บทที่ 39 ดาวนำโชคของตระกูลโล่   1/    
已经是第一章了
บทที่ 39 ดาวนำโชคของตระกูลโล่
บทที่ 39 ดาวนำโชคของตระกูลโล่ เสียงต่างๆ นานาลอยกระทบเข้ามา หูของหลิ่วหม้านหยุนผุจรังไหมขึ้นมาหมดแล้ว นางหาทางระบายออกไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องโล่กงยี่อย่างดุดันแวบหนึ่ง โล่กงยี่กลับมีท่าทีไร้เดียงสาสุดกำลัง “ภรรยา ไม่ใช่เรื่องของสามี ปากยื่นก็อยู่บนร่างกายของพวกนางเอง” “ผู้ใดเรียกท่านตามมากัน” หลิ่วหม้านหยุนรู่แล้ว ตนเองถูกหมายหัวอีกครั้งแล้ว “น้องหม้านหยุน นี่ก็ไม่ใช่ว่าพี่ชิวซิ่งว่าให้เจ้าหรอก ถึงแม้เจ้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ข้ายังต้องว่าเจ้า อย่างไรเสียสามีของเจ้าก็เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ ไฉนเจ้าจึงปล่อยให้เขาทำเรื่องเช่นนี้กันเล่า” ชิวซิ่งมองหลิ่วหม้านหยุนอย่างจนปัญญาสุดกำลังแวบหนึ่ง “เจ้าควรจะประคบประหงมคุณสามีของเจ้าให้ดี” “ไม่จริงหรือ ชิวซิ่งว่ามาก็ถูก คุณสามีก็มีไว้เพื่อดูแลประหงมแหละ น้องหม้านหยุน เจ้านึกอยากให้คุณสามีประคบเอาใจเจ้าอย่างดียามกลางคืน กลางวันเจ้าก็เป็นตาเจ้าต้องดูแลคุณสามีให้ดี นี่ก็คือหลักการ รู้หรือไม่” ผู้ที่พูดประโยคนี้ก็คือเซวฟาง ยามปกตินางตามชิวซิ่งอย่างกับอะไรดี ชิวซิ่งซักอาภรณือยู่ที่ใด นางก็อยู่ที่นั่น ทั้งสองเหมือนเงาตามตัวอย่างไรอย่างนั้น ผู้ใดก็แบ่งแยกไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องผ่านเรื่องของผู้คน สองคนนี้พูดจาหยาบโลนขึ้นมา ไม่ได้คลุมเครือได้แม้สักนิด หลิ่วหม้านหยุนเองก็หยัดหลังตรง “ดีร้ายพี่เซวฟางและพี่ชิวซิ่งพวกท่านทั้งสองคนล้วนถูกคุฯสามีประหงมจนอิ่มทั้งคืนแล้ว ดังนั้นจึงมาเย้ยหยันข้าปานนี้ ใช่กระมัง” น้ำคำของหลิ่วหม้านหยุนเองก็เถรตรงและแจ่มแจ้งเกินไป กรีดแทงจนเซวฟางและชิวซิ่งต่างฝ่ายต่างสบตากัน หัวเราะเยาะระลอกหนึ่ง บนโขดหินด้านซ้ายมือนั้นไม่รู้ว่าแม่บ้านของเรือนไหน โยนระเบิดไฟตูมบะเริ้มมาใส่หลิ่วหม้านหยุนทางนี้ “ฟังคำพูดของน้องหม้านหยุนดังนี้ ดูท่าว่าคุณสามีโล่กงยี่ของเจ้าตอนกลางคืนจะไม่ได้ประหงมเจ้าจนอิ่ม ฮ่าๆๆๆ” ในขณะนั้น เหล่าสะใภ้แม่นางน้อยทั่วทั้งริมฝั่งต่างพากันหัวเราะขึ้นมา หลิ่วหม้านหยุนยิ่งรู้สึกว่าตนเองไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน