อยู่ใกล้ๆ จมูก
บ้านโสภณพิพิธ
“คุณแม่ สวยหรือยังคะช่วยดูหน่อย” สิตมนหมุนซ้ายขวาให้คุณนายศศิดูก่อนออกจากบ้านไปพบว่าที่คู่หมั้น
“สวยแล้วล่ะยายมน ไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณป้าจะคอย” ศตายุลดหนังสือพิมพ์ตอบคำถามแทนมารดา
“ลูกแม่ใส่อะไรก็สวยจ๊ะ ไปเถอะ อย่างที่พี่เขาบอกอย่าให้ผู้ใหญ่รอ ต้องทำให้ปาริชาติรักมากๆ นะลูก”
“ค่ะคุณแม่” สิตมน หันไปล่ำลาพี่สะใภ้ที่เพิ่งเดินลงมา วีว่าพยักหน้าให้น้องสาวสามีก่อนจะเดินไปทรุดนั่งบนโต๊ะอาหาร คุณนายศศิมองสะใภ้ที่เคยชื่นชมด้วยความไม่พอใจ เพราะวีว่าลงมาร่วมโต๊ะสายทุกวัน ไม่เคยรู้จักเกรงอกเกรงใจตนที่นั่งหัวโด่คอยด้วยความหิว ศตายุนั้นคร้านจะพูดอะไร ลงมือทานมื้อเช้า ไม่อยากให้มีการทะเลาะต่อหน้ามารดา เหตุเพราะภรรยาไม่เคยยอมแพ้ ยอมลงให้ตนแม้เพียงเรื่องเดียว
ตักอาหารไป หัวใจศตายุก็โหยหาแฟนเก่าที่จากกันมาเกือบสี่ปีอย่างห้ามไม่ได้ ‘ลูก’ เป็นอีกเรื่องที่ศตายุไม่เคยลืม อยากรู้เหลือเกินว่าเพียงขวัญจะเอาออกอย่างที่มารดาต้องการหรือเปล่า
“คุณเอาเงินไปนะหนูเล็กเอาเด็กออกซะ เงินที่เหลือก็เก็บเอาไว้ใช้จ่ายอย่างอื่น” ในครั้งนั้นตนทำตามคำสั่งมารดานำเช็คไปให้คนรักซึ่งคิดว่าเลิกรักแล้ว เพราะเจอวีว่าที่สวยกว่า ร้อนแรงกว่า ที่สำคัญมารดาชื่นชอบ และจะไม่ตัดเขาออกจากกองมรดกหากแต่งงานกับเธอ
“ยุทำไมคุณทำกับหนูเล็กอย่างนี้ นี่มันลูกของเรานะ มันเกิดจากความรักของเราไม่ใช่หรือ” คนรักร้องไห้ฟูมฟาย ตนรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยกับคำพูดนั้น แต่เมื่อสำรวจหัวใจเขารักวีว่ามากเกินและไม่อาจทนลำบากกับคนรัก ที่ฐานะครอบครัวแสนขัดสน จึงเดินจากมาไม่หันหลังกลับไปมองอีก เคยหวาดหวั่นว่าเพียงขวัญจะมาป่วนในชีวิตอีก กลัววีว่าจะรู้เรื่องราว หากเพียงขวัญได้ลาออกจากบริษัทและไม่เคยมาข้องแวะให้รำคาญหัวใจอีกเลย แต่อยู่กินกับวีว่า ตนก็ไม่มีทายาทเสียที หลายครั้งเคยคิดว่าเพราะบาปกรรมที่ทำไว้ อยากกลับไปหาเพียงขวัญ แต่ไม่อาจสู้หน้าคนรักเก่าได้ จึงจำทนหวานอมขมกลืนอยู่กับวีว่า ซึ่งคนในครอบครัวเริ่มเบื่อหน่ายกับความเอาแต่ใจ ไม่เห็นหัวใคร มากขึ้นทุกวัน ทุกวัน
“ตายุแม่ไปทำงานก่อนนะ” มารดาบอกกล่าวก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ ศตายุจึงรีบทานเพราะไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับภรรยาเพียงลำพัง
ไม่นานก็วางช้อนข้าวต้ม ลุกขึ้นตามมารดาไป
วีว่ามองตามสามี ไม่คิดสนใจ เพราะสาวมั่นอย่างเธอก็อยากให้สองแม่ลูกออกจากบ้านไปเสียที เห็นหน้าทั้งสองเธอก็ทานข้าวไม่ค่อยลงสักเท่าไหร่ แต่เรื่องให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้เอง ไม่มีวัน เธอรักศตายุมาก แม้นานวันความรักที่เขาให้เธอกลับคืนจะลดน้อยลงก็ตาม เรื่องจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ไม่มีทางแน่นอน
เพียงพลอยอยากดูแลเจ้านายอีกคนบ้าง เพราะรู้สึกหายจากอาการหน้ามืด หญิงสาวจึงลุกขึ้นจากเตียงนอนภายในบ้านพักหลังเล็กที่เจ้านายเตรียมไว้ให้
“คุณแม่บ้านหายแล้วหรือคะ” เด็กรับใช้เข้ามาถาม
“จ้าดีขึ้นและจะขึ้นไปดูแลเรื่องของว่างตอนเที่ยงบนตึก”
เดินเข้ามายังห้องครัวเพียงพลอยก็ตะลึงงันเมื่อเห็นสิตมน โสภณพิพิธ
“คุณแม่บ้าน รู้สึกเวียนหัวอีกแล้วหรือคะ” เด็กรับใช้ซึ่งกำลังดูแลเรื่องน้ำชาหันมาร้องเรียกเธอ ในตอนนั้นผู้หญิงที่เธอจำแม่นว่าคือน้องสาวของผู้ชายที่เกลียดชังก็หันตามเสียงเด็กมาด้วย
