บทที่ 8:นี่ หรือความรักที่มีให้?   1/    
已经是第一章了
บทที่ 8:นี่ หรือความรักที่มีให้?
ชาตรีไล่เธอออกไม่ใช่แค่ความคิดชั่ววูบ แม้แต่สัมภาระยังให้คนช่วยเธอเก็บเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ถูกข่มขู่มาหลายครั้ง ที่ผ่านมาพิงกี้ไม่กล้าคิดถ้าตัวเองถูกไล่ออกจากบ้านจะทำยังไง? พอถึงวินาทีนี้ เธอคิดว่าเธอจะเสียใจมาก แต่ว่าเธอไม่รู้สึกเลย บ้านที่เยือกเย็นไม่มีความอบอุ่นแบบนี้ มีอะไรให้น่าระลึกอีก? เหมือนที่ลิสาพูด เธอไม่มีผลประโยชน์กับบ้านนี้แล้ว อย่าพูดถึงตอนนั้นเพื่อให้เธอแต่งงานกับธีระ ชาตรีรับปากว่าจะให้เธอสองล้านเลย ตอนนี้เธอไม่มีที่ยืนในบ้านหลังนี้แล้วด้วยซ้ำ ในเมื่อถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมเธอยังต้องพูดจาเจียมเนื้อเจียมตัวด้วย ? “ จะให้ฉันไปก็ได้หรือ? ได้สิ แต่ฉันมีเรื่องนึงจะขอร้อง ” พิงกี้พูดอย่างสงบนิ่ง “แขนของฉันพลิก คุณเรียกหมอประดิษฐ์มารักษาแขนฉันหน่อย" หมอประดิษฐ์ไม่ใช่หมอประจำของที่บ้าน แต่ก็เคยเซ็นต์สัญญา ถ้าคนในบ้านมีใครไม่สบายก็สามารถเชิญเขามาดูได้ ถ้าชาตรียังนึกถึงความเป็นพ่อลูกกัน เขาก็คงจะรับปาก “หมอประดิษฐ์อายุเยอะแล้ว ดึกดื่นป่านนี้เรียกเขามา แกไม่รู้สึกเกรงใจหรือ!?” ชาตรีคิดก็ไม่คิดก็ปฎิเสธเธอเลย พอเห็นป้านารีถือสัมภาระมา เขาก็รีบไล่ตะเพิดเลย “ รีบไสหัวไปซะ !เห็นหน้าแกแล้วอารมณ์ขึ้นโมโหจน นอนไม่หลับ! ” เขาจะกล้าขัดใจคุณเควินได้ยังไง? พูดแล้วตลก! คนที่เควินจะจัดการ เขาไม่โยนหินลงไปทับคนที่อยู่ในบ่อก็ถือว่าใจบุญแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตอนนี้เขาไล่ตะเพิดพิงกี้ไป ก็ถือว่าใจดำเลือดเย็นมากพอแล้ว สัมภาระถูกชาตรีแย่งมา และโยนไปที่ขาของพิงกี้ “ ปัง ” เสียงนึง เหมือนกระแทกมาที่ใจเธอ มาลาตีหยิบซ้อมจิ้มผลไม้มาใส่ที่ปาก เหมือนทีวีที่ดูอยู่สนุกมาก จนไม่มาสนใจเธอ หายใจลึกๆคำนึง พิงกี้รู้สึกดวงตาแสบอย่างรุนแรงแต่น้ำตาไหลไม่ออก สงสัยเธอคงจะชินตั้งนานแล้ว เธอใช้มือซ้ายหิ้วสัมภาระอย่างลำบาก พิงกี้ก้าวเท้าเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง และแล้วตอนที่เธอจะก้าวเท้าออกจากประตู จู่ๆมาลาตีก็ส่งเสียงออกมา “ รอก่อน นั่นใครนะ...เธออย่าเพิ่งไป! ” อาจจะเพราะว่าในใจยังแอบคาดกวังเล็กน้อย พิงกี้หยุดนิ่งไว้ ชาตรีโมโหตะคอกเสียงดัง “ ยังเรียกเธอไว้ทำไม ให้เธอรีบไสหัวไปซะ ” “ตาแก่ คุณลืมไปแล้วหรือ เดี๋ยวบ้านศิลปการสกุลจะมาถอนหมั้น? ” มาลาตีวางแก้วชาในมือลง และพูดอย่างไม่เห็นด้วย “ ถึงลูกคนนี้จะทำให้คุณโกรธแค่ไหน เดี๋ยวตระกูลศิลปการสกุลจะมาถอนหมั้น คนหมั้นก็ต้องอยู่ด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวทางบ้านเขาจะว่าเราไม่รู้เรื่อง คำครหานี้ใครจะรับไว้?” ถึงแม้ตระกูลศิลปการสกุล ไม่มีอำนาจใหญ่โตค้ำฟ้าเหมือนตระกูล ภิรมย์ภักดี แต่ก็เป็นตระกูลที่เราจะขัดใจไม่ได้เชียวนะ ถ้าตระกูล ศิลปการสกุลโกรธกริ้วขึ้นมา ยังไงก็ต้องให้พิงกี้แบกรับไว้คนเดียว ชาตรีจิตใจสงบลงก็คิดแบบนี้เช่นกัน “ คุณนี่รอบคอบที่สุดเลย ” เขาทำเสียงใส และเรียกพิงกี้ “ ยังไม่รีบไสหัวกลับมาอีก ” พิงกี้ยิ้มอย่างเย็นชา ถอนหมั้นก็ถอนหมั้นสิ เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? ธีระเป็นสนุขที่จงรักภักดีกับลิสา งานแต่งของเธอกับธีระ เธอไม่เพียงแต่ไม่แคร์แถมยังรู้สึกขยะแขยง เธอไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้ให้คนมารังเกียจเธอหรอก! เธอก้าวเท้าอยากเดินจากไป แต่ว่าป้านารีมาดึงสัมภาระเธอไว้ และยิ้มอย่างฝืนใจ “คุณหนูคะ ป้าว่าคุณหนูเชื่อฟังคำพูดของน่ายท่านดีกว่านะคะ ถ้าทำให้นายท่านโกรธ เดี๋ยวร่างกายคุณหนูจะได้รับแผลใหม่เพิ่มนะคะ” พิงกี้เหลียวมองชาตรีและมาลาตี คำพูดที่ข่มขู่ของป้านารีพวกเขาไม่ได้เอามาใส่ใจ ไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูก ทำเหมือนเธอเป็นแค่หมาตัวนึง ตอนเรียกต้องมาตอนสั่งให้ไปก็ต้องไป ไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรี “ ได้ ! ” หายใจลึกๆคำนึง พิงกี้ก็เดินกลับมาที่ห้องโถง หลบหลีกไม่ได้ เธอก็ต้องแบกรับเอาไว้! เธอจะคอยดูซิว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับเธออีก! ความเจ็บปวดที่ได้รับในวันนี้ สักวันเธอต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!
已经是最新一章了
加载中