บทที่ 33 ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สุขก็สุขด้วยกัน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 33 ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สุขก็สุขด้วยกัน
บทที่ 33 ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สุขก็สุขด้วยกัน อย่างน้อยตอนนี้หลิ่วหม้านหยุนก็ไม่กล้าถามไล่เรียงโล่กงยี่อีก ตัวตนของเขาคืออะไรกันแน่ เหตุใดองครักษ์ลับจึงเรียกเขาว่าเป็นนายน้อยทำนองนี้ “ท้อง ไม่ปวดแล้ว?” น้ำเสียงของบุรุษเห็นได้ชัดว่าอ่อนโดยนขึ้นมาก เสมือนว่า เขาได้เปลี่ยนจากหมาป่าหางเทาตัวใหญ่กลายเป็นเพียงกระต่ายน้อยสีขาวขุ่นตัวหนึ่ง “ไม่เจ็บแล้ว” หลิ่วหม้านหยุ่นยังจะกล้าเจ็บอีกเสียที่ไหน เมื่อครู่ขวัญเสียขนาดนั้น น้ำดีล้วนกระฉูดออกมา “เช่นนั้นพวกเราเริ่มกันเถิด” โล่กงยี่เหมือนคนไม่มีธุระ แนะนำตู้ยาเหล่านั้นให้แก่หลิ่วหม้านหยุน ประเภทใดที่วางไว้สำหรับพืชสมุนไพร ประเภทใดที่วางไว้สำหรับยาไขมันสัตว์ และประเภทใดที่วางไว้จำพวกสมุนไพรหินทอง วัสดุยาเกือบทุกชนิดแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ซึ่งค่อนข้างชัดเจน ก็แม้แต่หลิ่วหม้านหยุนเองก็ยังอดชมเชยไม่ได้ อีกประการ หลิ่วหม้านหยุนค้นพบว่ามีตู้ยาแบบโต๊ะทรงกลมที่สามารถหมุนได้อีกประเภทหนึ่ง ขอเพียงเอาไขควงผลักไปจนระดับหนึ่ง ไม่นาน ยาที่พิงอยู่ในระดับนี้ก็จะถูกแยกออกมาโดยอัตโนมัติ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ก่อนหน้าโล่กงยี่ได้เคยอธิบายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังคงเป็นโล่เทียนเย่าบรรพบุรุษตระกูลโล่ที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้น การตกผลึกภูมิปัญญาของคนสมัยโบราณ อยู่ไกลเกินเอื้อมในยุคปัจจุบัน ข้อนี้ หลิ่วหม้านหยุนได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้งฝนวิชาชีกแพทย์ ณ ชาติปางก่อน ก่อนหน้าและภายหลัง หลิ่วหม้านหยุนแทบจะมาเยี่ยมเยียนแล้วทุกที่ “ต่อจากนี้ เจ้าสามารถมาสถานที่แห่งนี้ได้ทุกเมื่อ” โล่กงยี่กล่าวต่อไป “ในเมื่อท่านแม่มอบกุญแจให้แก่เจ้า นั่นหมายความว่ายอมรับเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโล่แล้ว ดังนั้นข้าจะไม่อาจทนยอมให้เจ้าทำเรื่องไม่ดีต่อตระกูลโล่ได้แน่ รวมถึง ความลับของข้า ถ้าหากวันหน้าเวลาถูกต้อง และเจ้าสามารถฟังคำของข้าได้เพียงพอ ให้ความร่วมมือกับข้าได้แล้วล่ะก็ ถึงเวลานั้นข้าจะบอกเจ้าเอง...” “ทราบ คุณสามีวางใจเถิด ข้าเองก็ไม่อาจทำสิ่งไม่ดีต่อตระกูลโล่ได้ และยิ่งไม่อาจก่อเรื่องทำร้ายท่านได้แน่” หลิ่วหม้านหยุนมองยังดวงตาของโล่กงยี่ “ท่านและข้าเป็นสามีภรรยา ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สุขก็สุขด้วยกัน มิใช่หรือ” “ตระหนักไม่เลว เจ้านั้นถูกต้องยิ่ง” โล่กงยี่พยักหน้า ในใจขบคิดไม่หยุด ถ้าหากว่าหลิ่วหม้านหยุนฟังคำเช่นนั้นต่อไปเรื่อยๆ ล่ะก็ ไม่แน่ว่าเขาจะเอา ที่หลงเหลืออยู่มองให้นางก็ได้ ให้นางได้ศึกษาวิจัย อย่างไรเสียของสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งสืบทอดต่อกันมาของตระกูลโล่ แต่โล่กงยี่ผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านทักษะการแพทย์ เก็บไว้กับตัว ก็จะเป็นสิ่งรุนแรงในหล้าก็เป็นได้ มองสายมาดมั่นของหลิ่วหม้านหยุนผู้เป็นภรรยา โล่กงยี่เกือบจะมอบ ที่เขามีทั้งหมดให้แก่นางแล้วจริงๆ ชั่วขณะนั้น โล่กงยี่ก็ถอนเก็บหัวใจของตนเอง เพิ่มหัวใจแห่งความตื่นตัว เขาได้เตรียมการมาสิบกว่าปี เขาไม่อาจให้สตรีตัวเล็กๆ อย่างหลิ่วหม้านหยุนผู้นี้มาเปลี่ยนแปลงแผนการของเขาได้ งานแก้แค้นหลักยังไม่เป็นความจริง โล่กงยี่ก็ไม่อาจผ่อนคลายได้ในแต่ละวัน “คุณสามี ท่านเป็นอะไรไป” ท่าทางของโล่กงยี่ในเวลานี้ซับซ้อน ในมุมมองของหลิ่วหม้านหยุน เขาไม่อาจคิดร้ายอะไรต่อตนเองได้อีกแล้วกระมัง ลองนึกภาพว่าบางครั้งเขาข่มขู่ตัวเอง แต่กลับไม่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อน หลิ่วหม้านหยุนรู้ว่าตัวเองก็ขบคิดมากไปแค่ไหน “ไม่มีอะไร” โล่กงยี่กล่าว “ข้าดมกลิ่นยาวิเศษไม่คุ้น และควรจะกลับห้องไปอ่านหนังสือได้แล้ว เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวไปเถิด ทำความคุ้นเคยไป” ส่งเขาจากไปจนลับตา หลิ่วหม้านหยุนอยู่ท่ามกลางวุสดุยา นางรู้สึกว่าพลังงานและจิตวิญญาณของนางเพิ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้จึงจะเป็นความพิเศษของนาง คราวนี้จึงเป็นสถานที่สำหรับนาง ความรู้สึกเช่นนั้น ก็เหมือนกับผงฝุ่นที่ปกคลุมความสดใสของไข่มุก ยามนี้ผงฝุ่นถูกลมเอื่อยๆ พัดออกไป ชั่วขณะนั้นไข่มุกเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายแวววาว แยงตาผู้คน “ที่แท้ก็มีนอแรดที่รักษาอาการเลือดตกในเด็กด้วย ซ้ำยังมีวุ้นเหลืองอัดแข็งที่ใช้รักษาการเจ็บปวดของไขข้ออักเสบก็อยู่ที่นี่ แมลงปีกแข็งสีน้ำตาลที่รักษาหลอดลมอุดตันอยู่ด้านในตู้ทรงกลม...” ถ้าหากไม่สังเกตดูอย่าพินิจ หลิ่วหม้านหยุนนึกไม่ถึงเลยเสียด้วยซ้ำว่าโล่เทียนเย่า บรรพบุรุษของตระกูลโล่ เขาจะนำเอายาสมุนไพรจัดแบ่งออกตามหมวดหมู่ โดยยึดหมวดใบหญ้า ไม้ ดิน ไฟ ดินหุบเขา ผลไม้ เกล็ด สัตว์ป่า สัตว์ปีก แมลง เปลือก ผัก ของเหลว มนุษย์และหินทอง สิบห้าหมวดหมู่นี้ ผู้ที่คุ้นเคยกับแพทย์แผนจีนย่อมรู้ดี มักปรากฏอยู่บ่อยครั้งใน ดูท่าแล้ว โล่เทียนเย่า บรรพบุรุษตระกูลโล่เองก็เป็นหนึ่งในผู้คุ้นเคยที่อ่านบทสรุปของ ข้อนี้ หลิ่วหม้านหยุนรู้สึกว่าค่อนข้างคล้ายคลึงกับตนเอง หลิ่วหม้านหยุนในชาตินี้ ดูเหมือนว่าจะเกิดมาเพื่อการยา ไม่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม นางก็ได้เก็บรายละเอียดรายการยาทั้งหมดที่จัดวางอยู่ในคลังยาของตระกูลโล่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่ต้องพึ่งพาสารบัญพจนานุกรมใดๆ ก็สามารถค้นหาตัวยาแต่ละชนิดออกมาได้อย่างแม่นยำไร้ข้อผิดพลาดได้แล้ว แม้นว่าโล่กงยี่รู้ว่านางเป็นเช่นนี้ ไม่แน่ว่าจะประหลาดอีกมากเท่าใดเชียวแหละ ง่วนอยู่กับตัวยา ความสุขดำเนินไปไม่รู้วันเวลา ไม่นานก็ถึงเวลาทานอาหารแล้ว โล่ยี่เหลียนผลัดอาภรณ์เดินเข้ามา กล่าวกับหลิ่วหม้านหยุน “พี่สะใภ้ ท่านแม่ตะโกนเรียกท่านทานข้าวแล้ว รีบไปทานข้าวกันเถิด พี่ใหญ่กินไปก่อนเรียบร้อยแล้วนั่น” โล่กงยี่คนนี้ ไม่มีกะใจเลยจริงๆ ทานข้าวก็ไม่รอตนเอง? นึกถึงข้อนี้ บนใบหน้าของหลิ่วหม้านหยุนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ยี่เหลียน เจ้าไปก่อนเถิด ข้ายังอยากดูอีกสักหน่อย แค่เวลาครึ่งน้ำชาเท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว” “พี่สะใภ้ คิดไม่ถึงว่าท่านจะอดิเรกการยาดุจชีพเยี่ยงนี้ เอาเถิด ก็ตามที่ท่านว่านั่นแหละ แค่เวลาครึ่งน้ำชาเท่านั้นนะ” โล่ยี่เหลียนวิ่งส่ายบั้นท้ายออกไป หลังจากเวลาครึ่งน้ำชา หลิ่วหม้านหยุนถึงห้องอาหารตามนัด ทานข้าวพร้อมกันกับทุกคน เนื่องจากหลิ่วหม้านหยุนหมกตัวอยู่ด้านในคลังยาตลอดช่วงเช้า ดังนั้นเวลาอาหารเที่ยง ก็ส่งมอบให้แก่เฉินซื่อและโล่ยี่เหลียนเป็นผู้จัดการ แม่ย่าและน้องสามีของบ้านอื่น ในส่วนของการเข้าครัว หากสามารถผลัดความรับผิดชอบได้ ก็ผลัดกันสุดกำลัง ทว่าตระกูลโล่ไม่เหมือนกัน พวกนางล้วนแย่งชิงกันไปทำอาหาร เพื่อต้องการให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงฝีมือปลายจวักอันเลิศรสของตนเอง “อืม ย่างมะเขือแดงไม่เลวเลย เข้าปากมาก” หลิ่วหม้านหยุนชิมหนึ่งคำ “ไม่เลวกระมัง พี่สะใภ้ ข้าเป็นคนลงมือทำเองเชียว” ใบหน้าอวบอูมเล็กๆ ของโล่ยี่เหลียนแย้มรอยยิ้มหวาน “ที่แท้ก๋เป็นยี่เหลียนทำนี่เอง มิน่าเล่าจึงได้รสโอชาขนาดนี้เชียว” หลิ่วหม้านหยุนยิ้ม ซ้ำยังยักคิ้วให้แก่โล่ยี่เหลียนอีก ทำเอาโล่ยี่เหลียนภาคภูมิใจเสียจนลูบหน้าอกของตัวเอง “ใช่ไหม พี่สะใภ้ ข้าบอกแล้วว่าอร่อย ท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วก็พี่ใหญ่ล้วนยังไม่ยอมรับน่ะซี่” “ไม่มีนี่ พี่สาว ข้ายอมรับว่าอาหารที่ท่านทำนั้นอร่อยมากนะ ทำไมท่านไม่พูดถึงข้าบ้าง” เสี่ยวหมิงถางมีท่าทีเง้างอด แทบจะทำเอาคนบนโต๊ะอาหารสนุกสนานครื้นเครง เพียงแต่ หัวคิ้วของโล่เหวินเฟิงจู่ๆ ก็มุ่นขึ้น “กินข้าว ยามบ่ายข้าต้องรีบไปรับสมุนไพรยาที่อำเภอซ่วยเย่ว ระยะนี้ ก็ง่วนกับเรื่องงานแต่งของกงยี่ ข้าเองก็สละไปไม่น้อย ตอนนี้ขาแข้งของข้าฮึดฮัดแล้ว สบกับก่อนหน้าวันที่สิบห้าเดือนนี้ จะไปรับยาที่สั่งไว้ทั้งหมด และลำเลียงส่งไปยังอำเภอหลิงเย่า...” “เพียงแต่...” โล่เหวินเฟิงกล่าวจบ ก็มองทางทุกคนอย่างจนปัญญา “เพียงแต่อำเภอซ่วยเย่ว ไปกลับต้องใช้เวลาสามวัน ไปอำเภอป๋ายหยุนก็สายเกิน ข้ามิอาจทำทั้งสองทางได้...” เฉินซื่อรู้ดี ถ้าหากโล่เหวินเฟิงไม่สามารถรวบรวมตัวยาในอำเภอซ่วยเย่วและอำเภอป๋ายหยุนทั้งสองอำเภอได้ เกรงก็แต่ว่าต้นตระกูลโล่เดิมในอำเภอหลิงเย่าจะต้องฉวยโอกาสนี้มากดขี่อีกเป็นแน่ ถึงตอนนั้น วันเวลานั้นก็จะลำบากอีกแล้วแน่ๆ... “ท่านพ่อ ท่านแม่ อย่างไรก็ให้ข้าไปอำเภอป๋ายหยุนสักตั้งเถิด”
已经是最新一章了
加载中