ตอนที่ 7
ดาราวดีถามเสียงสั่นขณะร่างใหญ่กำยำย่อตัวลงและยังคงจ้องมองร่างบอบบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดยาวสีขาวราวเทพธิดากรีก ผมเป็นคลื่นอ่อนสีน้ำตาลเป็นประกายยุ่งสยาย ใบหน้างามซีดจัดด้วยความประหวั่นพรั่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ที่นี่คือเกาะครีต”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงห้าวหนัก ดาราวดีหยุดชะงักและหันกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลงดงามตอนนี้ฉายความหวาดหวั่นจนเกินระงับ ริมฝีปากบางราวกลีบกุหลาบระริกสั่น
“เกาะครีตอย่างนั้นเหรอคะ...โอ...โธมัส...ฉันไม่รู้เลยว่าใครทำแบบนี้ ได้โปรดช่วยฉันทีเถอะนะคะ เอาโซ่นี่ออกไปจากตัวฉันที”
ดาราวดีตะกายมือทั้งสองไปบนแขนของชายหนุ่ม รั้งแขนเสื้อสูทของเขาและไว้แน่นราวจะหาที่ยึดเหนี่ยว ความหวั่นหวาดนั้นอาบใบหน้างามจนซีดจัด เธอจ้องมองเขาราวกับนี่คือความหวังสุดท้ายในชีวิต โธมัสหรี่นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มอมเทาลง
“คุณอยากมาที่นี่ไม่ใช่หรือ...ยูบีอา”
“ฉันอยากมา...แต่ไม่ใช่แบบนี้...ช่วยฉันเร็ว ๆ เถอะค่ะโธมัส พวกมันอาจอยู่แถวนี้ก็ได้”
“คุณหมายถึงพวกไหน”
“โธมัส...”
ร่างอรชรหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มเลื่อนมือของเขาขึ้นมาแตะบนใบหน้าของเธอเบา ๆ ปลายนิ้วแกร่งเลื่อนไล้ไปบนกรามเล็กที่สั่นน้อย ๆ ด้วยความกริ่งกลัว เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวเห็นอะไรบางอย่างวูบไหวในดวงตาคมลึกคู่นั้น แล้วรอยยิ้มเหยียดก็จุดขึ้นบนมุมปากของบุรุษผู้ซึ่งหญิงสาวคิดว่าเขาคือความหวังสุดท้าย
”ถ้าคุณหมายถึงคนที่เป็นศัตรูของเฟอร์นันโด เบนฟอร์ด...คนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนความเลวร้ายของไอ้คนระยำนั่น ตอนนี้มันอยู่ต่อหน้าคุณแล้วนี่ยังไง!”
ดาราวดีตาเบิกตากว้างเมื่อปลายนิ้วแกร่งที่ลูบไล้บนใบหน้าของเธอไปมาเปลี่ยนเป็นบีบคางเรียวไว้แน่น
“โธมัส...”
หญิงสาวรู้สึกเจ็บไปหมดตั้งแต่สันกรามเล็กจนถึงลำคอ ความกลัวของเธอเริ่มแล่นพล่านไปทั่วร่าง มันแผ่ขยายลงไปถึงปลายเท้าขณะนึกลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เธอกำลังจะกลับบ้านโดยมี เขา เป็นบอดี้การ์ดขับรถให้ และหลังจากนั้นเธอก็รู้สึกง่วงงุนจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ม่านตาของหญิงสาวขยายมากกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น สายเกินไปเมื่อน้ำตาหยดน้อยร่วงไหลลงบนแก้ม
“โธมัส...ทำไม...”
“ทำไมล่ะหรือ...มีอะไรมากมายที่ผมอยากอธิบาย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอกให้คุณรู้เอาไว้...นั่นก็คือ จริง ๆ แล้วผมไม่ใช่บอดี้การ์ดมืออาชีพอย่างที่คุณหรือพ่อของคุณเข้าใจ”
“คุณ...เป็นใคร”
รอยยิ้มเหยียดจุดขึ้นอีกครั้งและไม่น่าเชื่อว่านั่นเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมและอำมหิตบนใบหน้าคร้ามเข้มของผู้ชายที่ความหล่อเหลากระชากใจเคยสะกดความรู้สึกของเธอไว้แต่แรกเห็น ลมหายใจของเขาผ่าวร้อน หากแต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่ามันคือความเหน็บหนาวที่กำลังทะลวงลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งซึ่งเต็มไปด้วยความหวั่นหวาด
“ผมคือโธมัส เอเฟซัส...เฟอร์นันโดไม่รู้จักผม แต่เขารู้จักครอบครัวของผมดี!”
“โธมัส...คุณเป็นใคร”