กอดขันอาบน้ำไว้ และหมายจะวิ่งหนีไปอีก โล่กงยี่กลับยังคงไอค่อกๆ แค่กๆ อยู่ด้านข้าง ทำเอาหลิ่วหม้านหยุนไม่กล้าจะวิ่งไปลำพัง ถึงแม้จะบอกว่าโล่กงยี่แสร้งเป็นวัณโรคปอดก็ตามเถอะ นั่นมันคือฉากละคร แต่ว่าดีร้าน ละครยังต้องแสดงไปอย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้ชมมองออกถึงความเสแสร้งเอาได้ ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วหลิ่วหม้านหยุนยังคงพยุงโล่กงยี่เอาไว้ ทั้งสองคนเดินกะโผลกกะเผลกกลับไปทางเรือนตระกูลโล่หลังใหญ่ “ฮ่าๆๆๆๆ ก็ช่างน่าขันจริงๆ แต่ว่าก็ดูออก โล่กงยี่แห่งตระกูลโล่และน้องหม้านหยุนยังคงรักใคร่กันมากเชียวนะ” แม่บ้านปากยื่นเห็นว่าสองสามีภรรยาไม่อยู่ ก็ยิ่งพูดกันอย่างสนุกปากสนุกคอขึ้น “ก็ใช่น่ะสิ ก่อนหน้านี้ตอนที่โล่กงยี่ตระกูลโล่ปางตาย ก็ได้แต่งเอาหลิ่วหม้านหยุนแห่งตระกูลหลิ่วเข้ามาแหนะ ปัจจุบันนี้หากโล่กงยี่ดีขึ้น น้องหม้านหยุนก็ต้องเป็นถึงดวงดาวนำโชคเชียวนะ” “อื้อๆ หลิ่วหม้านหยุนผู้นี้ยังรู้การแพทย์อีกด้วย ใครจะรู้จากนี้ไปนางอาจจะเป็นผู้ให้การรักษาคุณสามีจนหายดีด้วยตัวนางเองก็เป็นได้ ก็ไม่แน่นี่นา” พี่ชิวซิ่งเอ่ยคำ ครั้นนึกถึงทักษาะการแพทย์ของหลิ่วหม้านหยุน นางก็เชื่อถืออย่างลึกซึ้ง ชีวิตนี้ของนี้ก็ได้หลิ่วหม้านหยุนให้การรักษานี่แหละ ยามที่ใกล้จะไปถึงลานกว้างของตระกูลโล่ โล่กงยี่ก็พ่นลมหายใจร้อนผ่าวๆ ใส่ใบหูของหลิ่วหม้านหยุน “ภรรยา เจ้าก็ได้ยินแล้ว พวกนางก็พูดเองแล้ว เจ้าเป็นภรรยา จะต้องประหงมสามีให้ดีนา เป็นอย่างไร ตอนนี้เจ้ามาประคบประหงมคุณสามีเสียเถิด” “เลอะเทอะให้น้อยลงหน่อย” ฉวยเอาตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่ใกล้ๆ หลิ่วหม้านหยุนก็กระทืบเท้าโล่กงยี่เต็มรักหนึ่งที “โอ้ยย” โล่กงยี่ร้องเจ็บปวด มองหลิ่วหม้านหยุนอย่างขุ่นเคือง “หลิ่วหม้านหยุน เจ้านึกอยากฆ่าสามีตัวเองเชียวหรือ” “ยังไม่พอนะ ข้ายังอยากวางยาพิษท่านให้ตายด้วย แตะพิษท่าน ให้ท่านพูดอีกทีหนึ่ง” เวลาเพียงครู่หนึ่ง นัยน์ตาของหลิ่วหม้านหยุนเปล่งประกายราวกับอยากเอาพิษพีซวงที่ตนเองเคยกินเข้าไปให้เขากินขึ้นมาจริงๆ แต่คิดๆ ดูอีกที โล่กงยี่นอกจากจนปัญญาและเลอะเลือนแล้ว ก็ไม่ได้รังเกียจขนาดนั้น เพียงแต่หากโล่กงยี่ผิดสามัญขึ้นมา ท่าทีเคร่งขรึมปนแววสังหาร