“สวัสดีค่ะ” เพียงพลอยจำก้มหน้าไหว้แม้ไม่อยากทำแม้แต่นิดเดียว
“นี่เหรอแม่บ้านที่ทำขนมจนคุณป้าติดใจ” สิตมนถาม สายตาจับจ้องผิวพรรณนวลเนียน ใบหน้าหวานของแม่บ้านด้วยสายตาอิจฉา
“ค่ะคุณ” เด็กรับใช้เป็นคนตอบ หากสิตมนรู้สึกตัวว่าจ้องแม่บ้านนานเกินไป ก็ทำทีไม่สนใจไม่พูดอะไรอีก รีบแย่งชุดน้ำชาในมือเด็กรับใช้เดินออกจากห้องไป
เด็กรับใช้หันมามองหน้าแม่บ้านคนสวยด้วยความงุนงง เพียงพลอยเองก็มองตามสิตมนสุดสายตา ภายในใจนึกดีใจที่ครอบครัวนั้นไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเธอมาก่อน ไม่เว้นแม้แต่ศตายุ
เพียงพลอยทำใจนานทีเดียวเมื่อรู้ว่าสิตมนคือว่าที่นายหญิงของที่นี่ หญิงสาวยกขนมเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยตัวเองจนปาริชาติต้องร้องถามด้วยความเป็นห่วง
“หนูนาหายเวียนหัวแล้วหรือจ๊ะ ทำไมไม่พัก ให้เด็กดูแลต่อก็ได้”
“หายแล้วค่ะ ขอบคุณมากที่ให้ดิฉันพักเมื่อตอนเช้า” หนูนาตื้นตันใจมากเพียงบอกว่าเวียนหัวเมื่อเช้าคุณนายก็บอกไม่ต้องทำงานอีก ความคิดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่จะออกจากที่นี่เมื่อครู่เลือนหายไป…อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
“หนูคงต้องฝึกทำขนมกับคนใช้ ไม่ใช่สิแม่บ้านของคุณป้าบ้างแล้วล่ะค่ะ” สิตมนพูดเอาใจว่าที่แม่สามี อีกอย่างไม่อยากไม่เป็นที่สนใจของปาริชาติ แค่ราฟาเอลคนเดียวก็เจ็บใจพออยู่แล้ว เพราะตั้งแต่มาถึงเธอก็ยังไม่เห็นหน้าเขาเลย…
งานด่วนบ้าบออะไรกัน นี่มันใช่เวลางานหรือไร ไหนวันนี้คุณป้าบอกว่าราฟาเอลหยุดหนึ่งวัน
“ได้สิมาได้ตลอดถึงป้าจะกลับไปเนเธอร์แลนด์แล้ว มาทำความคุ้นเคยกันไว้อีกหน่อยก็ต้องมาอยู่แบบถาวร”
สิตมนขวยเขิน ปาริชาติมองด้วยความเอ็นดู เพียงพลอยขอตัวเจ้านายเพราะไม่อยากเห็นหน้าอาของหลานขึ้นมา เมื่อคิดถึงสิ่งที่ครอบครัวโสภณพิพิธเคยทำกับพี่สาว หากกำลังจะเดินจากไป เสียงคุณปาริชาติหยุดเธอไว้
“อย่าพึ่งไปสิหนู มารู้จักลูกชายฉันก่อน”
เพียงพลอยต้องหยุดเดิน หันกลับมาที่เดิม
“นี่ราฟาเอลลูกชายฉันจ๊ะ”
เหมือนโลกหมุนเร็วรี่จนทรงตัวไม่อยู่เมื่อเห็นหน้าเจ้านายที่ต้องดูแลต่อจากปาริชาติ เพียงพลอยเซ
“อ้าวยังเวียนหัวอยู่หรอกหรือ!” ปาริชาติตกอกตกใจถลาลุกขึ้น หากไม่ทันร่างสูงของลูกชายที่เข้ารับร่างแม่บ้านสาวไว้ได้
“หนูนา…” ราฟาเอลพูดเสียงเบาได้ยินกันเพียงสองคนหลังจากเข้าประคอง
“คุณ…” หนูนาแกะมือหนาออกจากแขน “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ”
“พาไปพักดีกว่าลูก หนูนาไม่ค่อยสบายแม่ให้พักก็ไม่ยอมดูสิหากเป็นลมเป็นแล้งไป จะทำยังไง ไม่น่าเลย” ปาริชาติบอกลูกชาย
“หนูเรียกเด็กให้ค่ะ” สิตมนไม่พอใจ เสนอความเห็นเพราะขัดหูขัดตาเมื่อราฟาเอลกอดแม่บ้านหน้าใสไม่ยอมปล่อย เขาไม่ทันทักทายเธอก็สนใจคนอื่นซ้ำยังไปตระคองกอด น่าโมโหจริงๆ
“ไม่ต้องหรอกผมจะพาไปเอง” ราฟาเอลตัดบท
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเลยจ๊ะ แม่จะให้เด็กหายาหอมยาลมตามไป” ปาริชาติสนับสนุน
“ปล่อยนะคุณ ฉันเดินได้” เพียงพลอยกระซิบเสียงเบา แม้อยากดิ้นรนแต่ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
“ไม่มีทาง กว่าจะเจอตัวแสนยาก ไม่คิดเลยมาอยู่ใกล้จมูกนี่เอง” ราฟาเอลกระซิบลอดไรฟัน พร้อมออกเดินไปยังบ้านหลังเล็กที่มารดาบอกว่าเป็นที่พักของคนในอ้อมกอด