ตอนที่ 8
ชายหนุ่มเอียงหน้า จ้องหล่อนด้วยแววตาแปลกเปลี่ยน ปลายนิ้วแกร่งยังจับปลายคางของหญิงสาวแน่น แน่นจนดาราวดีชาไปหมดทั้งหน้า รอยยิ้มอำมหิตแผ่เต็มริมฝีปากของชายหนุ่ม ดวงตาของเขาสาดประกายกล้าอย่างน่าครั่นคร้าม
“ผมเป็นใครอย่างนั้นหรือ” เขาทวนคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “ผมก็คือลูกชายของราฟและแพทริเซีย เอเฟซัส สองนักธุรกิจชื่อดังที่ถูกลวงไปฆ่าอย่างอำมหิตเพียงเพราะขัดผลประโยชน์กับนักค้าหุ้นและนักลงทุนที่มันคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้าอย่างเฟอร์นันโด เบนฟอร์ดยังไงล่ะ!”
“คุณพ่อ...มะ...ไม่จริง”
หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา เสียงของเธอลอดออกมาจากลำคอแห้งผากยิ่งกว่าทะเลทราย ริมฝีปากระริกถูกบังคับให้อ้าออกเพราะถูกนิ้วทรงพลังบีบสันกรามแน่นขึ้นทุกขณะ ใบหน้าคร้ามเข้มโน้มลงมาใกล้ โธมัสเหยียดปาก เขาเหมือนซาตานร้ายที่กำลังสยายปีกอันน่าสะพรึง
“วันนั้น...วันที่พ่อกับแม่ของผมถูกคนของเฟอร์นันโดฆ่าตาย ไม่มีใครแม้สักคนสังเกตเห็นว่ามีเด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งนอนหลับอยู่บนเบาะด้านหลังของรถ เด็กผู้ชายคนนั้นได้ยินเสียงพูดคุยกัน ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นหนึ่งนัด แล้วตามมาอีกหนึ่งนัด เด็กผู้ชายคนนั้นสะดุ้งตื่นและคลานลงจากรถ เขามองเห็นร่างพ่อแม่ของตัวเองนอนเหยียดยาวอยู่ข้างกันและเขาก็ยังจดจำใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชัดเจน เขาอาจไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครถ้าไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเรียกชื่อ เฟอร์นันโด...ยี่สิบปีหลังจากเด็กผู้ชายคนนั้นเติบโตขึ้นมาเขาก็ไม่เคยลืมเลยว่า ใคร ที่มันเอาชีวิตพ่อแม่ของเขาไปอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์!”
“โธมัส...ฉันไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ นะคะ”
“คุณจะไปรู้อะไร!”
โธมัสเหวี่ยงมือโดยไม่สนใจว่าใบหน้าหวานจะสะบัดไปตามแรงผลัก ร่างเล็กเกือบหงายหลังแต่เขากลับกระชากไหล่เธอเข้าหาตัวอีกครั้ง เขาเปลี่ยนไปแล้ว หาใช่โธมัส บอดี้การ์ดผู้ปกป้องชีวิตของเธออีกต่อไป
“คุณไม่มีวันรู้ถึงความทุกข์ทรมานของคนอื่น ในเมื่อวัน ๆ คุณก็แค่เด็กสาวที่ใช้ชีวิตอยู่กับความฝันบนกองสมบัติที่ไอ้พ่อเลว ๆ มันปล้นเอาไปจากคนอื่น”
“ฉันไม่ได้ต้องการมันสักนิด”
“คุณอยากจะแก้ตัวยังไงก็ได้”
“ฉันไม่ได้แก้ตัว คุณให้โอกาสฉันพูดอะไรบ้างจะได้มั้ย”
“หุบปากนั่นล่ะสิ่งที่คุณต้องทำ!”
“โธมัส!”
ดาราวดีกำลังจะอ้าปากพูดแต่เธอกลับต้องหยุดชะงักไว้แค่นั้นเมื่อชายหนุ่มหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาและเอามันสวมไว้บนข้อมือทั้งสองของเธอ
“โธมัส...นี่คุณจะทำอะไร”
หญิงสาวเบิกตากว้าง เธอไม่ได้รับคำตอบจากเขานอกจากการกระทำที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าการทรมานพวกเชลยในสนามรบ เขาล่ามเท้าเธอไว้ด้วยโซ่เหล็กยังไม่พอแต่ยังใช้ปลอกเหล็กพันธนาการข้อมือทั้งสองไว้อีกด้วย
“โธมัส...ปล่อยฉัน!....ปล่อยนะ!”
ดาราวดีกรีดร้องแต่แล้วเสียงหวีดก้องนั้นกลับเหือดหายราวน้ำระเหิดไปในอากาศเมื่อริมฝีปากบอบบางถูกจาบจ้วงด้วยปากหนาที่กระแทกลงมาและประกบปิดไม่ให้สียงโหยไห้ลอดออกมาอีก ลิ้นหนาโจนจ้วงเข้าสู่ปากเล็ก เป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายจูบแต่กลับเป็นจุมพิตหนักหน่วงที่ระบายความคับแค้นใส่อย่างไร้ปราณี เธอไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเท้าถูกล่ามไว้ข้างหนึ่งและมือทั้งสองถูกใส่กุญแจเหล็กยิ่งกว่าพวกทาสที่ไม่มีโอกาสอุทรขอชีวิต ใบหน้างามส่ายสะบัดเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากริมฝีปากที่ถูกบดขยี้อย่างรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว
“คุณหนีไปไหนไม่ได้ ยูบีอา!”
โธมัสคำรามเสียงหนักเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกและเห็นว่าปากของดาราวดีทั้งบวมทั้งห้อเลือด เขาเหยียดปากสะใจราวกับความเคียดแค้นนั้นอัดแน่นสุมอกโดยไม่ได้ยี่หระต่อความเจ็บช้ำของเธอแม้แต่น้อย