บทที่ 32 ฮูหยินนายน้อย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 32 ฮูหยินนายน้อย
บทที่ 32 ฮูหยินนายน้อย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาแสร้งเป็นวัณโรคปอดนานเกินไป ให้เฉินซื่อยกยาขับระบายลมร้อนมาให้ในแต่ละวัน ทำเอาโล่กงยี่ชักจะสงสัยชีวิตมนุษย์เสียแล้ว อย่างไรก็ตามหลิ่วหม้านหยุนนั้นแตกต่างกันออกไป แต่เล็กจนโต นางเรียนรู้ตำรับตำราแพทย์แผนจีนด้วยตนเองจนประสบความสำเร็จ นางหมกหมุ่นกับยา นางในอดีตชาติมักจะคิดค้นตำรับยาใหม่ๆ การรักษาโรคชนิดใหม่ๆ อยู่เสมอ นางได้รับการขนานนามว่าเป็นแพทย์แผนจีนหญิง และได้รับรางวัลด้านการแพทย์ หลิ่วหม้านหยุนมองยังตู้ตำรับยาเหล่านั้น บางอันเป็นตู้ทรงกลม บางอันเป็นตู้ทรงเหลี่ยม บนลิ้นชักยังวาดรหัสอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ค้นหาวัสดุยาสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง “เหตุใดวัสดุยาจึงถูกจัดอย่างประณีตเพียงนี้ หรือว่าให้ความสำคัญในการจัดวางตามข้อแตกต่างของชนิดยา” ว่ามาแล้ว หลิ่วหม้านหยุนชักจะไม่เชื่อตระกูลโล่นี้แล้วว่าไร้ซึ่งแพทย์ผู้คับคุณภาพเลย “คุณสามี ท่านพ่อและท่านแม่ต่างก็เป็นแพทย์ผู้มีศักยภาพสูงใช่หรือไม่” “ภรรยา เจ้าเองก็ปอปั้นท่านพ่อกับท่านแม่มากเกินไปแล้ว” โล่กงยี่ส่ายหน้า กล่าว “ของเหล่านี้ ล้วนเป็นของที่ตกทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ก็ไม่รู้ว่าเป็นมรดกมาตั้งกี่รุ่นแล้ว” โล่กงยี่เห็นว่าหลิ่วหม้านหยุนมีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ จึงเอ่ยต่อ “บรรพบุรุษตระกูลโล่ เมื่อหลายร้อยปีก่อนมีแพทย์อายุรเวชคนหนึ่ง ก็คือปู่ทวดของทวดของทอดของทวดของทวดของทวด เขาชื่อโล่เทียนเย่า ได้ยินต่อๆ กันมาว่าเขาเป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิดของห้วาโถ เป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่ห้วาโถไม่ประกาศให้คนนอกรับรู้ โล่เทียนเย่าบรรพบุรุษครอบครัวข้าเริ่มอาชีพในหมู่บ้านหลิงเย่า แต่กลับไม่พอใจในหลิงเย่าหมู่บ้านเล็กๆ จึงย้ายถ่นฐานไปยังอำเภอหลิงเย่า ดังนั้นต้นตระกูลโล่จึงถือกำเนิดขึ้นในอำเภอหลิงเย่าในช่วงเวลานั้นเองโดยบรรพบุรุษโล่เทียนเย่าผู้รุ่งโรจน์ เขาอดิเรกยาดุจชีพ เช่นกันนั้น เขาเองก็รักสตรีดุจชีวัน สู่ขออนุมาแปดสิบกว่าเรือน อนิจจานั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมลูกหลานตระกูลโล่ในอำเภอหลิงเย่าจึงแพร่หลาย มีจำนวนเกินกว่าตระกูลโล่ของข้าไม่กี่ตระกูลในหมู่บ้านหลิ่งเย่าเสียอีก” “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” หลิ่วหม้านหยุนคิดไม่ถึง ตระกูลโล่ยังปรากฏบรรพบุรุษแรกเริ่ม ซ้ำขณะนั้นยังเป็นศิษย์คนสนิทที่ห้วาโถไม่เผยต่อสาธารณะอีกด้วย จนถึงขณะนี้หมาเฟ่ยซ่านหรือใดๆ ของห้วาโถ ล้วนยังไม่ถูกส่งต่อถึงคนรุ่นหลัง หลิ่วหม้านหยุนขบคิด ไม่แน่ว่าในมือของโล่กงยี่ก็อาจจะมีตำราแบบนี้ก็เป็นได้ อาจเพราะหลิ่วหม้านหยุนคิดเรื่อยเปื่อย ถ้าหากบอกว่าโล่กงยี่รู้จักหลิ่วหม้านหยุนจึงจะถูก โล่กงยี่จะต้องอ้าปากค้างแน่นอน