อยู่กันคนละโลก
สามวันมาแล้วที่เธอเจอผู้ชายคนนั้น คนที่ใจเธอบอกว่าเป็นเขา หลังจากวันนั้นหัวใจของเธอสับสนไปหมด และที่เธอตลกตัวเองนัก คือเวลาว่างจากงานเธอกลายเป็นพนักงานนักสำรวจตรวจตราไปเสียแล้ว แต่หลายวันที่เธอหวังว่าจะเจอเขา มันเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวี่แววของเขาเลย วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่แพรวาเริ่มจะถอดใจ ร่างบางทรุดนั่งบนเตียงผ้าใบสีขาว แรงที่มีมากเป็นพิเศษในช่วงที่ผ่านเริ่มหดหาย ขอพักสักครู่นะแพรวาบอกตัวเอง คงไม่เป็นไรเพราะวันนี้เลยเวลางานแล้ว แพรวานั่งพักสายตาพยายามไม่คิดเรื่องที่รบกวนจิตใจมาตลอดหลายวัน แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ทำมันไม่ได้ ที่ได้ทำกลายเป็นนั่งหลับตาภาวนาให้เจอ วินนี่อีกสักครั้ง
วินนี่เรียกเลขาให้ตามผู้จัดการทั่วไปเข้ามาพบ ทัคน้อมรับคำสั่งแต่ไม่วายแจ้งเจ้านายว่าบางทีผู้จัดการอาจจะกลับไปแล้วเพราะเลิกงานแล้ว “เขาไม่อยู่ก็เรียกผู้ช่วยมาสิ”เสียงเข้มดังมาอีก ทัครีบเดินไปจัดการตามนายสั่ง
“เชิญนั่ง” ร่างสูงสง่าที่ทิ้งตัวตามสบายบนเก้าอี้ เชื้อเชิญเมื่อเห็นผู้จัดการมายืนอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณครับ”ณรงค์ฤทธิ์เลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะ ทรุดนั่ง “คุณยังไม่กลับเหรอ”เสียงเป็นงานเป็นการถาม
“ช่วงนี้ผมอยู่ต่อถึงสองทุ่มครับ เพราะผู้ช่วยอยู่ในช่วงลาพักร้อน”
“อย่างนี้เอง” วินนี่พยักหน้าเข้าใจ
“ที่ผมเชิญคุณมาเพราะมีเรื่องอยากแจ้งให้คุณทราบ และมีเรื่องข้องใจหลายอย่างอยากซักถาม”
ณรงค์ฤทธิ์นั่งฟังเรื่องหลายเรื่องที่เจ้านายแจ้ง ผู้จัดการที่อายุน้อยกว่าเจ้านายไม่กี่ปีอย่างเขารู้สึกทึ่งกับการทำงานของเจ้านายที่ได้รับรู้ “คุณมีความคิดยังไงกับเรื่องที่ผมบอก” วินนี่ถามขึ้น แม้เขาไม่อยากรู้ว่าผู้จัดการคนนี้รู้สึกยังไง แต่เขาต้องถามตามมารยาท
“คุณวินมีวิสัยทัศน์ที่เยี่ยมยอดอยู่แล้ว ผมคงไม่มีความคิดเห็นมากนัก แต่ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยที่ผมยังไม่รู้ ถ้าผมยังคงมีโอกาสออกความคิดเห็น เวลานั้นผมจะขออนุญาตไว้ก่อนเลย”
วินนี่เพียงพยักหน้าเมื่อณรงค์ฤทธิ์พูดจบ ก่อนผู้จัดการตี๋จะออกจากห้องวินนี่จึงฝากเรื่องสำคัญอีกอย่างไว้นั่นคือเรื่องการรับผู้ช่วยเพิ่มอีกสองคน เขารู้สึกพอใจผู้จัดการหนุ่มคนนี้ที่กล้าขอ กล้าโต้แย้ง แต่ความรู้สึกพอใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็หดหาย เมื่อวินนี่ได้ลงมาเห็นภาพบางอย่าง ในเวลาต่อมา
“ทำไมยังไม่กลับครับ”
“ผู้จัดการ” แพรวายิ้มบางให้เจ้านายอีกคน
“แพรนั่งชมทะเลเพลินไปหน่อย ถ้าอย่างนั้นแพรขอตัวค่ะ” ไม่อยากคุยนานเมื่อเธอเห็นสายตาเขาผู้จัดการ ณรงค์ฤทธิ์
“ทำไมรีบนักครับคุยกันก่อนสิฮะ” คำพูดที่เปลี่ยนไปทำให้แพรวารู้สึกอึดอัดยิ่ง สีหน้าแพรวาเริ่มเฉย จนคนที่คุยด้วยเริ่มรู้สึก แต่หญิงสาวก็ยังชวนคุยพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงที่นอนแช่อยู่นาน “แล้วคุณล่ะค่ะ”
“ผมบอกหลายครั้งแล้วว่าเรียกผมว่าโอม” แววตาขอร้องทำให้แพรวาไม่อาจปฏิเสธ
“เอ่อ..คุณโอมจะกลับกี่ทุ่มคะ”
ผู้จัดการหนุ่มรู้สึกหัวใจแช่มชื้นขึ้น แล้วทำใจกล้ายื่นมือ เพื่อฉุดมือหญิงสาวขึ้นจากที่นั่ง “ผมกลับสามทุ่มหรืออาจช้ากว่านั้น”
“ทำไมคะ ปกติกลับสองทุ่ม” ณรงค์ฤทธิ์ยิ้มหน้าบานเมื่อคิดว่าเธอสนใจรายละเอียดเขาด้วย “คุยกับเจ้านายฮะ”
“เจ้านาย”
“คุณวินนี่ เจ้านายสุดหล่อไง ยิ่งมองยิ่งเห็นความเท่ห์ ความหล่อ” แพรวายิ้มจำต้องยื่นมือรับเพื่อจะได้ลุกขึ้น
ภาพดังกล่าวที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของคนอยู่ในหัวข้อสนทนา คนเท่ห์ คนหล่อที่ถูกพูดถึง กำหมัดแน่น ใบหน้าบึ้ง และหมุนตัวกลับเข้าโรงแรม ณรงค์ฤทธิ์หันไปเห็นใบหน้าเจ้านายพอดี เพราะเขายืนหันหน้าเข้าสู่ตัวโรงแรมแตกต่างกับแพรวาที่นั่งเบือนหน้าไปทางท้องทะเล
“มองอะไรคะ” แพรวาหันไปมองตาม ระยะใกล้นิดเดียวกับสิ่งที่แพรวาหันไปมอง เมื่อมองจากด้านหลังเธอก็คิดว่าไม่ผิด นั่นมันเขาแน่ๆ หัวใจเริ่มเต้นตูม แต่มันเต้นได้ไม่นานมันก็เหมือนจะหยุดเต้นไปตลอดกาลเพราะคำพูดของ ผู้จัดการตี๋
“นั่น เจ้านาย คุณวินนี่ คนที่ทำให้ผมต้องกลับบ้านช้ากว่าเคยไงฮะ”
เมื่อกลับถึงห้องพัก แพรวาเปิดดูนิตยสารธุรกิจที่มีข่าวสารบันเทิง ธุรกิจและหนังสือเกี่ยวกับสังคมไฮโซหลายๆ เล่มที่หามาได้
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่จิตใจเธอจดจ่ออยู่กับหนังสือกองพะเนิน เพราะปกติหญิงสาวแทบไม่เคยแตะหนังสือพวกนี้ หลังจากตรวจสอบรายชื่อแขกไม่ปรากฏชื่อวินนี่ แพรวาก็คิดว่าวินนี่อาจใช้ชื่อคนอื่นเพื่อเข้าจองห้องพักก็เป็นได้ แต่เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมงานเมื่อช่วงสามวันที่ผ่านทำให้แพรวาเริ่มฉุกคิด เจ้านายคนใหม่ชื่อ วินนี่ หนุ่มออสเตรเลีย และเมื่อหัวค่ำของเมื่อวานอีก รูปพรรณสัณฐานที่ผู้จัดการพูด แพรวาอ้าปากค้าง…คงไม่ใช่หรอกนะ จะสอบถามรุ่นพี่ก็กลัวจะถูกสงสัย หากจะรอเพื่อเห็นหน้าเจ้านายก็รอไม่ไหว เพราะใจร้อนอยากรู้ตอนนี้เลย หญิงสาวจึงต้องหาข้อมูลด้วยตัวเอง
นิค เบอร์ตัน เป็นเจ้าของโรงแรมทั่วโลก มีลูกชายสุดหล่อหนึ่งคน วินนี่ เบอร์ตัน แต่ไม่มีรูปถ่ายให้เธอดู แพรวานั่งนิ่ง เหม่อลอย เปิดหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า เพื่อหารูปถ่ายลูกชายเจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ และแล้วความพยายามของเธอก็ไม่สูญเปล่าภาพเล็กๆ ในหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวเล่มล่าสุดมีสิ่งที่เธอตามหา
