บทที่ 8 กล้าดียังไงมารังแกคู่หมั้นผม   1/    
已经是第一章了
บทที่ 8 กล้าดียังไงมารังแกคู่หมั้นผม
บทที่ 8 กล้าดียังไงมารังแกคู่หมั้นผม “แค่คุณนึกถึงฉัน ฉันก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วค่ะ ถ้าได้ร่วมงานวิจัยกับคุณบ่อยๆ ฉันคงจะโดนพวกแพทย์ในโรงพยาบาลพากันด่าตายแต่ๆ” หลินจื้อหัวเราะ “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะทำตัวให้ไม่ต้องเด่นมากหน่อย คุณกลับไปทำงานเถอะ ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามผมได้เลย” “ค่ะ” เฉียวเมิ่งเยว่กลับไปถึงห้องทำงาน เอานิตยสารที่ไม่ได้เปิดอ่านวางไว้บนโต๊ะ โจวจื่อหยางกับเย่ชิงก็เป็นแพทย์ด้านหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง การประชุมงานวิจัยครั้งนี้ต้องได้เจอพวกเขาแน่ แต่แล้วยังไงหละ เธอต้องการจะก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางนี้อย่างแท้จริง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าร่วมในการวิจัยนี้เพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างง่ายดายแน่ ** เวลาดำเนินไปถึงวันพุธอย่างรวดเร็ว เฉียวเมิ่งเยว่ก็ขับรถไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่จะต้องพูดในครั้งนี้กล้องถ่ายรูป และDV กับหลินจื้อแล้วถึงจะออกเดินทางไปที่งาน มีเฉียวเมิ่งเยว่ขับรถของหลินจื้อ รถโปโลของเธอนั้นถูกเกินไป ไม่เหมาะที่จะขับไปสถานที่ที่มีแต่รถยนต์หรูหราราคาหลักล้าน ถ้าปกติขับโปโลคันเล็กไปไหนมาไหนนั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าในสถานที่แบบนี้ระวังสักหน่อยจะดีกว่า เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานในเขตชานเมือง เฉียวเมิ่งเยว่ก็ปล่อยให้หลินจื้อไปพักในห้องวีไอพีก่อน สวนตัวเองก็ไปทำหน้าที่เตรียมการต่าง ๆ และติดต่อกับผู้จัดสถานที่และติดตามความคืบหน้าของการประชุม ถึงแม้ว่าจะเคยติดต่อแล้ว อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องปกติที่การประชุมใหญ่แบบนี้จะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงกำหนดการ พอพนักงานดูแลสถานที่เห็นว่าเฉียวเมิ่งเยว่กำลังเดินมา ก็พูดขึ้น: “หมอเฉียว คุณมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องที่ต้องการคุยกับคุณค่ะ” “ค่ะ เชิญพูดได้เลย” “ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่าพอศาสตราจารย์หลินบรรยายครบสองชั่วโมงก็สามารถพักได้เลย ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย มีการเพิ่มเวลาเข้ามาคุณคิดว่าจะได้ไหมคะ?” “หัวข้อที่จะเพิ่มคืออะไรคะ ตารางเวลาของศาสตราจารย์หลินนั้นกะทัดรัดมาก การบรรยายหลักสูตรในครั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด หลักสูตรสองชั่วโมงก็ถือว่ายืดเยื้อมากแล้วนะคะ ฉันคิดว่าศาสตราจารย์หลินต้องการการพักผ่อนในเวลานั้นค่ะ” “ค่ะ ดิฉันทราบค่ะ” พนักงานมีสีหน้าลำบากใจ “ฉันได้รับแจ้งมากะทันหัน ว่ามีแขกคนสำคัญจะเดินทางมา หลังจบการบรรยายจะมีการจัดสัมมนาขึ้น ในฐานะที่ศาสตราจารย์หลินเป็นวิทยากรคนสำคัญหากไม่มีการเข้าร่วมทางเราก็ไม่สามารถแก้ไขได้เหมือนกันค่ะ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ” ทางพนักงานเคยร่วมงานกับเฉียวเมิ่งเยว่มาแล้วหลายครั้ง