจะไปทานกันที่ไหนคะ?” เธอจำได้ว่าแถวๆนี้ไม่มีร้านอาหารนี่นา “บ้านผมครับ” ตฤณกล่าวแล้วหยิบกุญแจออกมา โดยไม่ได้สนใจอาการตกใจของพี่นัฎเลยแม้แต่นิดเดียว คนสองคนมาถึงที่บ้าน มาทานอาหารเย็นอย่างนั้นหรือ? ใบหน้าของพี่นัฎร้อนรุ่มราวกับมีไฟกำลังลุกอยู่อย่างไรอย่างนั้น หากตามที่เธอเข้าใจแล้วนั้น เขาไม่ใช่คนที่จะพาผู้หญิงมาทานข้าวที่บ้านไปทั่วแบบนั้น พี่นัฎเดินตามตฤณไปอย่างเชื่องช้า เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วนั้น เห็นห้องที่รกเช่นนั้นก็ถึงกับอึ้งไป สีหน้าของตฤณดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรนัก เขาไอกระแอมออกมาหนึ่งที “สองสามวันนี้งานที่บริษัทเยอะน่ะครับ เลยยังไม่มีเวลาเก็บ....” “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันช่วยคุณเก็บแล้วกันนะคะ ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องทำกับข้าวเท่าไหร่นัก” พี่นัฎเอ่ยบอกกับตฤณโดยไม่กล้าสบตาเขา “ได้ครับ ผมทำกับข้าวเอง” พี่นัฎเองรู้สึกอึ้งที่เห็นตฤณเดินเข้าครัวไปแบบนั้น แล้วตามมาด้วยเสียงที่เขาล้างและหั่นผัก สถานการณ์ระหว่างพวกเขาเช่นนี้ เหมือนกับเป็นคู่รักคู่หนึ่งเลยหรือเปล่า? ถึงแม้ภายนอกเขาสองคนจะมีความสัมพันธ์เป็นคู่หมั้นกัน แต่การอยู่ด้วยกันแบบนี้ทำให้พี่นัฎอยากจะรักษาเวลาแบบนี้เอาไว้ เธอกลัวว่าหากเธอพูดออกไปแล้ว แม้แต่เพื่อนก็จะมีให้กันไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะก้าวออกไป สถานการณ์ที่เป็นอยู่แบบนี้ก็นับว่าดีแล้ว.... “อา!” พี่นัฎที่กำลังเก็บโต๊ะวางน้ำชา ได้ยินเสียงตะโกนของตฤณดังออกมาจากห้องครัว เธอจึงรีบเข้าไปหาเขา “เป็นอะไรคะ!” ตอนที่ตฤณหั่นผักอยู่นั้น ไม่ทันได้ระวังทำชามแตกไปหนึ่งใบ เขาเห็นพี่นัฎที่รีบเข้ามาหาเช่นนี้ จึงรีบเงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบาก “ไม่มีอะไรครับ...”
已经是最新一章了
加载中