ก็ช่างทำให้ใจคนแป้วยิ่งนัก ชายหนุ่มผู้นี้ หลิ่วหม้านหยุนคิด เกรงแต่ว่าตนเองจำต้องใช้เวลามากมายจำนวนมหาศาลมาทำความเข้าใจมุมมองต่อโลกและชีวิตมนุษย์ของเขา “กงยี่ หยุนเอ๋อ พวกเจ้ารีบมากินข้าวเร็วเข้า กินเสร็จแล้ว ประจวบกับอากาศดี มาช่วยตากตัวยาสมุนไพรด้วยกัน ปลิดใบอ่อนไว้ดีๆ รวบรวมไปไว้ด้านในคลังยา รออีกสักสองสามวัน ก็สามารถลากไปส่งที่อำเภอเย่าเซียงด้วยกันได้แล้ว ส่งมอบให้ยังต้นตระกูลโล่” โล่เหวินเฟิงนั่งยองๆ คดข้าวข้าวไปพลาง และพูดกับสองสามีภรรยาไปพลาง หากไม่ใช่เห็นว่าอาการโรคของโล่กงยี่ค่อนข้างสงบลงแล้ว โล่เหวินเฟิงคงทำใจให้บุตรชายทำเรื่องเหล่านี้ไม่ได้หรอก เพียงแต่ โล่เหวินเฟิงฟังคำท่านหมอ คนที่ป่วยเรื่องรังจำเป็นต้องออกกำลังกาย อาบแดด จึงจะมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง ทฤษฎีข้อนี้ หลิ่วหม้านหยุนเองก็รู้ดี ตำบลป๋ายหยุนและซ่วยเยว่ ตัวยาสมุนไพรเต็มสองรถเชียวนะ โล่เหวินเฟิงฉวยเอามือเท้าคล่องแคล่วของตนเอง ลากเอาทั้งสองคันรถออกมาทั้งหมด เห็นอิริยาบถใช้กำลังของบิดา โล่กงยี่มีความปรารถนาจะปรี่เข้าไปช่วยเสียเต็มประดา แต่รู้ดี ตนเองไปทั้งอย่างนี้ จะไม่เป็นการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตนเองไม่ได้ป่วย? ถึงตอนนั้น เขาจะบรรลุแผนการที่อยู่ในหัวสมองให้เป็นจริง? “ท่านพ่อ ให้ข้าช่วยท่านเถิด” หลิ่วหม้านหยุนมองโล่กงยี่แวบเดียวก็ทะลุถึงความนึกคิดของเขา จึงเป็นฝ่ายเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของพ่อสามี โบกมือแขนเป็นพัลวัน “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้เป็นโรค ข้ามีเรี่ยวแรง” ความหมายที่ลูกสะใภ้หม้านหยุนว่ามานั้น สามีของนางป่วยแล้ว แต่ว่านางก็สามารถมาทำแทนสามีได้ โล่เหวินเฟิงได้ยินแล้วก็ยินดีปรีดานัก โบกมือ “ลูกสะใภ้ เจ้าไปดูแลสามีเจ้าให้ดีเถิด อีกอย่าง สิ่งของเหล่านี้อย่าว่าไปไม่น้อยกว่าหลายร้อยกรัม รอให้ข้าลากเข้ามา พวกเจ้าต้องทบทวนงาน จัดแยกตามหมวดหมู่ตัวยาชั้นดี ชั้นกลาง ชั้นล่างและมีข้อบกพร่องให้ดี และแยกระบบวางตามแผงคลังยาจึงจะเสร็จสิ้น” “พี่ใหญ่โล่ ให้ข้าช่วยท่านเถิด” เสียงเจือหัวเราะดังลอยมาจากด้านนอกประตู คือพี่น้องฉุต้าเจียงที่อยู่ถัดไปนั่นเอง หลิ่วหม้านหยุนเห็นว่าฉูต้าเจียงคนนั้นอายุไม่น้อยไปกว่าพ่อสามีมากเท่าใดนัก