บทที่ 251 ใส่ความว่าร้าย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 251 ใส่ความว่าร้าย
บทที่ 251 ใส่ความว่าร้าย ธวัชเหยียดยิ้ม ก่อนจะโอบไหล่นักแสดงสาวลูกครึ่งเข้าอาคารของช่องบลูไลท์ไป ที่ผ่านมาข้างกายของจิรภาสไม่เคยมีผู้หญิงมาก่อน ผู้คนต่างอยากรู้เรื่องความชอบของเขา แต่เพราะสถานภาพทางสังคมของเขา ทำให้ไม่มีใครกล้าเขียนส่งๆ เพียงแต่พอได้ยินธวัชพูดเช่นนี้ นักข่าวก็เริ่มเดากันไม่หยุด หรือว่าประธานบริษัทเค.เอฟจะชอบผู้ชายกัน เมื่อเทียบกับธวัชที่เปลี่ยนแฟนสาวไปมากหน้าหลายตา เรื่องแบบนี้ของจิรภาสนั้นแทบจะไม่มีเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีเค้า ไม่มีหลักฐานว่าเขาได้ติดต่อกับผู้หญิงคนไหนเลย ถึงแม้ช่วงนี้เขาจะทำหน้าที่เป็นนายหน้าของจิดาภา แต่...การสัมภาษณ์ของธวัชทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึก เหมือนว่าเขากำลังใช้จิดาภาเป็นเกราะกำบัง เพื่อซ่อนความจริงบางอย่าง เกือบชั่วข้ามคืน ข่าวลือที่ว่าประธานของเค.เอฟจะเป็นชายรักชายถูกกระจายไปทั่วทุกวง แต่ไม่มีใครกล้าถามคนจากเค.เอฟเลยแม้แต่คน “ไม่มีทาง เขาเป็น... เกย์หรือ” “ไม่แน่ พวกเขาชอบบอกว่าคนแบบนี้มักจะพิเศษกว่าคนภายนอก บางทีการที่เขาทำตัวต่ำต้อยอาจเป็นเพราะต้องการรักษาความลับและคนรักของเขาเอาไว้” “แต่เขาเป็นคู่จิ้นกับจิดาภาไม่ใช่หรือ” “ก็แค่การโฆษณา วงการบันเทิงบัญญัติได้ด้วยคำสองคำหรือ” “ฉันรู้สึกว่าธวัชจงใจสร้างข่าวลือ บางทีเขาอาจจะแต่งงานแล้วก็ได้ จึงไม่อยากให้เปิดเผยชีวิตส่วนตัวของตัวเอง ผู้ชายทุกคนนี่มันเป็นคนเจ้าชู้กันไปหมดแล้วหรือ” “หากจิรภาสแต่งงานแล้วจริงๆ ก็ไม่สมควรมาเป็นคู่จิ้นกับจิดาภาไหม นี่มันไม่ใช่กำลังแหกตาทุกคนอยู่หรือ” ข่าวนี้เป็นเพียงเรื่องไร้สาระจากเว็บไซต์ของสื่อเล็กๆ เท่านั้น ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่นั่นก็สร้างความสงสัยให้กับทุกๆ คน จนมันดังไปถึงเค.เอฟในที่สุด หลังจากที่จิดาภาได้ดูข่าวบันเทิงในวันนี้ ก็หันมากล่าวกับจิรภาส “ตอนบ่ายฉันไปดูเสื้อผ้าฤดูกาลใหม่กับพี่นัฎนะคะ คุณไปด้วยกันไหม” “ผมยังมีเอกสารให้ต้องจัดการ” จิรภาสลูบมือของเธออย่างอ่อนโยน “พวกคุณไปกันเถอะ เลือกตัวที่คุณชอบมา” กล่าวจบ จิรภาสก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือ แต่จิดาภาก็ยังคงไม่วางใจ บอกเลื่อนนัดของพี่นัฎไป ชงกาแฟและเดินเข้าไปในห้องหนังสือ พร้อมกับช่วยจิรภาสจัดเอกสารไปด้วย “ทำไมยังไม่ไปอีก” จิรภาสวางปากกาลง และมองจิดาภาอย่างสงสัย จิดาภาเดินเข้าไปและล้มตัวลงไปในอ้อมกอดของเขา “ฉันเห็นที่พวกเขาใส่ร้ายคุณแล้วฉันโมโหมากเลยค่ะ มันไม่มีวิธีจัดการเลยหรือคะ” หากให้เธอออกนอกหน้าอธิบายแทน ก็คงถูกเข้าใจผิดว่ากำลังแก้ต่างให้กับจิรภาสแทน จิรภาสมองเธอ และกล่าวอย่างเรียบๆ “หยดน้ำของพวกเขาไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรเลย ผมได้ติดต่อกับตระกูลพุกรัตน์แล้ว บอกให้พ่อของเขาช่วยสั่งสอนเขาเสียบ้าง หากให้ผมลงมือสั่งสอนเอง ก็คงจะจบลงแบบไม่ดี” “คุณรู้จักกับพ่อของธวัชหรือคะ” “ธุรกิจมันมีขึ้นมีลง อย่างไรวงการนี้มันก็ต้องกว้างขวางอยู่แล้ว” ถึงแม้ทั้งสองจะมีสถานะเป็นคู่แข่ง แต่ก็ยังคงต้องไปไว้หน้าซึ่งกันและกัน การกระทำของธวัชในครั้งนี้ จิรภาสยังคงเห็นแก่หน้าของผู้นำคนก่อนของตระกูลพุกรัตน์อยู่ หากยังก่อเรื่องอีก... ก็รอรับผลของการกระทำของตัวเองด้วย จิดาภาไม่คิดว่าเค.เอฟและช่องบลูไลท์ยังมีความสัมพันธ์ในเชิงนี้ด้วย “แล้วตระกูลพุกรัตน์ตอบกลับมาอย่างไรคะ” “พวกเขาเสนอวิธีปรองดอง ด้วยการเชิญพวกเราไปงานเลี้ยงภาคค่ำ” จิรภาสหยิบบัตรเชิญที่เพิ่งจะถูกส่งขึ้นมา “ตอนนั้นพ่อของเขาและลุงของผมก็จะไปร่วมด้วยเช่นกัน” “ลุงหรือคะ” จิดาภาเอียงหน้าถามอย่างสงสัย “เช่นนั้นฉันต้องไปหรือไม่คะ” เพราะจิรภาสพูดไว้ชัดแล้วว่า พวกเรา “อือ ในไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องพบกันอยู่ดี และความสัมพันธ์ของพวกเราก็ยังไม่ได้ถูกประกาศออกไปด้วย จึงต้องไปในฐานะเพื่อนร่วมงานของผม” จิรภาสมองออกว่าจิดาภากำลังกังวล จึงเอ่ยอย่างอ่อนโยน “เช่นนั้นคุณจะไม่ได้เห็นมันด้วยตาของตัวเอง แล้วอย่างนั้นจะไปวางใจได้อย่างไร” จิดาภาส่ายหน้า “ฉันไม่ได้กลัวที่จะออกงานในฐานะเพื่อนของคุณหรอกค่ะ แค่รู้สึกว่าวิธีปรองดองนี้ มันเป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากกว่า” หากเป็นเรื่องของคนอื่น จิดาภาก็คงจะไม่สนใจ แต่เป็นเพราะมีคนกำลังทำลายชื่อเสียงของจิรภาส ดังนั้นเธอจึงทดมันไว้ในใจ “นี่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงของผม เป็นการลงมือที่เร็วเกินไปจริงๆ” จิรภาสยิ้มอย่างมีเลศนัย ดวงตาคมที่ล้ำลึกทอประกายเย็นชา จิดาภาโอบรอบคอของเขาพร้อมยิ้มบางๆ “คุณพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจค่ะ แล้วงานเลี้ยงมันเมื่อไหร่หรือคะ” “เย็นมะรืนนี้” “ฉันจะโทรหาพี่นัฎ ตอนนี้ฉันต้องไปวัดตัวแล้ว” จิดาภากล่าวจบ ก็หยิบมือถือและรีบลงจากตึกไปอย่างร้อนรน เพราะการมาของลุงของจิรภาสครั้งนี้ เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเขา เธอต้องการสร้างความประทับใจในแรกเจอให้กับเขา เพื่อเป็นการเตรียมตัวพบกับคนของตระกูลปรีดาอัครกุลในอนาคต