เห็นการทำงานของเฉียวเมิ่งเยว่มาตลอด ในบางกรณีเธอนั้นสามารถตัดสินใจได้โดยตรง เมื่อเทียบกับแพทย์และผู้ช่วยรอบ ๆ ศาสตราจารย์คนอื่น “ฉันคงต้องคุยกับศาสตราจารย์หลินก่อน จะให้คำตอบคุณครึ่งชั่วโมงก่อนจบการบรรยายนะ” “ค่ะ” เมื่อพนักงานได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปแจ้งคนอื่นๆก่อนนะคะ” “ค่ะ” เฉียวเมิ่งเยว่หยิบตารางเวลาและแผนภูมิเดินไปนั่งที่โซฟาด้านข้าง หอประชุมแล้วเปิดดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วจำลองสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในหัว ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา “ไอหยา นี่ไม่ใช่เมิ่งเมิ่งหรอกเหรอ?” ดวงตาเฉียวเมิ่งเยว่ขยับเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นก็เห็นเย่ชิงกับโจวจื่อหยางเดินมาทางเธอ เย่ชิงสวมชุดกระโปรงยาวสีแดง กับผ้าคลุมหนังสัตว์ตัวใหญ่ เส้นผมถูกดึงขึ้นไปมัดรวมกัน ประดับด้วยปิ่นปักผมประดับเพชร ทั้งมีเสน่ห์และมีราคาแพง โจวจื่อหยางที่ยืนข้างๆเธออยู่ในชุดสูทสีดำมือหนึ่งข้างถูกกุมไว้ด้วยมือของเย่ชิง และอีกข้างก็กระเป๋าใบเล็กของผู้หญิง ดูเหมือนจะเป็นมาตรฐานเดียวกับแฟน “สวัสดี เย่ชิง โจวจื่อหยาง” เฉียวเมิ่งเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็รวมอารมณ์ทั้งหมดแล้วกล่าวทักทายอย่างอัธยาศัยดี เย่ชิงนั่งลงข้างๆ เฉียวเมิ่งเยว่ มองดูเอกสารที่อยู่ในมือของเธอ แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ทำไมไม่ให้ผู้ช่วยของเธอดูหละ? โรงพยาบาลของเธอคงไม่แย่ถึงขั้นนี้หรอกจริงไหม เธอมาฟังการบรรยาย แม่แต่ผู้ช่วยสักคนก็ไม่ให้มาด้วยหรอ?” “ฉันมากับเพื่อนที่ทำงานด้วย จริงๆงานพวกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ” เฉียวเมิ่งเยว่ขี้เกียจเกินจะใส่ใจกับถ้อยคำของเย่ชิงและพูดอย่างถ่อมตน พวกเย่ชิงคิดว่าเฉียวเมิ่งเยว่จะอาย คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่ตอบกลับอะไรเลย พูดขึ้นอีก: “ได้ยินว่าเธอไม่ได้เรียนปริญญาเอก ถ้าอย่างนั้นเธอคงจะทำงานมานานหลายปีแล้วสินะ ทำไมถึงให้เธอมาทำหน้าที่ที่แม้แต่นักเรียนวิยาลัยยังทำได้หละ?” “แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบกับพวกเธอสองคนได้หรอก” เฉียวเมิ่งเยว่พูดไปด้วยดูนาฬิกาไปด้วย ไม่ต้องการเสียเวลากับเย่ชิงและโจวจื่อหยาง “ใกล้เวลาแล้ว ฉันขอตัวไปคุยกับศาสตราจารย์ของโรงพยาบาลฉันเรื่องการบรรยายก่อนนะ แล้วเจอกัน” พูดจบ เฉียวเมิ่งเยว่ก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง จนกระทั่งเดินไปถึงที่ที่ไม่มีคน เฉียวเมิ่งเยว่ก็เนื้อตัวสั่นเท่าอย่างเสียการควบคุม เธอยังคงประเมินอิทธิพลของโจวจื่อหยางกับเย่ชิงที่มีต่อเธอต่ำไป เย่ชิงมองดูแผ่นหลังของเฉียวเมิ่งเยว่ที่เดินหายไป แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเกลียดชัง หลังจากที่เธอรู้ว่าเฉียวเมิ่งเยว่ก็มาร่วมการบรรยายในครั้งนี้ด้วย เธอก็คิดอยากจะเหยียบหยามเฉียวเมิ่งเยว่ต่อหน้าเธอ เมื่อก่อนตอนอยู่ในโรงเรียน