บัดนี้ทุกอย่างกระจ่างในหัวใจ วินนี่ ชายที่เธอรักและพยายามตามหาเขามาตลอด กลายมาเป็นมหาเศรษฐีไปเสียแล้ว รวมทั้งเป็นเจ้านายของเธอ นี่หลายปีที่ผ่านมาเธอปิดตัวเองจากทุกๆ สิ่งรอบตัวจนไม่รับรู้อะไรเลย บางอย่างที่หัวใจตามหามันอยู่ไม่ไกลที่จะพบ… แต่ขณะนี้สิเมื่อพบแล้วมันไกลเกินจะเอื้อมถึง แต่อะไรไม่สำคัญเท่ากับท่าทีที่เขาตัดรอนหัวใจรักของเธอให้พังทลายในชั่วพริบตาในวันนั้น คนที่มีหนทางมืดมนเช่นเธอ จะเริ่มต้นอย่างไรดีล่ะคราวนี้ เมื่อเขาปิดเส้นทางที่จะก้าวต่อไป กับคำนี้ เขาไม่รู้จักเธอ
‘บางทีเขาคงจะมีคนรักไปแล้วก็ได้ ผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนี้ เลิกหวังเถอะแพร ว่าเขาจะเหมือนตัวเธอ’ มือบางวางหนังสือหมดเรี่ยวแรง เมื่อใจเอาแต่คิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้น
แพรวาเดินเข้ามาในห้องทำงานเกือบคนสุดท้ายในวันรุ่งขึ้น ทุกคนหันหน้ามามองหญิงสาวแทบพร้อมเพรียงกันหลังเธอเปิดประตูเข้ามา “ขอโทษนะคะทุกคนที่แพรมาสาย พี่แมว มีอะไรจะพูดกับแพรหรือคะ” หญิงสาวอ่านสีหน้าทุกคนได้ดีว่าวันนี้ต้องมีอะไรแน่นอนเมื่อสบกับสายตาหลายคู่
“มีสิคะพี่แพร ก็เจ้านายใหม่ของเรานะสิคะ มาถึงแค่สัปดาห์เดียว ท่านก็เริ่มทำการผ่าตัดพนักงานแล้วค่ะ พี่ รู้ไหมคะแต่ละแผนกหวาดกลัวกันใหญ่เลย”
“ใช่จ๊ะ เจ้านายสุดหล่อสุดโหดเริ่มทำการโยกย้ายพนักงานยกใหญ่” รจเรสบอกกล่าวข้อมูลที่ตนเองทราบมาให้รู้เหมือนกัน
“หยุดเมาท์แล้วทำงานกันได้แล้ว แผนกเราคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า เราทำงานเป็นทีมเวิร์กอยู่แล้วจะกลัวอะไรกันล่ะ” พนิดาอธิบายพร้อมปลอบใจลูกน้องอยู่ในที
“ใช่ ๆ จ๊ะ ไม่ต้องกลัวเนอะ น้องแพรคนสวยทำงาน ๆ” รจเรสปิดบทสนทนา ก่อนแยกย้ายกันไปทำงาน
‘วินคะ แพรรู้ว่าคุณคงเกลียดแพรจนไม่ให้อภัยแต่คุณคงไม่ใจร้ายไล่แพรออกจากงานหรอก ใช่ไหมคะ’ แพรวาทรุดนั่งบนเก้าอี้ทำงาน รู้สึกหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน การศึกษาของเธอน้อยนิด ได้เข้ามาทำงานในหน้าที่นี้ได้เพราะเธอมีดีเพียงอย่างเดียว คือความสามารถทางภาษา เธอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างฉะฉาน รวมทั้งภาษาฝรั่งเศสนิดหน่อย เธอมีโอกาสเข้ามาทดลองงาน แล้วโชคก็ช่วยเมื่อเธอทำงานเป็นที่ถูกใจของหัวหน้าและรุ่นพี่ อาจเป็นเพราะเธอพูดน้อย ขยันขันแข็งจนเป็นที่ยอมรับของทุกคน แต่สำหรับเจ้านายคนใหม่ที่อดีตเคยให้ความสำคัญกับเธอ บัดนี้เหมือนมีกำแพงมากั้นให้เธออยู่คนละโลกกับเขา หากเธอต้องตกงาน เขาก็คงไม่สนใจ หรือบางทีอาจสมน้ำหน้าเธอด้วยซ้ำ เธอจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว สมองเริ่มสั่งงานตามสันชาติญาณการเอาตัวรอด