ท่าทีดั่งสี่สิบต้นๆ มีลักษณะท่าทางบึกบึนและจริงใจ น้ำเสียงทั้งสดใสและคมชัด “น้องชายฉู เกรงใจอะไรเพียงนี้ แต่ว่าเจ้าต้องช่วยงานจนเสร็จสิ้นนะ รอจนยุ่งงานเสร็จแล้ว อาหารเที่ยง ข้าจะบอกให้แม่เด็กๆ ไปต้มเหล้านารีแดงชั้นดี และให้ลูกสะใภ้ข้าไปผัดอาหารรสเด็ดมาสักสามสี่อย่าง ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องชายฉูชมชอบ” โล่เหวินเฟิงเดินเข้าไป ใช้แรงผลักหัวไหล่ของฉูต้าเจียง ทั้งสองคนให้ความรู้สึกต่อหลิ่วหม้านหยุยนราวกับว่าพวกเขาผลัดพรากไม่ได้เห็นกันเป็นสิบปีกว่าอย่างไรอย่างนั้น แต่ความรู้สึกระหว่างบุรุษ เป็นอะไรที่หลิ่วหม้านหยุนสตรีตัวเล็กๆ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงทั้งนั้น หากแม้นคิดถึงล่ะก็ หลิ่วหม้านหยุนในอดีตชาติเองก็คงไม่อาจประสบกับการแต่งงานที่ล้มเหลวอย่างสุดขีดได้หรอก ฉูต้าเจียงมีรูปร่างบึกบึน ทั้งกายอบอวลด้วยกลิ่นอายป่าเถื่อน หลายปีมานี้ก็ตามติดดล่เหวินเฟิงทำกิจการยาสมุนไพรไม่น้อย ดังนั้นวันเวลานี้ก็ผ่านมาอย่างมีสีสัน มองยังลุงฉูและพ่อสามีเริ่มต้นลากตัวยาสมุนไพรเข้ามาอย่างชำนิชำนาญ ก็หมุนกระหม่อมมองไปยังพื้น ถัดไป ก็คือช่วงเวลาแห่งการคัดสรร โล่เป่าจูคือน้องสาวแท้ๆ ของแท้เหวินเฟิง สิบปีก่อนนางออกเรือนไปกับเถ้าแก่ตระกูลโม่แห่งหมู่บ้านผ้าไหมทอ ดำเนินชีวิตอย่างหรูหราร่ำรวย บางครั้งคราก็ฉวยเอายามว่างมาแวะเวียนโล่เหวินเฟิงบ้าง ครานี้ วันนี้โล่เป่าจูก็มายังเรือนตระกูลโม่ เฉินซื่อมองเห็นน้องสะใภ้ผู้นี้ ก็ยิ้มจนปากฉีก “ท่านอากงยี่ เจ้ามารึ” “ใช่สิ ข้าคาดคะเนว่าพี่ใหญ่น่าจะคัดเลือกตัวยาอยู่ ดังนั้นข้าจึงมาช่วยเหลือ” ยามที่โล่เป่าจูยังไม่ออกเรือนนั้น ก็เป็นผู้มีไมตรีจิตอยู่แล้ว ดึงมือของเฉินซื่อเอาไว้พลางเอ่ยคำสองสามประโยค เฉินซื่อก็กล่าวเยินยอสตรีนางนี้ผู้แต่งเข้าบ้านตระกูลโล่ ว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้อยคำนี้ ท่านอาแห่งตระกูลนี้ได้ยินเข้าก็อิ่มเอมอย่างยิ่ง โล่เป่าจูเดินเข้ามาทางหลิ่วหม้านหยุน “หยุนเอ๋อ ร่างกายของกงยี่ของพวกเรา ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เจ้าดูเถิด หลังจากเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว ร่างกายของกงยี่ก้ดีขึนมากโข เจ้าคือดาวนำโชคของตระกูลโล่ของพวกเรา!”
已经是最新一章了
加载中