เฉียวเมิ่งเยว่ก็ดีกว่าเธอทุกอย่าง เมื่อผู้คนพูดถึงมหาวิทยาลัยหนานเฟิง สิ่งแรกที่นึกถึงคือเฉียวเมิ่งเยว่และอย่างที่สองก็คือเธอ ตอนนี้ เมื่อเธอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ได้เป็นถึงรองผู้อำนวยการแพทย์ของโรงพยาบาลชื่อดังแล้ว แต่เฉียวเมิ่งเยว่เป็นแพทย์ประจำบ้านของโรงพยาบาลธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียง ถ้าอยากจะเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการแพทย์ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกห้าปี ตั้งแต่เธอแย่งโจวจื่อหยางเธอจากไป เฉียวเมิ่งเยว่ก็ไม่แคยคิดจะมองหน้าเธอกับโจวจื่อหยางอีกเลย เรื่องนี้ทำให้เย่ชิงไม่พอใจมาก มองดูการแต่งตัวที่ละเอียดอ่อนแล้วรู้สึกบิดเบือน ในสายตาของโจวจื่อหยางมีแต่หน้าของเฉียวเมิ่งเยว่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร มองแต่เฉียวเมิ่งเยว่ตั้งแต่ที่เธอปรากฏตัวจนกระทั่งเธอจากไป ไม่มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ความผิดหวังเพิ่มขึ้นในใจอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้ ** การกระทำของพวกเขาทั้งสามคนอยู่ในสายตาของเห้ออี้ลั่วที่ยืนอยู่ริมหน้าหน้าต่างจากชั้นสามทั้งหมด เห้ออี้ลั่วมองไปที่โจวจื่อหยาง ในดวงตาเปล่งประกายแสงความชั่วร้ายออกมา ข่งซิวชิงที่ยืนอยู่ข้างเห้ออี้ลั่วยิ้มออกมา: “ใครไปทำให้นายไม่พอใจหรอ?” “ถ้าเกิดว่ามีคนมารังแกภรรยานาย นายจะทำยังไง?” เห้ออี้ลั่วค่อยๆถามขึ้น “ฉันไม่มีภรรยาสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไง?” เห้ออี้ลั่วเบื่อที่จะสนใจเขา เมื่อข่งซิวชิงเห็นว่าเห้ออี้ลั่วนั้นจริงจัง เขาจึงตอบกลับ: “ถ้าเกิดว่ามีคนมารังแกภรรยาฉันละก็ ฉันก็จะฆ่ามันทิ้งซะ!” “ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” จู่ๆข่งซิวชิงก็เรียกสติคืนมา “พี่รอง พี่ไปมีภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันยังไม่ได้รับการ์ดเชิญเลย?” “ในอนาคต” เห้ออี้ลั่วทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเดินจากไป ** การบรรยายของหลินจื้อจบลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเฉียวเมิ่งเยว่จะมีประสบการณ์ในด้านของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองมาไม่น้อย แต่พื้นฐานทางทฤษฎีนั้นก็มั่นคง ฟังหลินจื้อบรรยายแล้วก็ไม่รู้สึกยากอะไร กลับได้ประโยชน์มากมาย หลังจากจบการบรรยาย ด้านทางผู้จัดงานก็ได้เตรียมการพักดื่มชาให้ ผู้เข้าร่วมการฟังบรรยายต่างก็ไปที่ห้องโถงเล็กใกล้ๆเพื่อดื่มชาหรือลงไปเดินเล่นในสวนกันหมด เฉียวเมิ่งเยว่ก็ใช่เวลาในช่วงนี้จากเรียงเอกสารที่หลินจื้อเพิ่งบรรยายไปเมื่อกี้ และเรื่องที่ทุกคนได้คุยกันกับรูปภาพที่เธอได้ถ่ายเก็บไว้ในระหว่างการบรรยาย สถานที่จัดการบรรยายเป็นห้องประชุมขนาดกลาง ผนังห้องประชุมทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานขนาดใหญ่ บรรยากาศดีมาก ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดหน้าต่างฝรั่งเศส ลมกระโชกพัดมาทำให้เอกสารจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่วห้อง
已经是最新一章了
加载中