โล่กงยี่มีเศษศากบางส่วนของ ที่หลงเหลืออยู่มาหลายต่อหลายชั่วอายุคนแล้วจริงๆ เสียด้วย เพียงแต่ยามนี้โล่กงยี่ยังไม่อาจให้หลิ่วหม้านหยุนรับรู้ได้ก็เท่านั้น “ใช่แล้ว คุณสามีท่านแสร้งเป็นวัณโรคปอด มันเกี่ยวข้องกับต้นบรรพบุรุษตระกูลโล่ในอำเภอหลิ่งเย่าใช่หรือไม่” หลิ่วหม้านหยุนหลักแหลมเป็นอย่างมาก เพียงครั้งเดียวก็ฉุกคิดถึงหัวใจหลักได้แล้ว เพียงแต่สตรีที่ฉลาดมากเกินไป จะเป็นภัยได้ไม่ช้าก็เร็ว สีหน้าของโล่กงยี่เคลือบเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเย็นชา “หลิ่วหม้านหยุน เจ้าจำใส่ใจให้ข้า สิ่งที่เจ้าไม่ควรถาม เจ้าอย่าได้เอ่ยถามเป็นอันขาด มิเช่นนั้นเจ้าจะได้รู้ผลที่ตามมาแน่” “สังหารข้าหรือ” หลิ่วหม้านหยุนมองเห็นแววเครื่องจักรสังหารทอดผ่านสายตาของโล่กงยี่จริงๆ เสียด้วย พูดตามจริง หลิ่วหม้านหยุนรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายสังหารรอบบริเวณจริงๆ ถ้าหากตนเองยั่วยุเขา เขาจะต้องฆ่าตนเองทิ้งเป็นแน่แท้ ข้อนี้หลิ่วหม้านหยุนไม่เคยสงสัยมาก่อน อย่างน้อย คนลึกลับคนนั้นก็ดุจเงาตามตัว หลิ่วหม้านหยุนก็สามารถรับรู้ได้ถึง “จำไว้แล้ว?” โล่กงยี่เอ่ยอย่างเยือกเน็น “ข้าจำได้แล้ว ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป” ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ ก็ไม่มีใครไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป หลิ่วหม้านหยุนไม่อยากตายอีกครั้งเสียหรอก หลิ่วหม้านหยุนในยามนี้ดูแล้วค่อนข้างน่ารำคาญ เพียงแต่ตอนที่นางฟังคำ ขอเพียงเป็นคนฟังคำ เช่นนั้นโล่กงยี่ก็มีความมั่นใจที่จะพร่ำสอนนางเป็นอย่างดี “คุณสามี ข้าต้องไปปลดทุกข์ ส้วมอยู่ที่ไหน” ก็ไม่รู้ว่าเมื่อรู่ทุกคนคีบเจียนปิ่งให้นางอย่างเต็มรัก นางกินมากเกินไป ดังนั้นท้องไส้จึงระรัวอยู่ตลอด “เดินตรงไปทางซ้าย ก็ถึงแล้ว” โล่กงยี่ช่างไร้คำจะพูด ช่วงเวลาวิกฤตเหตุใดจึงทำลายโซ่เชื่อมลงได้ คลังยานี้ เขายังไม่ได้พานางเดินไปทำความคุ้นเคยรอบๆ จนครบดีเลยนะ หลิ่วหม้านหยุนกุมหน้าท้องไว้ทรมานเกินทน นางเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ผู้ใดใช้ให้พ่อปู่แม่ย่าคีบเจียนปิ่งให้มากมายขนาดนั้นเล่า และโทษที่นางโลภกิน ฮืม... องครักษ์ลับเฉียนหลงร่อนลงมาจากคาน คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ท่าทางสุภาพระวังเป็นอย่างยิ่ง “นายน้อย ไฉนไม่ให้คนสนิทฆ่าผู้หญิงคนนั้นเสีย ผู้หญิงคนนี้อาจจะทำลายกิจการของนายน้อยเข้าสักวัน ถึงเวลานั้นแก้แค้นให้รัชทายาท ก็คงสูญเปล่า” “เฉียนหลง ตัวข้านี้ทำการใดยังต้องให้เจ้าสอนหรือ” โล่กงยี่ปรากฏแววเข่นฆ่าวะวาบ ดูเหมือนว่า เปลวไฟในส่วนลึกของดวงตาเขาจะสามารถเผาทำลายทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากอง “หา? ขออภัย พวกท่านคุยกันก่อน คุยกันก่อน ข้ากลับไป...” หลิ่วหม้านหยุนที่ไปจนกลับมาแล้วมองเห็นองครักษ์ลับที่สวมชุดดำมิดชิดคุกเข่าต่อหน้าโล่กงยี่อยู่ ท่าทางขององครักษ์ลับนั้นสุภาพระวังหาใดเปรียบ ก็ราวกับโล่กงยี่นั้นเป็นจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์ ตำแหน่งเป็นเกียรติ ไปทั้งชีวิต นายน้อย? หลิ่วหม้านหยุนอยากรู้อยากเห็นมาก คุณสามีที่ถูกลูกน้องเรียกขานว่า “นายน้อย” ตัวตนที่แท้จริงน่าจะเป็นเช่นไรกัน เห็นสายตาเย็นชาของพวกเขาสองคนจับจ้องมาที่ตนเอง หลิ่วหม้านหยุนก็เอ่ยอธิบายสุดกำลัง “ไม่ต้องสนใจเรื่องของข้า ข้าเดินตามที่คุณสามีบอก ตรงไปทางซ้าย แต่ข้าก็ยังหาไม่พบอยู่ดี ดังนั้นข้าจึงย้อนกลับมา ขออภัย เป็นความผิดของข้าเอง ข้าจะไปเดี๋ยวนี้...” “ไม่ทันแล้ว...” องครักษ์ลับเฉียนหลงยิ้มเยียบเย็น เอาดาบพาดเข้าที่ลำคอของหลิ่วหม้านหยุน เบนหน้ามองและเอ่ยกับโล่กงยี่ “นายน้อย ให้ข้าสังหารผู้หญิงคนนี้ทิ้งเถิด นางรู้มากเกินไปแล้ว” “อย่า...โล่กงยี่ ข้าไม่เอาไปพูดได้แน่ อีกอย่าง ข้าไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านในตอนนี้จริงๆ...” หลิ่วหม้านหยุนรู้ องครักษ์ลับเฉียนหลงจะฆ่านางหรือไม่ ยังต้องดูปฏิกิริยาของโล่กงยี่ ชัดเจนนัก เขาคือนายน้อย ลูกน้องของเขาต้องฟังเขาสิ “เจ้ากลัวตาย?” ส่วนลึกในดวงตาของโล่กงยี่เผยแววเหยียดเยาะหลายขนัด “กลัว กลัวอยู่แล้ว ข้าแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขชั่วนิรันดร์ ยึดอาชีพหมอช่วยชีวิตผู้คน ข้าไม่มีอะไรจะขอแล้ว” นางบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ หลายวันมานี้ โล่กงยี่ก็มองออกแล้ว บางครา ดูคนไม่ต้องใช้เวลาสามปีห้าปีสิบปี เพียงแค่ไม่กี่วัน มองดวงตาของนาง ก็รับรู้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นจริงหรือเท็จ คำพูดของคนอาจจะโกหกได้ แต่ดวงตาคู่หนึ่งของคน ก็ไม่อาจโกหกโล่กงยี่ได้ เนื่องจากคนผู้นั้นคือโล่กงยี่ ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ “เฉียนหลง เหตุใดเจ้าจึงไร้มารยาทกับฮูหยินน้อยของเจ้าเช่นนี้” โล่กงยี่กล่าวเสียงดุดัน ฮูหยินน้อย? พระเจ้า เขา...เฉียนหลงไม่ได้ฟังผิดกระมัง บางทีหากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงนางอื่น องครักษ์ลับเฉียนหลงอาจจะไม่ต้องรอความเห็นชอบหรือไม่จากนายน้อยเลยสักนิด อยากฆ่าก็ฆ่า แต่ยามนี้หลิ่วหม้านหยุนผู้นี้ เขาแตะต้องไม่ได้เสียแล้ว “ทำไม? เจ้านึกอยากจะหักหลังข้า?” โล่กงยี่เอ่ยซักไซ้ “ข้าน้อยไม่กล้า... องครักษ์ลับเฉียนหลงหันกายไปโค้งแก่หลิ่วหม้านหยุนอย่างลึกซึ้ง “ฮูหยินน้อย โปรดอภัยที่เมื่อครู่ข้าน้อยไร้มารยาท” “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” หลิ่วหม้านหยุนสูดลมหายใจหนึ่งเฮือก ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงคนหนึ่งเช่นนี้ เกล้าก้มพนมกราบต่อหน้าตนเอง บอกตามตรง นางไม่ค่อยตอบสนองเท่าใดนัก เมื่อเห็ฯว่าองครักษ์ลับชุดดำมิดชิดคนนั้นถอยออกไปแล้ว หลิ่วหม้านหยุนรู้ ถ้าหากโล่กงยี่นึกอยากสังหารตนเองทิ้ง ก็สามารถทำได้ตลอดเวลา ในวิกฤตยังมีโอกาส เป็นโล่กงยี่ที่ชีวิตนางเอาไว้ ลองนึกว่าโล่กงยี่ไม่ได้เอ่ยสักประโยค ปานนี้หลิ่วหม้านหยุนคงกลายเป็นวิญญาณภายใต้ดาบนั้นไปตั้งนานแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นอาจนำพาความตายมาให้ได้จริงๆ
已经是最新一章了
加载中