จิรภาสนั่งอยู่ที่ห้องหนังสือ เมื่อเห็นจิดาภาวิ่งไปไวปานสายลม ก็อดที่ส่ายหน้าหัวเราะไม่ได้ “คนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินแบบเธอ กลับมาร้อนรนกับเรื่องของฉันอย่างนั้นรึ” เมื่อพี่นัฎได้รับสายจากจิดาภา ก็รู้สึกงุนงง และรีบตรงมารับเธอที่คฤหาสน์ในทันที “ทำไมถึงเปลี่ยนความคิดกัน ไม่ใช่ว่าจะอยู่บ้านกับบอสหรือ” “ตอนนี้ฉันต้องหาชุดที่ดูดีก่อน ฉันต้องไปเจอกับลุงของเขาแล้ว” จิดาภากุมนิ้วของตัวเอง ใจเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง ยังไม่ทันจะได้พบพ่อของจิรภาส เธอก็เริ่มกังวลเสียแล้ว พี่นัฎเข้าใจในทันที และเหยียบมิดคันเร่ง “ฉันติดต่อร้านเสื้อผ้าไปแล้ว ตอนนี้ยังปรับแก้ได้อยู่” ในเรื่องนี้ จิดาภามักจะคอยระมัดระวังกับการอยู่กับคนในครอบครัวเสมอ เนื่องจากความสัมพันธ์ของตระกูลวีรภัทรเมธีนั้นค่อนข้างยุ่งเหยิง เธอปลีกตัวออกมาและตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลวีรภัทรเมธีมานานแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าการปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวมันเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกับผู้หลักผู้ใหญ่ ต้องมาพบกับหัวหน้าครอบครัวของจิรภาสในตอนนี้ มันก็สมควรแล้วที่เธอจะกังวล “อย่ากังวล...” “ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าใครกันที่ตื่นเต้นจะเป็นจะตาย เพราะว่าพ่อแม่ของตฤณจะมา” “เรื่องของฉันกับเธอไม่เหมือนกัน ถึงตอนนั้นเธอไม่ต้องทำอะไรเลย บอสจะช่วยเธอจัดการทุกอย่างเอง เธอแค่รอเปิดตัวสวยๆ เท่านั้น ลุงของเขาจะต้องชอบเธอ เอาความมุ่งมั่นยามอยู่ต่อหน้ากล้องของเธอออกมาซะ คิดเสียว่ามันคือการแสดง” ..... หลังจากตนุภัทรได้รับมือถือที่เบญญาหามาให้เขา เขาใช้ความพยายามและเงินเป็นจำนวนมากในการปลดล็อกมัน เขาดูรูปในมือถือด้วยความตื่นเต้น เขาต้องหาเบาะแสให้เจอ แต่รูปในมือถือนั้นหากไม่ใช่รูปเซลฟี่ของเจ้าของเครื่อง ก็เป็นรูปของงานเลี้ยงวันครบรอบของเค.เอฟ ภาพหลักคือภาพนักแสดงและนมิดาสองคน ตนุภัทรหลังจากที่ดูแล้วก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ จิดาภาเป็นนักแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ได้ดีคนหนึ่ง สามารถยืดหยุ่นไปกับเวทีได้อย่างอิสระ เผยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอต่อหน้าทุกคน นมิดาเมื่อไปยืนอยู่ต่อหน้าเธอ ก็เทียบไม่ได้จริงๆ เพียงแต่ งดงามแล้วมีประโยชน์อย่างไร เขามั่นใจว่าจิดาภาคือคนที่มีชีวิตดำมืดคนหนึ่ง เป็นหญิงเลวที่อ่อยผู้ชายไปทั่ว
已经是最新一章了
加载中