บทที่ 5 แต่งงานกับฉัน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 5 แต่งงานกับฉัน
บทที่ 5 แต่งงานกับฉัน เฉียวเมิ่งเยว่ยังอ่านข้อความที่เหลือไม่หมด ในขณะที่สายตาของเสี่ยวอันกับพวกพยาบาลกำลังตกใจนั้นก็รีบเดินกลับไปที่ห้องทำงาน ทันทีที่เข้าไปถึงห้องทำงาน เธอก็ไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีก ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ร่างกายไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย ปีนี้เธออายุยี่สิบหกแล้ว ไม่มีแฟน ไม่มีคุณสมบัติที่ดีในด้านการทำงาน เธอไม่รู้ว่า เธอจะต้องเป็นแพทย์ประจำบ้านอีกนานแค่ไหน เพื่อนร่วมชั้นที่มีผลการเรียนแย่กว่าเธอต่างก็ออกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศกันหมด หลังจากกลับมาก็ได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าแพทย์เลย หลังจากเรียนจบปริญญาโทในประเทศ เธอก็เริ่มทำงานเลย พอมีเวลาว่างเธอก็เรียนด้วย ประสบการณ์การทำงานของเธอนั้นเยอะกว่าพวกเขา ความเชี่ยวชาญก็ไม่แตกต่างกัน แต่ก็แค่เป็นแพทย์ประจำบ้านธรรมดาคนหนึ่งในโรงพยาบาลที่ไม่มีชื่อเสียงก็เท่านั้น ทำได้แค่ไต่ขึ้นไปอย่างช้าๆ ในตอนนั้น หากเธอสามารถเอาทุนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศมาไว้ในมือได้ ตอนนี้จะเป็นยังไง? เฉียวเมิ่งเยว่คิดถึงตรงนี้ ก็หลับตาลงไม่ไปคิดถึงมันอีก ตอนนี้มาคิดถึงเรื่องพวกนั้น ก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ เสียงฝีเท้าได้ปรากฏขึ้นในห้องทำงาน เฉียวเมิ่งเยว่ขี้เกียจที่ลืมตาขึ้นมา พูดอย่างเบื่อหน่าย: “เอกสารวางไว้บนโต๊ะก่อน เดี๋ยวฉันค่อยเซ็นให้” ผ่านไปไม่นาน เธอก็ไม่ได้ยินเสียงวางของบนโต๊ะเธอเลย เฉียวเมิ่งเยว่ลืมตาขึ้น เห็นเห้ออี้ลั่วยืนอยู่ตรงหน้าก็นิ่งไปสักพัก เห้ออี้ลั่วมือทั้งสองข้างกอดอก ใบหน้าเฉยเมย มองเธอจากที่สูงราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นเฉียวเมิ่งเยว่ตื่นแล้ว เห้ออี้ลั่วเดินอ้อมไปหลังโต๊ะทำงานเธอ ปิดคอมของเธอ จากนั้นก็ถอดเสื้อกาวน์ของเธอออก โยนมันทึ้งบนเก้าอี้อย่างเฉยเมย เฉียวเมิ่งเยว่ตกตะลึงด้วยการกระทำของเห้ออี้ลั่ว พูดอย่างเย็นชา: “คุณชายเห้อ ที่นี่เป็นที่ทำงานสาธารณะ ได้โปรดให้เกียรติกันด้วย” “คุณเหนื่อยแล้ว ผมส่งคุณกลับบ้านไปพักผ่อน” เห้ออี้ลั่วพูดขึ้น เฉียวเมิ่งเยว่สับสนขึ้นไปอีก อดทนไปด้วยพูดไปด้วย: “เราไม่ได้สนิทกัน อย่าทำการกระทำที่คลุมเครือแบบนี้!” “คลุมเครือ? คลุมเครือตรงไหน?” เฉียวเมิ่งเยว่โดนคำถามของเห้ออี้ลั่วถามขึ้น เห้ออี้ลั่วฉวยโอกาสในตอนที่เธอเผลอ ดึงมือเธอแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป “ปล่อยมือ!” “แล้วถ้าผมไม่ปล่อยหละ?” เฉียวเมิ่งเยว่กำลังหงุดหงิดในใจ โดนเห้ออี้ลั่วมาสกิจอีกทำให้ไฟร้อนขึ้นไปอีก พูดอย่างเย็นชา: “เห้ออี้ลั่วนายอย่าเอาความเกรงใจของฉันทำเหมือนเป็นการอนุญาต!” “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเกรงใจ” เฉียวเมิ่งเยว่: “… …” เสี่ยวอันมองเฉียวเมิ่งเยว่ และเห้ออี้ลั่วอย่างแปลกใจ “พี่เฉียว… …” ปากที่อ้ากว้างนั้นราวกับสามารถยัดไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง เฉียวเมิ่งเยว่ดึงมือออก ก็พบว่าเห้ออี้ลั่วไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยมือ เธออธิบายอย่างไม่เต็มใจ: “ทางด้านลูกชายของคุณเห้อมีเรื่องนิดหน่อย ฉันจะไปดูให้ก่อน เธอเอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะก่อน พรุ่งนี้ฉันค่อยกลับมาเซ็น” “ได้ค่ะ” เสี่ยวอันพยักหน้า สายตากลับมองไปที่เห้ออี้ลั่ว เห้ออี้ลั่วไม่ได้มองเสี่ยวอัน ดึงเฉียวเมิ่งเยว่เข้าลิฟต์ไปโดยตรง ** ทันทีที่เข้าไปในลิฟต์ เฉียวเมิ่งเยว่ก็สะบัดมือของเห้ออี้ลั่วทิ้ง “คุณอยากจะทำอะไรกันแน่” ร่างสูงของเห้ออี้ลั่วเอนกายอิงผนังในลิฟต์ สูทที่ตัดเย็บออกมาอย่างคุณภาพสูงดูเหมาะกับรูปร่างและอารมณ์ของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ เห้ออี้ลั่วในตอนนี้ดูขี้เกียจ และมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ขมวดคิ้ว ที่อยู่ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องลงมาราวกับภาพวาดที่ไม่มีข้อบกพร่องเลย แม้แต่ริมฝีปากก็ดูนุ่มนวลกว่าคนอื่นๆมาก “เฉียวเมิ่งเยว่แต่งงานกับฉัน” เฉียวเมิ่งเยว่คิดว่าตัวเองเหนื่อยเกินไปจนเห็นภาพหลอน เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของเห้ออี้ลั่ว และมองมาที่เธอตลอด เธอก็เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เธอได้ยินนั้น ไม่ใช่ภาพหลอน เฉียวเมิ่งเยว่กระตุกมุมปาก แล้วตอบกลับ “เหอะเหอะ” “เราสนิทกันจนสามารถพูดถึงเรื่องแต่งงานได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” “ผมจริงจังนะ” “อ๋อ? ขอผู้หญิงที่เจอกันแค่สามครั้งแต่งงานเนี่ยนะ คุณนี่จริงจังจริงๆ” เฉียวเมิ่งเยว่พูดราวกับเป็นเรื่องตลก “แล้วใครบอกว่าเจอกันแค่สามครั้งแต่งงานไม่ได้หละ? คนที่ใช่ เจอกันแค่ครั้งเดียวก็มั่นใจได้แล้ว ส่วนคนที่ไม่ใช่ คบกันเป็นสิบปีก็เลิกกันอยู่ดี” เห้ออี้ลั่วพูดอย่างสบายใจ เอนตัวไปใกล้ใบหน้าของเฉียวเมิ่งเยว่ พอใจกับผิวที่ขาวและบอบบางเป็นธรรมชาติของเธอมาก “ผมมั่นใจว่าคุณสามารถอยู่กับผมได้ตลอดชีวิต ดังนั้นผมจะแต่งงานกับคุณ” ลมหายใจอุ่นพัดสัมผัสใบหน้าเธอเบาๆ พร้อมกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเห้ออี้ลั่ว เฉียวเมิ่งเยว่ไม่ต้องยื่นมือไปสัมผัสที่แก้มก็รู้ได้เลยว่า แก้มของตัวเองนั้นร้อนแค่ไหน เฉียวเมิ่งเยว่พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง “คำพูดพวกนี้คุณไปบอกคนอื่นเถอะ ฉันมั่นใจว่ามีผู้หญิงอีกมากมายที่อยากจะได้ยินคำพูดพวกนี้” เมื่อเธอพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี ความคิดเจ้าเล่ห์ของเห้ออี้ลั่วเปล่งประกายออกมา เขายื่นมือไปโอบเธอไว้ในอ้อมกอด แล้วโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของเฉียวเมิ่งเยว่ เฉียวเมิ่งเยว่เบิกตาโต คิดว่าเห้ออี้ลั่วจะจูบเธอ รีบเอื้อมมือไปปิดกั้น แต่กลับถูกเห้ออี้ลั่วเอาออกได้ก่อน มือใหญ่ของเขาวางทับอยู่บนมือเล็กๆของเธอ ใช้วิธีกดโดยไม่ทำให้เธอเจ็บ ใบหน้าของทั้งสองคนใกล้กันจนจะสัมผัสถึงกันได้อยู่แล้ว แค่ใครสักคนขยับอีกนิดก็สามารถจูบกับอีกฝ่ายได้แล้ว เฉียวเมิ่งเยว่ประหม่าจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ มองเห้ออี้ลั่วอย่างตกใจ ดวงตาสีดำราวกับทะเลลึกของเห้ออี้ลั่ว ก็มองมาที่เฉียวเมิ่งเยว่ ดวงตาของเธอ ชัดเจนและละเอียด สัมผัสได้ถึงความรู้สึกใสสะอาดอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าที่ละเอียดอ่อน และผิวขาวราวน้ำนม ยังมีความรู้สึกลึกซึ้งละชัดเจน ร่างกายเธอทั้งบนและร่าง คงจะใช้คำว่าสะอาดมาอธิบายได้เพียงอย่างเดียว ไม่มีกลิ่นอายของคนทำงาน และไม่มีร่องรอยที่ถูกสร้างขึ้นอย่างละเอียด ก็คือความสวยงามที่ออกมาโดยธรรมชาติ ทำให้คนไม่สามารถปฏิเสธที่จะไม่มองได้ ทั้งสองคนสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของกันและกันได้จากสายตาของอีกฝ่าย ช่วงเสี่ยวเวลาที่เฉียวเมิ่งเยว่มองไปที่ดวงตาของเห้ออี้ลั่ว หัวใจของเธอก็เต้นรัวขึ้นมาทันที จากสายตาของเขา มองไม่เห็นแม้แต่เรื่องตลกและขบขัน … … ผู้คนที่ยืนอยู่นอกลิฟต์ไม่คิดว่าจะเกิดภาพแบบนี้ขึ้น จึงพากันอุทานออกมา เมื่อเฉียวเมิ่งเยว่ได้สติคืนมา ก็ทั้งอายและทั้งโกรธ เห้ออี้ลั่วปล่อยเธอออก ก่อนที่เฉียวเมิ่งเยว่จะผลักเขา แล้วกลับมายืนตัวตรง “เสี่ยวเมิ่ง?!” เสียงของผู้ชายที่ไม่ค่อยใจดังขึ้นจากนอกลิฟต์ เมื่อเฉียวเมิ่งเยว่ได้ยินเสียงนั้น หัวใจทั้งดวงเหมือนถูกแช่แข็ง สายตาของโจวจื่อหยางมองไปที่ระหว่างเฉียวเมิ่งเยว่ และเห้ออี้ลั่ว สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเฉียวเมิ่งเยว่ อยากจะมองเห็นอะไรบางอย่างจากใบหน้าของเฉียวเมิ่งเยว่ สิ่งที่ทำให้เขาต้องผิดหวังก็คือ เขาไม่เห็นอะไรเลย สีหน้าของเฉียวเมิ่งเยว่ดูปกติมาก แทบจะมองไม่เห็นความผิดปกติเลย เฉียวเมิ่งเยว่ไม่มองแม้แต่เห้ออี้ลั่วและโจวจื่อหยาง รีบเดินออกจากลิฟต์ไป เดินอ้อมไปทางที่มีคนน้อย ไปที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลแล้ว ขังตัวเองไว้ในรถ ทำไมโจวจื่อหยางถึงมาปรากฏตัวที่โรงพยาบาลของเธอได้? เขาคิดจะทำอะไร? ในตอนที่เฉียวเมิ่งเยว่กำลังคิด ประตูฝั่งคนขับก็ถูกใครบางคนเปิดออก นอกรถ คือเห้ออี้ลั่ว เฉียวเมิ่งเยว่มองเขาด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำเรื่องยุ่งยากพวกนี้ไปเพื่ออะไร เห้ออี้ลั่วมองไปที่ใบหน้าที่ซีดขาวของเธอ เม้มปาก น้ำเสียงเย็นชาพูดขึ้น: “ย้ายไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ เดี๋ยวผมขับเอง” เฉียวเมิ่งเยว่กระพริบตาแล้วพูด: “เห้ออี้ลั่ว ถ้าคุณคิดจะเล่นเกมละก็เปลี่ยนคนอื่นแทนเถอะฉันไม่สนุกด้วย!” เห้ออี้ลั่วก็ไม่เสียเวลาคุยกับเธอ โน้มตัวอุ้มเธอออกมาโดยตรงเลย เดินอ้อมรถไปอีกฝั่งแล้ว วางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ เฉียวเมิ่งเยว่ไม่รู้ว่าตัวเองเหนื่อยเกินไปหรือ ตกใจเกินไป ถึงยอมให้เขาอุ้มอย่างง่ายดาย เห้ออี้ลั่วพอใจกับการกระทำของเฉียวเมิ่งเยว่ อ้อมรถกลับมานั่งทางฝั่งที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถ
已经是最新一章了
加载中